ตอนที่ 8 พี่ใหญ่สกุลฮั่ว
หลินอีโผเข้ากอดพี่รองของตัวเอง อันเฟยไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะมีโอกาสได้พบกับผู้ที่ประสบเหตุเช่นนี้ด้วยตนเอง นางจึงมั่นใจแล้วว่าตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่จะช่วยหอต้าหรงและทางการกำจัดคนชั่วเหล่านี้ไป
“เป็นเจ้างั้นหรือ เจ้า…เป็นผู้จับเจ้าชั่วนั่น…ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ตามจับมันอยู่นานแต่ก็….”
“นั่นเพราะมันเลือกเฉพาะเหยื่อที่เป็นสตรี หากไม่มีตัวล่อ มันไม่มีทางลงมือ ข้าใช้ตัวเองเป็นตัวล่อก็เลย…”
ฮั่วหลินอีหันมาและดึงแขนอันเฟยออกมาจับจนแน่นพร้อมกับน้ำตาที่นองบนใบหน้าขาวนวลนั้น
“เจ้าสัญญากับข้ามา ว่าเจ้า….จะไม่ทำเช่นนั้นอีก สัญญามา!!”
“น้องสาม!!”
“เจ้าเป็นน้องสี่ของข้ามิใช่หรือ!! สัญญามาสิว่าจะไม่ทำเช่นนั้นให้พบกับอันตราย สัญญามา!!”
อันเฟยถึงกับตกใจ นี่นางยังใช่คนที่ก่อนหน้านี้ในห้องโถงเกลียดและไม่พูดจาดี ๆ กับนางอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้ใบหน้าที่ร้องไห้และสายตาที่ขอร้องนางกลับไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย
“หลินอี เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนนะทำเช่นนี้น้องสี่จะตกใจ”
“ไม่ ข้าไม่อยาก…ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว เจ้าสัญญามาสิอันเฟย”
“ได้ ๆ หลินอี ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะไม่เอาตัวเองไปเป็นตัวล่อเช่นนั้นอีก ข้าสัญญากับเจ้า”
“จริงนะ เจ้าพูดแล้วนะ พูดจริง ๆ นะ”
“ข้า…ข้ารับปากแล้วเจ้าใจเย็น ๆ และหยุดร้องไห้ก่อนนะ พี่รอง”
พี่รองของนางหันมากอดน้องสามเอาไว้แน่น ที่จริงฮั่วหลินอีทำเป็นปากแข็งไปเช่นนั้นเองตามประสาบุตรสาวคนเล็ก แต่นางมิได้เกลียดอันเฟยจริง ๆ ที่จริงยังชอบนางอีกด้วย และยิ่งได้รู้ว่านางคือผู้ที่จับคนชั่วที่ฆ่าเพื่อนสนิทนางได้ นางยิ่งรักอันเฟยมากเข้าไปอีก
“เช็ดน้ำตาได้แล้วน้องรอง นี่เราต้องจัดหาชุดใหม่ให้น้องสี่นะเจ้าจำได้หรือไม่”
“นั่นสิ ท่านแม่บอกมาแล้วว่าแม้ว่าจะไม่กี่วันแต่ก็ต้องไม่เสียเกียรติว่าเจ้าเป็นบุตรีท่านแม่ทัพหลวงนะ”
พวกนางเร่งหาชุดที่เหมาะสมกับอันเฟยได้ไม่ยากนักเพราะอันเฟยรูปร่างพอ ๆ กับพวกนางทั้งสอง อันเฟยปฏิเสธที่จะซื้อชุดใหม่แพง ๆ ขอแค่ชุดสักสองสามชุดเอาไว้ใส่ไปก่อนเท่านั้น สี่วันที่อยู่ในจวนแม่ทัพ อันเฟยมีความสุขราวกับอยู่บ้านของตัวเองก็มิปาน เพราะพี่รองของนางมักจะชวนนางประลองและนางเองก็สอนวรยุทธ์ของนางเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน พี่สามเองก็เพียรหาชุดและเครื่องประดับมาให้และสอนนางทำขนมหลายอย่าง
“เจ้าไปเก็บดอกกุ้ยฮวามาให้ข้าที ไม่ต้องเยอะมากนะแค่เอามาทำขนม”
“ได้เลยข้าไปไม่นานจะรีบกลับ”
อันเฟยไปที่ต้นดอกกุ้ยฮวาที่อยู่ริมสระหลังสวน นางเห็นช่อดอกที่อยู่สูงจึงนึกอยากได้ นางจึงปีนขึ้นไปพร้อมกับแม่ทัพฮั่วน้อยที่พึ่งเดินเข้ามาและเขาเห็นว่านางกำลังจะปีนขึ้นบนต้นไม้
“น้องสามนั่นเจ้าจะทำอะไร”
“ห๊ะ เหวอ…..”
