ตอนที่ 9 ข้าไม่ยอม!!
“นี่เจ้า!! พูดเช่นนี้เจ้าหาว่าข้า…”
“เอาล่ะ!! เช่นนั้นข้าจะรีบให้โหรหลวงดูฤกษ์ให้และกำหนดวันแต่งตั้งพระชายาและงานสมรส”
ฝ่าบาทรีบสวนทันควันเพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์ชายทั้งสองซึ่งเขาเองก็ทราบดีว่าองค์รัชทายาทนั้นไม่พอใจเรื่องใดและก็รู้ดีว่าโอรสองค์รองเองก็มิได้ยอมให้พี่ชายของตนเหมือนทุก ๆ ครั้งไป
หากจะไม่ให้เกิดเรื่องบาดหมางขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือจัดงานสมรสให้เขาเสียให้จบเรื่องบาดหมางนี้ไป
ตำหนักบูรพา
“เจ้าว่าอย่างไรนะ พูดใหม่ พูดใหม่อีกที!!”
“พระชายาเพคะ คือว่า….ขันทีในที่ประชุมนำความมาแจ้งว่าวันนี้ท่านอ๋องทูลขอพระราชทานสมรสกับบุตรสาวท่านแม่ทัพฮั่วเพคะ”
“บุตรสาวแม่ทัพ คนหนึ่งเป็นดุจบุรุษอยู่ในกองทัพของเขา อีกคนก็เอาแต่เข้าครัว แล้วมันเป็นคนไหนกันที่กล้า…กล้าที่จะ…”
“พระชายาเพคะ ถนอมพระวรกายด้วยเพคะพระองค์ทรงตั้งพระครรภ์อยู่นะเพคะ”
“บอกข้ามา!! มันเป็นใคร!!”
“หานจินซือ” ปัดเครื่องลายครามราคาสูงที่เป็นของขวัญจากขุนนางที่มอบให้แตกละเอียด นางกำนัลนั่งหดไหล่ด้วยความกลัวเมื่อถูกเอ่ยถามขึ้น นางจึงเล่ารายละเอียดให้ฟังโดยละเอียดหลังจากที่ฟังมาจากขันทีในท้องพระโรงอีกที
“จู่ ๆ ก็มีบุตรสาวโผล่มาอีกคน มันน่าสงสัยเกินไปหน่อยกระมัง กำหนดการออกมาหรือยัง”
“ยังเลยเพคะ วันนี้ฝ่าบาทประทานเพียงหนังสือหมั้นหมายเท่านั้นเพคะ ส่วนฤกษ์และงานสมรสจะให้โหรหลวงดูให้อีกทีเพคะแต่ว่าท่านอ๋องแจ้งว่า….”
“ว่าอย่างไร”
“แจ้งว่าขอไม่เกินหนึ่งเดือนข้างหน้านี้เพคะ”
“เขารีบถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ทำไมกัน ทำไม!!”
“พระชายาเพคะ…โปรดถนอม….”
“ออกไป!!”
สาวใช้คนสนิทรีบเดินออกไปแล้ว หานจินซือได้แต่ทรุดตัวนั่งที่โต๊ะอย่างหมดแรงพร้อมกับกำมือแน่นเมื่อฟังข่าวที่สาวใช้ไปสืบมาได้ นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเลือกแก้แค้นนางด้วยวิธีนี้
“ไม่จริง พี่ฟู่เฉินท่านยังรักข้าอยู่ ท่านยังรอข้าอยู่มิใช่หรือ ท่านต้องรอข้าสิข้า….”
“รออะไร เจ้าหมายจะให้ผู้ใดรอเจ้างั้นหรือ….จินซือ พระชายาของข้า”
“ท่าน!! ท่านโกหกข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านบอกว่า…..”
