ตอนที่ 6 ท่านอ๋องต้องเป็นของข้าเท่านั้น
ลู่หลิงเฟยหยุดชะงักไปนิดหน่อยพร้อมกับหันมามองผู้พูด นี่คงไม่คิดจะมาแย่งบุรุษกับนางอีกกระมัง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ท่านอ๋องทำไม”
“ข้าก็แค่อยากรู้ว่าระหว่างเจ้ากับท่านอ๋องในตอนนี้ สถานการณ์ดูจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ข่าวว่าเจ้าเอาแต่ติดตามเขาไปทั่วจนท่านอ๋องหลีกหนีแทบไม่ไหวนั่นทำให้ข้าฟังแล้ว..รู้สึกอับอายแทนยิ่งนัก”
“หลี่ฟางอิ่ง ตัวข้ายังไม่อายเจ้าจะอายแทนข้าด้วยเหตุใดหรือว่าเจ้าเองก็นึกอยากทำเช่นนี้แต่มิกล้าถึงได้เอาแต่พูดต่อว่าข้าลับหลัง น่าสมเพชยิ่งนัก เมื่อใดก็เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป รอให้ข้าเหนื่อยเองและยอมคายแล้วเจ้าค่อยเก็บเอาไปกินทีหลัง”
“ลู่หลิงเฟยนี่เจ้า!!”
“โอ้ ทนไม่ไหวแล้วงั้นหรือคุณหนูหลี่ เจ้าอย่าลืมนะว่าเจ้าเป็นถึงสตรีงดงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ส่วนข้าคือสตรีที่หยาบคายที่สุดในต้าซ่ง ข้าไม่กลัวเรื่องเสียชื่อเสียงแต่เจ้า….กลัวหรือไม่เล่า เจ้ากล้าแลกหรือไม่”
“เจ้า…หยาบคายเช่นนี้ถึงได้ถูกถอนหมั้น”
“หลี่ฟางอิ่งเจ้าเข้าใจเสียใหม่ ผู้ที่ถอนหมั้นคือข้าไม่ใช่สกุลหลาน เป็นถึงสตรีที่ฉลาดดูมีความรู้ก็อย่าได้รับแต่ข่าวสารผิด ๆ จนทำให้เจ้า…ดูโง่เลย…นะ ขอตัวก่อน”
“ข้าไม่มีทางยอมแพ้เจ้าเรื่องท่านอ๋องหยางหลินอี้ เขาเหมาะสมกับข้าเท่านั้น!!”
ลู่หลิงเฟยหันไปมองใบหน้าที่มั่นใจของหลี่ฟางอิ่งที่ประกาศกร้าวตรงหน้านางอย่างมั่นใจ ในที่สุดนางก็ล่อให้ฟางอิ่งพูดออกมาจนได้ ที่แท้จุดประสงค์ของนางก็คือท่านอ๋องจริง ๆ หลิงเฟยเดินเข้าไปหานางและสบตากันอีกครั้ง
“หลี่ฟางอิ่งข้าจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ เหมาะสมหรือไม่มิใช่เรื่องที่เจ้าที่จะตัดสิน แม้ว่าข้าเองจะตามติดเขาไปทุกแห่ง แต่ก็ไม่เคยประกาศออกตัวว่าตัวเองเหมาะสมกับท่านอ๋องเช่นเจ้า”
“ลู่หลิงเฟย เจ้า!!….แน่จริงมาแข่งกับข้า”
“เสียใจนะลี่ฟางอิ่ง ข้ามิได้นิยมเรื่องเช่นนี้ หากเจ้าอยากคว้าหัวใจท่านอ๋องมาครอบครอง เจ้าก็ลองพยายามดูมิใช่มาข่มขู่หรือมาท้าทายเพราะกลัวว่าข้าไม่กล้าสู้จนข้าต้องถอย มันดู…ตลกสิ้นดีข้าไปละไม่ต้องเรียกแล้วนะเพราะข้าพูดกับเจ้าจบแล้ว”
ลู่หลิงเฟยเดินออกไปแล้วพร้อมกับสาวใช้ของนาง สาวใช้ของหลี่ฟางอิ่งหันมาพยุงนางให้นั่งลงที่โต๊ะข้าง ๆที่หลิงเฟยเคยนั่งอยู่พร้อมกับความโมโห
“คุณหนูเจ้าคะ นางหยาบคายถึงเพียงนี้ พวกเรา…”
“ข้าบอกไปแล้ว ข้าไม่มีทางแพ้สตรีหยาบคายเช่นนาง ท่านอ๋องต้องเป็นของข้าเท่านั้น”
….ในห้องส่วนตัว
“สตรีเมืองหลวงนี้ช่างน่ากลัวเกินกว่าที่คิดนะพ่ะย่ะค่ะ…ท่านอ๋อง”
ท่านอ๋องนั่งจิบชาหลังจากที่เขาส่งแขกคนสำคัญกลับไปแล้ว
“เจ้าฟังแล้วคิดว่าอย่างไรจื่อรุ่ย”
“แม้ว่ากระหม่อมจะไม่ค่อยชอบคุณหนูลู่ผู้นั้น แต่วันนี้สิ่งที่นางพูด ก็ดูเหมือนจะไม่ผิดเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพูดผิดแล้ว ที่นางพูดมานั่นถูกทุกคำดั่งใจข้าคิดเลยต่างหาก ข้าคงมองนางด้วยอคติมากเกินไป”
“ท่านอ๋อง พระองค์คงจะไม่…..”
