ตอนที่ 5 ตามตื๊อท่านอ๋อง
หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้น ลู่หลิงเฟยก็มีโอกาสได้พบกับท่านอ๋องอีกหลายครั้ง หลายวันมานี้นางพยายามทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องบังเอิญว่าพบเขา ทั้งที่ก่อนเข้าวังเพื่อส่งของให้พระชายาองค์รัชทายาท และโรงน้ำชาในเมืองหลวง
“ท่านอ๋อง บังเอิญอีกแล้วเพคะ พระองค์ก็มาโรงน้ำชาเช่นเดียวกันหรือเพคะ”
“ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องบังเอิญดังที่เจ้าพูดนะคุณหนูลู่ มาพูดกันตรง ๆ เถิด หลายวันมานี้เจ้าติดตามข้าและข้าเองก็มักจะพบเจ้าอยู่เสมอ เจ้าต้องการสิ่งใด”
“เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ นะเพคะ โรงน้ำชานี้เป็นร้านประจำที่ข้าชอบมาดื่มกับสหาย จริงหรือไม่ชิงชิง”
“เอ่อ…หลิงเฟยแต่เจ้าบอกว่าเจ้าเดินตาม…อ้อ จริงเพคะ”
ชิงชิงจงใจพูดออกมาให้ท่านอ๋องทรงทราบว่าลู่หลิงเฟยเดินตามเขามา แต่ดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ทำสีหน้ากึ่งรำคาญกึ่งหงุดหงิดอยู่ตรงหน้าพวกนาง ชิงชิงถือโอกาสนี้เพื่อหลีกหนี
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีธุระเช่นนั้นขอตัวก่อนเพคะ หลิงเฟยข้าพึ่งนึกได้วันนี้เดินตาม เอ๊ย เดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้แล้ว ไปก่อนนะ”
“อ้าวชิงชิง เหตุใดทิ้งข้าเช่นนี้เล่า หากเป็นเช่นนั้นท่านอ๋องพระองค์พึ่งกลับมาที่นี่ ให้หม่อมฉันนำเที่ยวดีหรือไม่เพคะ”
“ข้า…ไม่ได้ว่างขนาดนั้น ข้ายังมีธุระ”
“นี่ท่านอ๋อง พระองค์พึ่งจะกลับมาคงยังไม่ทราบ นอกจากโรงน้ำชานี้แล้วยังมีโรงละคร แย่แล้ว ๆ ใกล้เวลาละครดังจะเริ่มแล้ว ไปกันเถอะเพคะอย่าได้พลาดเชียว”
“เอ่อ คุณหนูลู่เดี๋ยวก่อน ข้ามิได้บอกว่าจะไปกับเจ้านะ”
“คุณหนูลู่ขอรับ กรุณาสำรวมด้วยท่านอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ ท่านจะเดินลากพระองค์เช่นนี้หาได้ไม่”
“ข้า…ข้าก็แค่ชวนดี ๆ แล้วเขาไม่ไปนี่ เช่นนั้นก็เดินมาด้วยกันสิเพคะ”
“ลู่หลิงเฟย ข้าบอกเจ้าแล้วว่า….”
“แย่แล้ว ๆ จะไม่ทันแล้ว รีบไปก่อนเถิดเพคะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนข้าเดินเองได้ อย่าลากเช่นนี้”
นางไม่ได้ยินเสียงเขาและดึงแขนเสื้อเขาเดินตามมาสุดท้ายนางก็เอื้อมไปจับมือเขาและจูงท่านอ๋องเข้ามาในโรงละครจนได้และพาเดินขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องส่วนตัวที่เป็นห้องประจำของนาง
“ทันเวลาพอดี แฮก แฮก พระองค์เป็นทหารกล้า แต่เหตุใดจึงวิ่งช้านักเล่า”
“ข้า…แม่นางลู่ ข้ามิได้บอกว่าอยากจะมา ข้าบอกแล้วว่า…”
“น้ำชาเพคะ อย่าพึ่งพูดมากข้าจะดูละคร”
“แต่ข้าไม่อยากดู”
“ชู่ววว เบา ๆ สิ จะเสียงดังให้ผู้อื่นด่าหรือเพคะ เบา ๆ หน่อย”
“ท่านอ๋องทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
“รอก่อน ให้นางเผลอค่อยลุกออกไป”
จื่อรุ่ยเพียงคำนับรับคำของท่านอ๋อง เขานึกไม่ค่อยชอบใจกิริยาของบุตรีคนเล็กของสกุลลู่ผู้นี้เท่าใดนักที่เดินลากท่านอ๋องเข้ามาถึงในโรงละคร
ตอนนี้ท่านอ๋องเพียงจิบชาและมองไปยังด้านล่างสลับกับมองใบหน้าด้านข้างของนางอย่างเหม่อลอย แม้ว่าจะไม่เหมือน แต่ก็มีความคล้าย....
