บทที่ 13
ช่างอาภรณ์จากห้องตัดเย็บยอบกายพึงพอใจกับถุงเงินในมือเป็นอย่างยิ่ง นางเพิ่งเข้าวังความจริงไม่มีองค์หญิงหรือพระสนมผู้ใดไว้ใจให้ตัดเย็บอาภรณ์ให้จึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่มากเมื่อองค์หญิงสิบสามเรียกใช้งานจึงดีใจยิ่ง อาภรณ์ชุดนี้นางก็ตั้งใจตัดเย็บอย่างดีที่สุดด้วยหารู้ว่าอาภรณ์สีแดงสดเช่นนี้ไม่มีช่างคนใดกล้าหาเรื่องใส่ตัวตัดเย็บให้คนในวังใส่ คงมีเพียงคนใหม่อย่างนางที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้น
"สีแดงหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะไม่เป็นที่พอพระทัยของไทเฮาและฮองเฮา" อ๋องฉางอันเห็นอาภรณ์สีแดงแล้วไม่สบายใจ แต่น้องหญิงของเขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกสิ่งใดเลย
องค์หญิงสิบสามยิ้มซุกซน
"ข้าตั้งใจเอง"
"เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัวนัก"
"พี่ใหญ่ท่านฟังข้า เหตุผลนั้นมีอยู่สองประการ ประการแรกเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่มีน้ำใจมอบผ้าไหมสีแดงงดงามนี้ให้ข้าจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ประการที่สองแน่นอนทั้งไทเฮาและฮองเฮาสองพระองค์ที่ไม่โปรดสีฉูดฉาดจนเป็นที่รู้กันโดยทั่ว แต่ก็ไม่ได้มีกฎข้อห้ามข้อไหนระบุไว้ว่าหากใส่สีแดงนี้แล้วมีความผิด เมื่อไม่มีกฎลงโทษก็ย่อมไม่มีความผิด อีกทั้งวันนั้นข้ารู้ดีว่าฝ่ายในต้องการหาคู่ครองให้บรรดาองค์หญิง หากข้าทำให้ไม่พอพระทัยบุตรของพวกเสนาอำมาตย์ย่อมคิดถึงเรื่องความปลอดภัยของสกุลเป็นประการแรก ดังนั้นพวกเขาย่อมหลีกเลี่ยงไม่สนใจตัวข้าผู้ซึ่งอาจจะนำพาพวกเขาสู่ภัยพิบัติเป็นแน่ บุรุษใดจะกล้าแต่งกับตัวหายนะเช่นข้าล่ะเพคะ"
"เหตุผลทั้งหมดเพราะเจ้าไม่อยากแต่งงานหรือ"
อ๋องฉางอันฟังแล้วรู้สึกว่าน้องสาวของตนเองฉลาดเฉลียวนักแต่นางกระทำการด้วยวิธีนี้ตัวเขานั้นไม่ใคร่สบายใจ
"ใช่เพคะ ข้าจะแต่งงานได้อย่างไรวันดีคืนดีกลายร่างเป็นปีศาจคงได้ถูกสามีตีจนตายเพราะเข้าใจผิดหรือไม่ก็จับข้าเข้ากรงเป็นแน่ ท่านพี่ไม่ห่วงข้าหรือ"
"เหตุผลของเจ้านับว่าถูกต้องพี่ของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากจนลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว"
"ข้าคำนวณมาดีแล้วหากองค์ไทเฮาไม่พอพระทัยอย่างมากก็จับข้าเข้าไปคุกเข่าที่หน้าศาลบรรพชนไม่ได้หนักหนาอะไรข้าคุกเข่ามาตั้งแต่เด็กชาชินแล้ว แต่หากต้องแต่งงานออกไปนั่นคือหายนะของจริงในชีวิตเลย"
"เจ้ามันเด็กดื้อมักขัดคำสั่งอยู่เสมอ"
ท่านอ๋องรู้ดีว่าเพราะองค์หญิงสิบสามเป็นคนที่ไม่ชอบประจบผู้ใดจึงมักนำภัยมาสู่ตนเองอยู่เสมอ หลายครั้งที่ขัดหูขัดตาไทเฮาและฮองเฮาจึงมักถูกหาเรื่องสั่งลงโทษอยู่บ่อยครั้ง
"เช่นนั้นพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ก็ลองดูข้าเถิด ข้าจะลองชุดให้ท่านดูเป็นคนแรก" กล่าวจบนางก็ทิ้งเขาไว้แล้วหายไปอย่างว่องไว
ดื่มชายังไม่ทันหมดถ้วย เสียงเจื้อยแจ้วสดใสชวนฟังของสตรีที่คุ้นหูก็ดังขึ้น อ๋องฉางอันที่กำลังยกน้ำชาขึ้นจิบก็ตะลึงลานด้วยความงดงามของสตรีบางคน สตรีที่เขาเคยเห็นว่าเป็นน้องสาวมาโดยตลอด
"พี่ใหญ่ข้างามหรือไม่"
อ๋องฉางอันเม้มริมฝีปาก ผ้าไหมสีแดงโปร่งบางถูกทอด้วยความประณีตพลิ้วไหวประดุจเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายบอบบางงดงาม ใบหน้างามแย้มยิ้มสีแดงระเรื่อที่ถูกแต่งแต้มด้วยชาดสีแดงบางๆ เคลือบอยู่บนริมฝีปาก ยามนางเยื้องกรายประดุจบุปผาแรกแย้ม งดงามไร้ที่ติ อ๋องฉางอันจ้องมองด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่เขาไม่เคยรับรู้
น้องสาวของเขาเติบโตเป็นสาวงามตั้งแต่เมื่อใด