“บอกคนของเราเตรียมตัว ศัตรูจะลอบเข้ามาคืนนี้หากเป็นไปตามคาด พวกมันต้องมาคืนนี้แน่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
คืนนั้น
“คุณหนูเจ้าคะ นี่เราจะกลับดึกเกินไปแล้วนะเจ้าคะ หากนายท่านทราบว่าท่านหนีมาดูงิ้วละก็….”
“เอาเถอะน่า เราก็มิได้ไปทำสิ่งใดเหลวไหลนี่นาดูงิ้วแล้วก็กลับแล้วนี่อย่างไร บ่นอยู่ได้หากเจ้าไม่อยู่ข้าจะฟังผู้ใดบ่นกันเล่าอาลี่”
“รีบกลับเถอะเจ้าค่ะ”
“อาลี่ หยุดก่อนได้ยินอะไรหรือไม่”
“คุณหนูนั่นเสียงดาบเจ้าค่ะ่”
“ข้าง ๆ ตรอกอี้เหยียน ตรอกนั้นเป็นตรอกทางเข้าตลาดมืด เจ้ารออยู่นี่”
“ไม่เจ้าค่ะคุณหนู เรารีบกลับก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ได้”
พวกนางรีบหลบเลี่ยงเพื่อจะหาทางกลับออกไปจากตรอกโรงงิ้วแต่ก็ไม่ทัน เพราะพวกคนชุดดำหลายคนกำลังวิ่งมาทางที่นางอยู่ เมื่อพบเห็นพวกนางพวกเขาจึงได้ล้อมเอาไว้
“คุณหนู ข้ากลัว”
“ไม่ต้องกลัว หลบอยู่ข้างหลังข้า... พวกเจ้าเป็นใคร!! หากไม่ตอบอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
“ก็แค่สตรี ฆ่าพวกนาง!!”
“จะฆ่าข้า คิดง่ายเกินไปหน่อยแล้ว อาลี่หลบไป”
ลู่หลิงเฟยผลักอาลี่ไปยังตรอกมืดข้าง ๆ เพื่อซ่อนตัวและลงมือจัดการกับชายชุดดำราว ๆ สามคนที่บุกเข้ามาพร้อมอาวุธ นางมีวรยุทธ์เพราะฝึกฝนกับพี่ใหญ่ที่เป็นรองแม่ทัพมาโดยตลอด
แม้ว่าการเรียนทักษะด้านศาสตร์ทั้งสี่นางจะไม่ค่อยรู้มาก แต่เรื่องวรยุทธ์นางถือว่ายอดเยี่ยม
“คิดจะฆ่าข้า มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
สายอาภรณ์แพรสีขาวถูกส่งไปตบพวกมันทีละคนพร้อมกับรัดอีกคนลอยขึ้นและฟาดลงกับพื้น มันหมดสติพอดี ไม่นานพวกของมันก็มาเพิ่มอีกสามสี่คนพร้อมกับกลุ่มทหารที่นางไม่รู้จักและไม่ทันเห็นหน้า
สายแพรขาวพาดไปหกทิศเพื่อตรึงพวกมันทั้งหกคนเอาไว้ พวกชายชุดดำไม่เคยพบเจอวิชายุทธ์นี้มาก่อนจึงโจมตีนางลำบาก จนเสียงหนึ่งที่เรียกความสนใจจากนาง
“ท่านอ๋อง อยู่ทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงนั้นทำให้นางหันไปมองผู้ที่กำลังพาทหารที่เหลือวิ่งมา นางจำได้ว่าเป็นหยางหลินอี้ และอีกคนคือรองแม่ทัพเฉินเป่าหลิง พวกเขาวิ่งมาทางนี้นางหันไปทำให้ประมาท พวกชายชุดดำที่หลุดจากผ้าโจมตีนางทางด้านหลัง
“คุณหนูระวัง!!”
