บทที่ 11
ท่านแม่ทัพยื่นกระพรวนให้กับองครักษ์ฝาน หลังจากพิจารณาอยู่ชั่วครู่องครักษ์ฝานก็เอ่ยขึ้น
"ฝีมือการแกะสลักงดงามเช่นนี้นอกจากสำนักแกะสลักแห่งวังหลวงในแคว้นต้าชิงของเราคงไม่มีที่อื่นแล้ว"
"ใช่เป็นฝีมือจากช่างในวังไม่ผิดแน่"
"ของที่ทำประณีตอีกทั้งยังดูน่าสนใจเช่นนี้อาจจะเป็นของราชวงศ์หรือสนมนางใดก็ได้"
"สิบสาม ชื่อนี้หากไม่ใช่ชื่อเจ้ากระต่ายตัวที่สิบสามก็ต้องเป็นชื่อของคนในราชวงศ์ เจ้าดูว่ามีผู้ใดที่น่าจะเป็นเจ้าของทุกคนย่อมรู้ว่าฝ่าบาทไม่ชอบให้มีสัตว์เลี้ยงในวังเพียงใด หากรู้ว่ามีคนแอบขัดคำสั่งคงได้โดนลงโทษเป็นแน่"
"เช่นนั้นท่านแม่ทัพจะสนใจทำไมขอรับ เรื่องหยุมหยิมภายในวัง" องครักษ์ฝานมองว่าผิดวิสัยของหยางเอ้อหลางนัก
"จู่ๆ ก็อยากรู้ขึ้นมาว่าเจ้าของกระต่ายแรงเยอะผู้นั้นมีใบหน้าอย่างไรเจ้าส่งข่าวไปยังเจ้าของว่าข้ามีกระพรวนอยู่ในมือแต่ต้องการส่งมอบให้เจ้าของตัวจริงเท่านั้น ผู้อื่นข้าไม่พบหากของสิ่งนี้สำคัญจริงเขาย่อมมาพบข้าด้วยตัวเอง"
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของหยางเอ้อหลางเคร่งขรึมลง กระพรวนที่ถืออยู่ในมือยิ่งมองดูยิ่งคุ้นตาคล้ายกับเขาเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ใดสัญชาตญาณของเขาทำให้เขาไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ได้
"องค์หญิงข่าวดีเพคะพบแล้วเพคะกระพรวนผู้พิทักษ์"
อาชิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม องค์หญิงสิบสามเงยหน้ามองครั้นเห็นว่าเป็นอ๋องฉางอันที่ก้าวเท้าตามอาชิงมาอย่างสง่างามใบหน้าพลันแย้มยิ้ม
"พี่ใหญ่พบแล้วหรือเจ้าคะ"
"ใช่ไม่คิดว่าแผนของเจ้าจะได้ผลเร็วเช่นนี้ ฉลาดเสียจริงสิบสามของพี่" ท่านอ๋องฉางอันระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"แปลว่าข้าจะได้กระพรวนคืนจริงๆ แล้วใช่หรือไม่"
"เพคะ มีคนผู้หนึ่งติดต่อคนของเรามาว่าพบของแล้วและต้องการคืนให้ท่านด้วยตนเองอีกสองวันคือวันนัดพบเพคะ" อาชิงรีบตอบด้วยความตื่นเต้น
"เอ๋ให้ข้าไปพบเขาด้วยตนเองหรือ" องค์หญิงชี้นิ้วมาที่ตนเอง รู้สึกแปลกประหลาดนัก
"เพคะ"
"เหตุใดคนผู้นี้จึงเรื่องมากเช่นนี้ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นกระพรวนของข้าจริงๆ"
องค์หญิงสิบสามขมวดคิ้วหมุ่น คนผู้นั้นไยจึงไม่รับเงินแล้วส่งมอบกระพรวนเสีย
"ไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่จะเป็นผู้ออกหน้าไปรับกระพรวนให้เจ้าเอง ส่วนเป็นของจริงหรือไม่นั้นคนของเราตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของจริง"
องค์หญิงสิบสามกระตุกแขนเสื้อของอ๋องฉางอันแล้วเอ่ยขึ้น
"พี่ใหญ่เป็นพี่ชายที่แสนดีของข้าจริงๆแต่ว่าข้าก็อยากพบคนผู้นั้นข้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่"
นางทำท่าทางออดอ้อนอย่างน่ารัก ฉางอ๋องเพียงแต่ดันหน้าผากของนางที่กำลังซบประจบลงบนลำแขนของเขาออกห่างตนเองแล้วเอ่ยขึ้น
"ไม่ได้เจ้ารออยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่าอย่าสร้างเรื่องเลยให้ใหญ่โตจนผู้คนผิดสังเกตเลย"
องค์หญิงสิบสามเม้มปาก นางแค่จะไปดูห่างๆอีกทั้งพี่ใหญ่ก็มีองครักษ์อยู่มากมายองค์หญิงสิบสามจึงคิดว่าคงไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น
"พี่ใหญ่เช่นนั้นข้าออกนอกวังกับท่านแล้วรออยู่ที่ไกลๆ จะได้หรือไม่ถือโอกาสออกไปเที่ยวเล่นท่านช่วยทูลขอฮองเฮาให้ข้าหน่อยอยู่ในนี้อึดอัด มานานแล้ว สวนหน้าตำหนักข้าก็ดูจนเบื่อแล้วด้วย"
"ตอนเจ้ากลายร่างยังเที่ยวเล่นไม่พออีกหรือ"
"ตอนนั้นข้าถูกหินจันทราครอบงำไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดควบคุมตนเองยังลำบากท่านจะเหมารวมว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นไม่ได้ นะเพคะพี่ใหญ่ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมที่สุด"
นางออดอ้อนเขาอีกครั้ง ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองอ๋องฉางอันอย่างใสซื่อ แม้ใจในจะเป็นกังวลแต่ในที่สุดอ๋องฉางอันก็ยอมพ่ายแพ้แก่นาง
"ก็ได้เช่นนั้นเจ้ารออยู่ที่เหลาน้ำชาข้าจะไปพบคนผู้นั้นค่อยกลับมารับเจ้าดีหรือไม่"
"เพคะดียิ่งขอให้ได้ออกจากวังหลวงเถิด ให้รอที่ไหนก็ย่อมได้"
องค์หญิงสิบสามตื่นเต้นนักที่จะได้ไปเที่ยวเล่นนอกวังที่เปรียบเหมือนกรงขังแห่งนี้ การเป็นองค์หญิงนั้นมีกฎข้อห้ามมากมายถึงนางจะเป็นองค์หญิงที่ไม่มีใครใส่ใจด้วยมารดาเป็นเพียงธิดาเทพธรรมดาผู้หนึ่งหากเปรียบเทียบกับบรรดาสนมอื่นในวังที่มีผู้หนุนหลังจากตระกูลใหญ่แล้ว องค์หญิงสิบสามนับว่าเป็นองค์หญิงที่ต่ำต้อยที่สุดก็ว่าได้