“ระวัง!!”
แม่ทัพฮั่วน้อย หรือ “ฮั่วเทียนอี้” บุตรชายคนโตสกุลฮั่ววิ่งมารับนางแต่อันเฟยนั้นมีวรยุทธ์ นางพลิกตัวและตีลังกาและหมุนตัวลงมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างงดงาม ฮั่วเทียนอีพึ่งจะเห็นว่านางมิใช่น้องสาวของเขา
“แม่นาง เจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“แล้วท่านคือผู้ใดกัน”
“ข้า….”
“พี่ใหญ่!! น้องสี่!!”
“น้องสี่?? ข้ามีน้องตั้งแต่เมื่อใด”
“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“น้องรอง นี่…..”
“อ้อ ท่านพ่อยังมิได้บอกท่านเพราะท่านนำทหารไปฝึกนอกเมืองมาสินะเจ้าคะ นี่คือน้องสี่ของพวกเรา ฮั่วอันเฟย น้องสี่ นี่คือพี่ใหญ่ของพวกเรา ฮั่วเทียนอี้”
“คารวะพี่ใหญ่”
ท่าทางที่อ่อนน้อมและรอยยิ้มที่เป็นมิตรของนางทำเอาแม่ทัพฮั่วน้อยเผลอมองนางจนยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีน้องสาวมาเพิ่มอีกหนึ่งคนแต่ด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจแน่ใจ หรือว่าบิดาของเขาจะมีภรรยาที่ใดเพิ่มโดยที่เขาไม่รู้งั้นหรือ
ห้องหนังสือ
“อะไรนะขอรับ ว่าที่พระชายาาท่านอ๋อง”
“ใช่ แต่ว่าเป็นเพียงพระชายาชั่วคราว ทั้งคู่ทำสัญญากันว่าจะอภิเษกและเล่นบทพระชายานี้ให้หกเดือน”
“เหตุใดขอรับท่านพ่อ”
“ท่านอ๋องไม่อยากรับตัวปัญหาเข้ามาในจวนเพิ่มน่ะสิ ไม่ทันไรฝ่าบาทก็ประทานสนมมาให้พระองค์ถึงสองคน หากไม่มีพระชายาเสียที องค์ชายใหญ่คงหาเรื่องให้ฝ่าบาทประทานผู้ที่ไม่เหมาะสมมาเป็นพระชายให้ท่านอ๋อง ดังนั้นท่านอ๋องก็เลย….”
“เช่นนี้แล้วนางจะไม่เสื่อเสียหรือพ่ะย่ะค่ะ นาง….”