“ฉับ!”
“อาลี่!!”
สาวใช้ของนางถูกฟันเข้าที่หน้าอกพร้อมกับเสียงตะโกนของนางที่แผดออกไป ท่านอ๋องเห็นทันทีว่าเป็นนาง ดูเหมือนว่าเฉินเป่าหลิงก็จำนางได้ในทันทีเช่นกัน
""ลู่หลิงเฟย!!""
“จับพวกมันให้หมด”
ท่านอ๋องออกคำสั่งพร้อมกับฝ่าเข้ามาช่วยนางที่กอดร่างสาวใช้เอาไว้
“อาลี่ มองข้าสิอาลี่เจ้าอย่าหลับนะ อาลี่!! ไม่นะ”
“คุณหนู ข้า…จากนี้ข้า…”
“ไม่นะอาลี่ ไม่เอาแบบนี้ เจ้าอย่าทิ้งข้านะอาลี่ ไม่นะ ลืมตา”
“คุณหนู จากนี้ข้า…บ่นท่านไม่ได้…อีก…แล้ว..”
“อาลี่!!!!”
“ลู่หลิงเฟย ออกมาก่อน”
“ไม่!!”
เขาหันไปมองสายตาที่ดื้อดึงนั่นและนึกไม่ถึงว่านางจะลุกขึ้นมาพร้อมกับฟาดสายผ้าแพรไปด้านหลังเขาจัดการคนด้านหลังพร้อมกับดึงดาบของพวกมันเข้ามาได้ในมือ นางจับดาบได้ก็เริ่มวิ่งออกไป
“พวกมันฆ่าอาลี่ของข้า …อย่าอยู่เลย”
“ลู่หลิงเฟย อย่าเข้าไป!! พวกมันมีอาวุธลับ”
ท่านอ๋องตะโกนไปที่นางแต่ตอนนี้เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธลับของฝ่ายตรงข้ามซึ่งน่าจะออกฤทธิ์ในอีกไม่ช้าแต่เขากลับนึกไม่ถึง
ลู่หลิงเฟยที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้กับนางในตอนนี้ แตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน เพียงแค่นางแกว่งดาบในมือ ราวกับดาบในมือนางกระหายเลือดมากกว่าทหารในสนามรบเสียอีก พวกคนร้ายกระเด็นตามแรงดาบที่นางฟาดฟันลงไป ก่อนหน้านี้นางมิได้หมายเอาชีวิตพวกมัน แต่ในตอนนี้.....
“คุณหนูลู่!! ท่านอ๋อง เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“รองแม่ทัพเฉิน รีบไปช่วยนางเร็วเข้าข้ายังทนไหวอยู่”
แต่เฉินเป่าหลิงไม่ทันได้เข้าไปช่วยนาง กำลังภายในของนางและวรยุทธ์นั้นดูเหมือนจะเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำไป เพียงไม่กี่กระบวนท่านางก็จัดการกับคนร้ายได้เกือบหมดพร้อมกับหันมาที่ท่านอ๋องและเดินกลับมา สายตาพร้อมสังหารราวกับมิใช่สตรีที่เขาเคยพบเจอ
“คุณหนูลู่ นี่ท่านอ๋องนะขอรับ”
“เจ้าหลีกไป”
“ข้าน้อยหลีกไม่ได้ขอรับหากท่านจะทำร้าย…”
“เช่นนั้นก็เอียงคอเจ้าไปทางซ้าย!!”
จื่อรุ่ยเอียงคอเขาไปทันที นางพุ่งดาบในมือไปยังด้านหลังของพวกเขา จื่อรุ่ยและท่านอ๋องที่สำลักเลือดสีดำออกมาได้ยินเสียงดาบที่ปักเข้าไป
นางคงจัดการพวกที่อยู่ด้านหลังซึ่งในตอนนี้รองแม่ทัพเฉินพาคนไปกำจัดแล้ว แต่ไม่นานแพรขาวของนางก็พุ่งไปและดึงอีกคนมาอยู่ที่เท้าของนางพร้อมกับเหยียบเอาไว้
“อย่าพึ่งฆ่า ข้าต้องการสอบสวนพวกมันก่อน”