ตอนที่ 8 “ลู่หลิงฟาง”
ใต้เท้าลู่หันไปมองพระพักตร์ท่านอ๋องอย่างนึกประหลาดใจ ท่านอ๋องคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ประหลาด เขาจึงหยิบยาที่หลิงเฟยให้เขาออกมาหนึ่งเม็ดและส่งให้ท่านหมอลู่
“นี่มัน…ใช่จริง ๆ ยาต้าหรงจริง ๆ แต่ผู้ใดกันที่ทำยานี้ออกมาได้ หรือว่า….”
ท่านหมอลู่และลู่หยวนลี่หันมามองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่าหลิงเฟยศึกษาวิชาแพทย์อย่างแตกฉานแต่นางไม่เคยแสดงออกเรื่องนี้มาก่อน
“ท่านอ๋อง พระองค์รีบกินเถิดพ่ะย่ะค่ะ พิษในพระวรกายจะได้ถูกขับออกมา”
ท่านหมอลู่ส่งยาคืนให้ท่านอ๋อง เขาจึงรับและกลืนลงไปในทันที แม้ว่าจะยังไม่ได้คำตอบแต่ในตอนนี้ที่เขาเห็นว่าลู่หลิงเฟยกลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัยนั่นก็นับว่าโล่งใจไปได้แล้ว
“อาการของนาง…”
“กระหม่อมรักษาได้พ่ะย่ะค่ะ นางเพียงแค่ตกใจและ…ทำใจไม่ได้ชั่วครู่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงถามไถ่”
“นางช่วยชีวิตข้าไว้ มิอาจเพิกเฉยได้ ครั้งนี้หากไม่ได้นาง….(ห้ามบอกผู้ใดว่าพบข้าที่นี่)…ที่ให้ยาถอนพิษ ข้าคง…”
เขารักษาคำมั่นที่นางบอกเอาไว้ว่าจะไม่เอ่ยเรื่องที่นางช่วยเขากำจัดคนร้ายด้วยวิชายุทธ์ที่แกร่งกล้านั้น เขาเองก็นึกอยากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเช่นกัน
“เร็วเข้า ไปต้มยาตามที่ข้าบอกให้ท่านอ๋อง”
“ขอรับ ข้าจะสั่งให้คนต้มเดี๋ยวนี้เลย”
“ท่านอ๋องโปรดประทับตรงนี้สักครู่ รอยาต้มเสร็จก็ดื่มตาม ช่วยปรับธาตุในร่างกายหลังที่ขับพิษออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณท่านหมอลู่มาก”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอตัวไปฝังเข็มให้บุตรสาวก่อน อีกไม่นานจะกลับมาพบพระองค์อีกครั้ง”
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา”
“รองแม่ทัพเฉิน วันนี้ขอบคุณท่านมากเช่นกัน”
“เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเป่าหลิงเดินออกจากจวนสกุลลู่ แม้ว่าเขาอยากจะอยู่จนแน่ใจว่าลู่หลิงเฟยจะอาการดีขึ้น แต่เขายังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น เขาต้องนำตัวคนร้ายส่งเข้าคุกหลวงก่อน
สามเดือนถัดมา
พิธีศพของอาลี่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ก็สมเกียรติที่นางได้รับใช้สกุลลู่มาโดยตลอด แม้ว่างานศพจะล่วงเลยไปแล้วกว่าสองเดือนแต่ความโศกเศร้าของลู่หลิงเฟยยังคงไม่ได้ลดละลงไป นางมักจะฝันและสะดุ้งตื่นกลางดึกเกือบทุกคืนและลุกขึ้นมาร้องไห้ทุกครั้ง ภาพของอาลี่ที่รับดาบแทนนางนั้นยากที่จะสลัดออกไป
“แม้แต่ข้าก็ไม่พบหรือ”
“ขออภัยคุณหนูจางด้วยเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะ ๆ ข้าเข้าใจ เช่นนั้นก็ฝากขนมนี่ให้นางด้วยก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
ฟางชิงชิงออกมาจากจวนสกุลลู่ ดูเหมือนว่านางจะสวนกับรถม้าอีกคันซึ่งไม่ทันมองว่าเป็นรถม้าจากจวนใด นางทำราวกับว่าเป็นห่วงอาการของลู่หลิงเฟยแต่ที่จริงแล้วเพียงแค่มาดูว่านางเป็นดังที่ข่าวลือกันหรือไม่
ทีแรกลือว่านางเจอคนร้ายและถูกทำร้ายและล่วงเกินจนสาวใช้ตาย ในภายหลังข่าวนี้ก็เงียบกริบราวกับมีคนตั้งใจให้ปิดข่าว กลายเป็นข่าวซุบซิบที่พูดกันไม่กี่คนแต่ก็รู้กันไปจนถึงในวัง
จวนสกุลลู่
“หลิงเฟย ข้าเอง”
“พี่สาม ท่านมาได้เช่นไรเจ้าคะ พี่สาม…ฮือ!!!”
“เด็กดีพี่กลับมาแล้ว ไม่ร้องแล้วนะคนเก่ง”
“ลู่หลิงฟาง” บุตรคนที่สามของสกุลลู่กลับมาจากแคว้นเหลียงเพราะพี่ใหญ่ของนางส่งข่าวไปบอกถึงความโศกเศร้าของน้องสาวคนเล็กที่เสียสาวใช้คนสนิทไปกะทันหัน นางแทบไม่กินไม่นอนตลอดเวลาสามเดือนนี้ หลิงฟางจึงขอพระสวามีเพื่อมาเยี่ยมนาง
“พี่สามข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก”
“เจ้าน่ะโตถึงเพียงนี้แล้วยังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ เช่นนี้ผู้อื่นจะไม่ห่วงเจ้าได้เช่นไร”
“อาลี่….”