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ รู้แล้ว”
ท่านอ๋องหันไปมองลู่หลิงเฟยที่ตั้งใจดูละครด้วยความสนใจและไม่ได้สนใจเขาแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ลุกและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
“จื่อรุ่ย ไปจ่ายเงินค่าน้ำชาและค่าห้องให้นางด้วย”
“แต่ว่าท่านอ๋อง....”
“ข้าบอกให้เจ้าไปก็ไปเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้อยากมาด้วยซ้ำแต่กลับต้องเสียเงิน”
จื่อรุ่ยบ่นแต่ก็ยอมเดินไปจ่ายเงินตามคำสั่ง พวกเขาออกมาจากโรงละครและกลับไปที่จวนอ๋องทันที
“เหตุใดคุณหนูลู่ผู้นั้นต้องคอยตามติดพระองค์ถึงเพียงนี้ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ไปที่ใดก็หลบนางไม่พ้นราวกับว่านางรู้ว่าพระองค์จะไปที่ใดบ้าง นางคงไม่คิดที่จะ….”
“จื่อรุ่ย เจ้าไปได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนางมาสินะ”
“ไม่ขอปิดบังพ่ะย่ะค่ะ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ในบรรดาบุตรสกุลลู่ มีเพียงนางที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเพราะถือว่าเป็นบุตรคนสุดท้อง
พี่ใหญ่เป็นถึงรองแม่ทัพพยัคฆ์เหนือ พี่สาวคนรองเป็นพระชายาองค์รัชทายาท พี่สามของนางได้ข่าวว่าแต่งงานกับท่านอ๋องแคว้นเหลียงเพราะความสามารถโดดเด่น หากว่านางยังอยู่เมืองหลวง ตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งคงไม่ตกเป็นของคุณหนูสกุลหลี่ผู้นั้น”
“เจ้ารู้มากเสียจริงนะ”
“กระหม่อมได้ยินโดยมิต้องสืบเลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องของนางอื้อฉาวในเมืองหลวงไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งชกต่อยมีเรื่องกับนักเลง เที่ยวเล่นไปวัน ๆ อีกทั้งยัง…ชอบบุรุษหน้าตาดี หากว่าชอบผู้ใดนางก็จะ…ทำอย่างที่ทำกับพระองค์”
“งั้นหรือ เช่นนั้นหรือว่าข้าควรจะปล่อยให้เรื่องนี้ข้าควรจะไหลไปตามเหตุการณ์ดีนะ”
“ท่านอ๋อง ผู้ใดก็ได้แต่ไม่ควรจะเป็นนางนะพ่ะย่ะค่ะ ทั้งไม่มีแก่นสาร ไม่มีความรู้ความสามารถแล้วยังก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน หากพระองค์ต้องอภิเษกกับสตรีเช่นนี้จริง ๆ เฮ้อ….ท่านอ๋องกับพระชายาบนสวรรค์คงอยู่ไม่เป็นสุข”
“นางมิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้นหรอก”
แต่ท่านอ๋องคิดผิดถนัด หลังจากวันนั้นลูกตื๊อของลู่หลิงเฟยมีมากยิ่งกว่านั้น ทั้งตามเขาไปที่จวนส่งอาหารมากมายไปให้เขาที่จวนอ๋อง อีกทั้งดักรอเขาก่อนจะเข้าวังและดักรอเวลาที่กลับและเดินตามจนเขาแทบจะหาทางเลี่ยงนางไม่ได้เลย