“ทำไม ตอนนี้เจ้าได้ตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทแล้ว เจ้ายังไม่พอใจสิ่งใดอีกงั้นหรือ”
“ท่านมันไม่ใช่คน เพียงแค่อยากเอาชนะเขา ถึงกับหลอกลวงข้าว่าฟู่เฉินตายในสนามรบที่ชายแดน ท่านบอกว่าหาศพเขาไม่พบ ท่านบอกว่า…”
“ข้าบอก ๆ ๆ หึหึ หานจินซือ หรือเจ้าจะปฏิเสธว่าเจ้ากระโดดมาหาข้าทันทีที่รู้ว่าน้องรองของข้าตาย!! เป็นเจ้าที่อยากมีอำนาจมิใช่หรือ เจ้าเชื่อข้าโดยมิได้ไตร่ตรองหรือหาความจริงเลยด้วยซ้ำไป เจ้าเองมิใช่หรือที่พยายามเข้าหาข้าและให้พ่อเจ้าที่เป็นเสนาบดีของเสด็จพ่อทูลขอให้ข้าสู่ขอเจ้า แล้วตอนนี้…เจ้ามาไม่พอใจสิ่งมิทราบ!!!”
“ท่าน!! ท่านมัน….สารเลว คนชั่ว!!”
“เพี๊ยะ!!”
“โอ๊ย!!”
ฝ่ามือหนาฟาดไปยังใบหน้าขาวเนียนนั้นเต็มแรงด้วยความโกรธและแค้นเคืองพระทัยมาตั้งแต่ประชุมเช้าในท้องพระโรง และเมื่อกลับมาที่ตำหนักก็ยังมาได้ยินเสียงของหานจินซือที่เอ่ยถึงเรื่องของเซียวฟู่เฉินอีก
“สารเลว…คนชั่วงั้นหรือ หากว่าเจ้าไม่ยินยอมจะมีผู้ใดพาเจ้ามาถึงจุดนี้ได้ เจ้าอยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาทจนตัวสั่น พอได้ข่าวว่าน้องรองของข้าตายเจ้าก็รีบโผมาหาข้าอย่างไม่คิดที่จะเหลือเยื่อใยกับเขาเลย แล้วตอนนี้เจ้ามาคร่ำครวญหาอะไร ทางที่ดีตั้งใจคลอดลูกให้ข้าจะดีกว่า หากเจ้าคลอดลูกชายให้ข้าไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าตำแหน่งพระชายาของเจ้าจะยั่งยืน ข้าแต่งตั้งเจ้าได้ก็สั่งปลดได้เช่นกัน!!”
เขาผลักนางล้มลงที่พื้นที่นางพึ่งปัดเครื่องลายครามลงมา เศษนั้นบาดมือนางจนเลือดออกแต่นางหาได้สนใจไม่ ในใจนางรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าแผลที่มือนางเสียอีก
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ฮือ……ข้าไม่ยอม ข้าไม่มีทางยอมให้ท่านแต่งกับผู้อื่น เซียวฟู่เฉินท่านเป็นคนของข้า ตายไปก็ต้องรักข้าคนเดียว!!” (อีนี่อาการหนักแล้วจ้า...ช่วยด้วย)
จวนแม่ทัพฮั่ว
“ตรงนั้น ๆ อันเฟย ไม่ใช่ ๆ ทางซ้าย ลูกนั้นแหละ”
“ได้แล้ว ๆ เหวออ….”
“อันเฟย!! ระวัง”
ต้นทับทิมกิ่งบางจนน่าเหลือเชื่อเมื่ออันเฟยอาสาขึ้นเพื่อนำลูกที่โตที่สุดมาให้หลินอี ครั้งนี้นางมีตะกร้าในมือด้วยก็เลยไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อนางตกลงมาก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องหลังหักเป็นแน่นแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อมีคนมารับนางไว้ได้ทัน
“พี่ใหญ่!! ขอบคุณเจ้าค่ะ เฮ้อ รอดตายจนได้”
“อันเฟย!! เจ้าปลอดภัยดีใช่หรือไม่ ขอบคุณพี่ใหญ่ ๆ ตายจริงข้าไม่น่าอยากจะกินเจ้าทับทิมนี่เลย”
“ช่างเถอะ ๆ นี่ก็ได้แล้วนี่”
“แต่เจ้าเกือบจะหลังหัก”
“ข้าไม่เป็นไร พี่ใหญ่ก็รับข้าไว้ทันมิใช่หรือ”
“เหตุใดพวกเจ้าต้องทำเรื่องเช่นนี้อยู่เรื่อย ครั้งก่อนก็ดอกไม้ ครั้งนี้ก็….”