“หากเจ้ายังเศร้าโศกถึงนางไม่หยุดเช่นนี้ วิญญาณนางจะไปอย่างสงบได้อย่างไร ปล่อยให้นางไปเถอะนะหลิง เฟยนางจะได้หมดกังวล”
“พี่สาม ท่านพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้าควรจะต้องปล่อยนางไปเสียที”
สภาพจิตใจของหลิงเฟยดีขึ้นเมื่อพี่สามของนางมาพักอยู่ด้วย สองสามวันนี้นางพูดคุยได้มากขึ้นและยังกลับมายิ้มได้ดังเดิมแล้ว
ท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างก็คลายกังวลไปได้บ้างแล้ว อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงน้ำชาชมดอกท้อในวังหลวง ครั้งนี้ลู่หลิงฟางก็จะอยู่ร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
“ไปด้วยกันเถอะหลิงเฟย เจ้าจะได้ออกไปพบผู้คนบ้าง”
“ข้า…”
“เชื่อพี่นะ ไม่มีอะไรดีไปกว่าก้าวเดินไปข้างหน้า อาลี่ไม่ต้องการให้เจ้าเดินถอยหลังหรอกนะ นางอยากให้เจ้าจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ ของนางเอาไว้”
“เจ้าค่ะพี่สามข้าจะเชื่อฟังท่าน”
“ต้องแบบนี้สิ ไปเถอะ วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเลือกชุดใหม่”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
จวนท่านอ๋อง
“นางยังไม่ออกจากจวนอีกงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ นี่ก็สามเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งของไปหรือยัง”
“ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไปด้วยตนเองสักครั้ง อย่างไรก็ต้องขอบคุณนาง”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเร่งเตรียมของขวัญให้”
“อืม”
ท่านอ๋องขึ้นรถม้าออกจากจวนมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อผ่านตลาดกลับเห็นรถม้าของสกุลลู่จอดอยู่ที่ด้านหน้าตลาดพร้อมกับบุตรสาวสกุลลู่สองคนเดินลงมาจากรถม้า
“หยุดรถ”
เขาเดินลงมาพร้อมกับเดินตามพวกนางไปห่าง ๆ เสียงซุบซิบทั้งหลายยังคงติดตามนางไปทุกที่ บุตรคนเล็กสกุลลู่ถูกคนร้ายล่วงเกินในตรอกจนสาวใช้ตาย
เขาให้จื่อรุ่ยตามสืบผู้ที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือเท็จนี้อยู่ แต่ข่าวกลับพูดปากต่อปากจนยากที่จะจับหาต้นตอได้
ร้านเสื้อผ้าสตรี
“เอาล่ะได้ชุดใหม่แล้วเครื่องประดับก็เตรียมแล้ว น้องสี่ เจ้าอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือไม่”
“หลิงเฟย เจ้าจริง ๆ ด้วย”
จางชิงชิงนั่นเอง นางเดินมาเพราะเห็นรถม้าของสกุลลู่จอดอยู่แต่นึกไม่ถึงว่าจะพบหลิงเฟยเข้าจริง ๆ มีหรือจะไม่หาโอกาสเข้ามาทักทายนาง หลิงเฟยเห็นชิงชิงและทักทายเช่นกัน
“ชิงชิง ไม่พบกันนานเลยนะ”
“เจ้าน่ะสิ น่าตีเสียจริงข้าไปหาเจ้าตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ออกมาพบสักครั้งข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย นี่ออกมาได้เช่นไร อุ๊ย คารวะพระชายาเพคะ”
“ตามสบายเถิด วันนี้ข้ามาในนามพี่สาวของนาง มิใช่พระชายาท่านอ๋อง พวกเจ้าคุยกันไปนะข้าขอไปเลือกเครื่องประดับทางนั้นก่อนครู่หนึ่ง”
ชิงชิงดึงนางออกมาหน้าร้านเพื่อจะสอบถาม ที่จริงนางจงใจเพราะจะได้มีคนได้ยิน
“หลิงเฟย ข่าวลือนั่นจริงหรือ ที่เจ้าพบคนร้ายและพวกมันทำร้ายและล่วงเกินเจ้า”
“ชิงชิง นี่เจ้า…เชื่อข่าวลือพวกนั้นงั้นหรือ”
“ไม่ใช่นะ ก็ข้าไม่ได้พบเจ้าตั้งนาน เจ้าไม่ได้บอกอะไรข้าเลยข้าจะแก้ต่างให้ก็ไม่ทราบเหตุการณ์รู้แต่ว่าสาวใช้ของเจ้าตาย แต่เรื่องอื่นไม่รู้เลย ตกลงว่าเจ้าถูกพวกมันรังแกจริงหรือไม่”
คำว่าสาวใช้ตายทำให้หลิงเฟยแทบจะไม่อยากคุยกับนางต่อ แม้ว่านางกับชิงชิงจะสนิทสนมกันพอตัวแต่เรื่องเช่นนี้นางเองก็ยังไม่พร้อมจะตอบผู้ใดแม้แต่จางชิงชิงก็ตาม
สิ่งที่นางถามออกมาราวกับกระตุ้นให้หลิงเฟยยิ่งจดจำเรื่องราวที่สูญเสียอาลี่ไปจนนางยืนแทบไม่ไหว
“หลิงเฟย เจ้านิ่งไปเช่นนี้ หรือว่าพวกคนร้ายนั่นรังแกเจ้าจริง ๆ!!”
"เหตุใดเจ้าจึงเอาแต่คาดคั้นเรื่องในคืนนั้นกับนางถึงเพียงนี้ แม่นางจาง!!"