ข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่แล้วยิ่งแพร่ออกไปไม่หยุด เรื่องราวระหว่างเขาและลู่หลิงเฟยว่าทั้งคู่กำลังคบหาดูใจกันเริ่มหนาหูมากขึ้น นางทำเช่นนี้อยู่ร่วมสามเดือนจนท่านอ๋องแทบจะไม่ออกจากจวนหากไม่มีกิจธุระจำเป็นอื่น
จวนสกุลหลี่
“คุณหนู ท่านจะอยู่เฉยเช่นนี้หรือเจ้าคะ”
“แล้วข้าต้องทำสิ่งใดเล่า ในยามนี้ผู้ที่ทำเรื่องอื้อฉาวก็คือนาง ผู้ที่ท่านอ๋องรำคาญที่สุดก็ยังเป็นนาง ข้าพบท่านอ๋องที่ชุมนุมหมากในราชสำนักวันก่อน เขายังคุยกับข้าด้วยท่าทีที่สุภาพมากจนข้าตกใจ….เขาไม่มีทางชอบคนไร้ความสามารถเช่นลู่หลิงเฟยได้หรอก ข้ามั่นใจ”
“คุณหนู ท่านว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินจะกร่อนหรือไม่เจ้าคะ”
“หึ เจ้าคิดว่าเพียงแค่หยดน้ำเล็ก ๆ ที่หล่นจากเหวนั่นจะทำให้หินผาอย่างท่านอ๋องหวั่นไหวได้งั้นหรือ”
“คุณหนู ท่านก็พูดตรงเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าแทบจะหลุดขำเลยเจ้าค่ะ”
“ครั้งนี้นางมิใช่คู่แข่งของข้า ต่อให้นางอยากกินเนื้อห่านฟ้าอย่างไรนางก็เอื้อมไม่ถึง”
โรงน้ำชาเพ่ยหรง
“วันนี้ข้ายังไม่พบท่านอ๋องเลย เขาไปที่ใดกันนะหรือจะหลบอยู่แต่ในจวนอีกแล้ว น่าเบื่อเสียจริง”
“คุณหนูเจ้าคะ ที่ท่านทำเช่นนี้แน่ใจหรือเจ้าคะว่าท่านอ๋อง…เอ่อ…จะหวั่นไหวจริง ๆ”
“นั่นสิ ตามติดมาตั้งนานขนาดนี้ยังไม่หันมาสนใจข้าเลย หรือว่าวิธีนี้จะไม่ได้ผล ไม่ได้ ข้าต้อง…”
“นึกว่าผู้ใด ที่แท้ก็ลู่หลิงเฟยนี่เอง วันนี้เจ้าว่างงั้นหรือ”
“หลี่ฟางอิ่ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะออกจากบ้านเป็นกับเขา นึกว่าจมอยู่กับกองกลอนหมากอักษรอยู่ในจวนจนสำลักน้ำหมึกจนป่วยเสียแล้ว”
“คุณหนูลู่ เหตุใดท่านจึงหยาบคายเช่นนี้ คุณหนูของข้าน่ะ....”
“เอาเถอะ ๆ อี้สี่เจ้าก็อย่าได้ถือสานางเลย แต่ไหนแต่ไรนางเคยเรียนรู้มารยาทเหล่านี้ด้วยงั้นหรือ หากว่านางเรียบร้อยสิข้าถึงต้องแปลกใจ”
ลู่หลิงเฟยไม่นึกอยากเจอหลี่ฟางอิ่งในตอนนี้เท่าใดนัก นางเลือกจะเดินหนีแต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดเช่นนั้น
“จะรีบไปไหนเล่าลู่หลิงเฟย ข้ายังคุยกับเจ้าไม่จบเลย”
“เจ้ามีสิ่งใดจะคุยงั้นหรือ ไม่กลัวว่าข้าจะไร้มารยาทใส่เจ้าอีกหรืออย่างไร ข้าน่ะพูดจาโผงผางไม่สนใจมารยาทเจ้าที่แทบจะพูดออกมาเป็นบทกวีกรีดนิ้วเป็นพู่กันหายใจเป็นตัวหมากข้าคงคุยกับเจ้าไม่รู้เรื่องเท่าใดนัก”
"หลิงเฟยเดินออกไปแต่หลี่ฟางอิ่งกลับเรียกนางไว้
“ข้าอยากคุยเรื่องท่านอ๋องหยางหลินอี้”