“ท่านพ่อ…..ท่าน…อ๋อง…เขามาทำไมกัน”
อันเฟยทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นว่าแม่ทัพฮั่วมาพร้อมกับท่านอ๋องเซียว ฮั่วเทียนอี้ทันเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของนางทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างน่าประหลาด นางไม่เหมือนกับคนที่เต็มใจอยากแต่งงานกับท่านอ๋องเลยสักนิด
หากว่าหลังจากนี้….เขายังไม่กล้าคิด หกเดือนนับจากนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ใช่ว่าเพียงเขาชอบนางแล้วเรื่องทุกอย่างจะเป็นไปได้ดั่งใจเข้าเสียเมื่อใดกัน
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
“พวกเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“เอ่อ…ท่านพ่อ ท่านไม่อยู่ด้วยหรือเจ้าคะ”
“ท่านอ๋องมีเรื่องจะคุยกับเจ้าตามลำพังน่ะ เชิญเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณอาจารย์ เจ้า..มานี่!!”
“ทำไมต้องดุด้วยเล่า พูดดี ๆ ก็ได้นี่”
“เจ้าว่ากระไรนะ”
“เปล่านี่เพคะ แค่บ่นว่าร้อนแล้วก็เจ็บ”
“เจ็บตรงไหน มีคนรับเจ้าทั้งตัวขนาดนั้น ข้าเป็นห่วงเทียนอี้มากกว่าที่ต้องมารับลูกหมูเช่นเจ้า”
“อะไรนะลูกหมูงั้นหรือ ท่านน่ะสิลูก…..หม…"
คำพูดสุดท้ายของนางถูกกลืนไปเพราะสายตาดุที่หันมาจ้องนางพร้อมกับหันมาดึงแขนนางไปที่ศาลากลางสระบัว
“โอ๊ย!! ๆ ๆ เจ็บนะ ปล่อย ๆ ก่อนสิเพคะ”
“หึ”
อันเฟยหันไปมองพระพักตร์ที่บึ้งตึงนั่นทันที นี่เขาไปเหยียบรังแตนที่ใดมากันนะเหตุใดต้องอารมณ์เสียถึงเพียงนี้
“รินชาให้ข้าสิ”
“เพคะ?”
“รินชาอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้หน้าที่เลยงั้นหรือ จะเป็นพระชายาอยู่ไม่กี่วันนี่แล้วเหตุใด…”
“รู้แล้ว ๆ เพคะไม่ต้องตรัสแล้ว รับทราบเพคะรินแล้ว ๆ”
อันเฟยหันไปรินชาพร้อมกับยื่นไปให้เขาแต่ท่านอ๋องไม่รับ
“วางลง”
อันเฟยทำตามคำสั่งของเขาอีกครั้ง
“รินให้ข้าใหม่ ทำท่าให้ถูกต้องตั้งใจรินอย่าได้ทำแบบขอไปทีเช่นเมื่อครู่นี้”
“อะไรนะ”
“ข้าบอกว่า….”
“เฮ้อ เพคะ ๆ ก็ได้ ๆ เพคะ”
อันเฟยลุกขึ้นพร้อมกับย่อคำนับให้เขาอย่างประชดก่อนจะเริ่มรินชาให้อย่างเรียบร้อยก่อนจะส่งให้เขาพร้อมกับก้มศีรษะให้ เขารับน้ำชาของนางมาดื่มแม้จะรู้ว่านางกำลังประชดประชันเขา แต่เขาพึ่งจะตัดสินใจได้เมื่อครู่นี้ตอนที่เดินเข้ามาในจวนแม่ทัพนี้เอง
“เจ้าเตรียมตัวย้ายไปที่จวนข้า วันพรุ่งนี้ข้าจะมารับ”
“ว่าอย่างไรนะเพคะ!!”