“เทียนอี้ เรื่องนี้เป็นข้อตกลงระหว่างทั้งสองคน และนางก็ทำข้อตกลงไปแล้วเจ้าไม่ต้องห่วงนางหรอก”
“แล้วหลังจากนี้หากเรื่องนี้จบแล้วเล่าขอรับ นางจะ…ไปอยู่ที่ใด”
“นั่น…ข้าเองก็ยังไม่เคยถามนางเลยแต่เจ้าก็เห็น นางเข้ากับทุกคนในจวนเราได้ดี ข้าเองก็ยังคุยกับแม่ของเจ้า อยากรับนางเป็นบุตรสาว”
“แต่ว่านาง…จะยอมหรือขอรับ”
“ยังเหลืออีกหกเดือน เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยคิดหาทางทีหลังเถอะ ว่าแต่เจ้าล่ะ เรื่องการฝึกนอกเมืองเป็นอย่างไรบ้าง”
“เป็นอย่างที่ท่านอ๋องและท่านพ่อคาดการณ์เอาไว้ องค์รัชทายาทส่งคนไปซุ่มดูจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ท่านอ๋องคาดการณ์ไม่มีผิดเลยจริง ๆ เขาไม่หยุดเลยจนกว่า…เฮ้อ สตรีคนรักก็แย่งไปแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทก็ได้ไปแล้ว พระองค์ยังไม่ยอมหยุดอีก เห็นทีครั้งนี้อันเฟยเข้าจวนอ๋อง ข้านึกห่วงจริง ๆ ว่านางกับท่านอ๋องจะเอาตัวรอดได้หรือไม่”
ประชุมราชสำนัก
“ว่าอย่างไรนะ ฟู่เฉิน…องค์ชายรองเจ้าบอกว่า....”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ลูกจะสู่ขอบุตรสาวท่านแม่ทัพฮั่วเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
“ถังเย่จวิน” องค์รัชทายาทถึงกับหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ สีหน้าและแววตาเขายังคงนิ่งได้อย่างน่าหมั่นไส้ มิใช่ว่าน้องรองคนนี้ของเขาหลงรักพระชายาของเขาหัวปักหัวปำงั้นหรือ ขนาดส่งสนมไปตั้งสองคนเขายังไม่แตะต้องพวกนาง แต่เหตุใดวันนี้จึงมาทูลขอเสด็จพ่อให้ออกราชโองการสมรสกับบุตรแม่ทัพฮั่ว
“น้องรอง เจ้า…คิดจะแต่งงานงั้นหรือ เหตุใดข้าจึงมิได้ยินข่าวมาก่อนหน้านี้เลยแล้วเช่นนี้พระสนมของเจ้าเล่าจะทำเช่นไรดี”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเสด็จพี่เป็นผู้ทูลขอพวกนางให้กระหม่อม เช่นนั้นทรงนำไปไว้ที่วังบูรพาของพระองค์เพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนพระชายาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า!!”
“เอาล่ะ ๆ พอทีพวกเจ้าดูเวลาเสียบ้าง นี่มันเวลาใดกันแล้ว ฟู่เฉินเรื่องนี้ข้าฟังมาจากฮั่วตูแล้ว เรื่องเป็นเช่นนี้ข้าก็คงจะต้องรีบจัดการงานสมรสให้เจ้าแล้วละนะ”
“เสด็จพ่อ แต่ว่า..”
“ทำไม พระชายาเจ้าก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ พระชายาลูกกำลังตั้งครรภ์อยู่เช่นนั้นในเมืองหลวงก็ไม่ควรจะมีข่าวดีทับซ้อนเช่นนี้นะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นมิรอให้พระชายาคลอดก่อนแล้วค่อย…สมรส เจ้าว่าดีหรือไม่น้องรอง”
“เห็นทีคงจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมเล่า เจ้ากลัวอะไรงั้นหรือน้องรอง หรือว่าว่าที่เจ้าสาวของเจ้ากลัวจะไม่ได้แต่งงาน หรือเป็นเจ้า…ที่กลัว..”
เซียวฟู่เฉินหันไปมองพระพักตร์พี่ชายต่างมารดาอีกครั้งพร้อมกับตอบไปด้วยเสียงเรียบ ๆ
“กระหม่อมมิได้กลัวสุนัขคาบไปกินเหมือนครั้งก่อนหรอก เพราะนางเป็นคนที่ฉลาดเลือกมากพอพ่ะย่ะค่ะ”