ตอนที่ 4 อดีตคู่หมั้น Vs รองแม่ทัพเฉิน
“เจ้านั่นเอง เอ่อ ไม่ทราบจริง ๆ ว่า…”
“ท่านอ๋อง นางคือบุตรคนที่สี่ของท่านพ่อข้า ใต้เท้าลู่หยวนซิ่งหมอหลวงประจำพระองค์ของฝ่าบาท”
“ที่แท้ก็บุตรของใต้เท้าลู่หมอหลวงผู้มีชื่อของเมืองหลวง”
“ท่านอ๋องกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ ท่านพ่อเก่งจริงแต่หม่อมฉันเก่งเรื่องเที่ยวเล่นมากที่สุด โรงน้ำชา สุราหรือโรงละครรอบเมืองหลวง ไม่มีที่ใดที่หม่อมฉันไม่รู้ ท่านอ๋องอยากไปที่ใดบอกหม่อมฉันได้เลย หม่อมฉัน…”
“อะฮึ่ม หลิงเฟย…เจ้าช่วยพูดให้มันน้อยหน่อย”
“อ่อ ข้า…มักจะเป็นเช่นนี้ เวลาเห็นคนที่รูปงามหล่อเหลาจะ…โอ๊ย เพคะเช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวเข้าไปข้างในก่อน พี่หญิงนี่สินค้าใหม่อย่าลืมนะ ข้อตกลงเหมือนเดิม”
“อืม ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวจะไปคุยกับเจ้า”
หลิงเฟยเดินถอยถวายความเคารพให้ท่านอ๋องพร้อมกับยิ้มด้วยความชื่นชมเขาที่ยืนมองนางด้วยสีหน้าและแววตาแปลกใจแต่ก็มิได้ใส่ใจมากนัก เขาสนใจสิ่งที่นางพึ่งจะมอบให้พระชายามากกว่า
“มิทราบว่าท่านอ๋องมีเรื่องใดอยากจะบอกกล่าวกับข้างั้นหรือเพคะ”
“กระหม่อมมีเรื่องอยากมาเตือนพระองค์”
หลังจากนั้นหลิงเฟยได้เพียงแค่ลอบมองท่านอ๋องจากที่ไกล ๆ เท่านั้นราวกับว่าเขาเองก็พยายามจะเลี่ยงนางเช่นกัน เพราะข่าวซุบซิบที่ดังอยู่ในห้องโถงในวันนี้ก็มีเรื่องของนางและเขาด้วยเช่นกัน
“ทูลฝ่าบาท บุตรีของกระหม่อมมีการแสดงมาถวายแด่ฝ่าบาทและแขกในวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เสนาบดีหลี่ ท่านหมายถึงบุตรสาวของท่านผู้นั้นงั้นหรือ ยอดเยี่ยม เร็วเข้ารีบให้นางเข้ามาเถอะ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลี่ฟางอิ่ง เดินเข้ามาพร้อมกับนางรำในชุดสีชมพูอ่อน งดงามราวโบตั๋นแรกแย้มจนทั้งห้องโถงให้ความสนใจ แม้แต่ท่านอ๋องก็ทรงหันไปมองนางด้วยเช่นกัน
นางรำด้วยท่าทางที่อ่อนช้อยงดงาม แต่ลู่หลิงเฟยที่เบื่องานเช่นนี้และดูนางรำแบบนี้จนเบื่อที่โรงละครนางจึงไม่ค่อยสนใจมากนัก แต่สายพระเนตรของท่านอ๋องราวกับมิได้มองไปที่หลี่ฟางอิ่งเท่าใดนัก
“นี่ข้ามองผิดไปหรือไม่ เหตุใดสายพระเนตรของท่านอ๋อง…”
“หลิงเฟย มีอะไรงั้นหรือ”
“เหตุใดท่านอ๋องหยางผู้นั้นจึงมองไปที่พี่รองกับองค์รัชทายาทอยู่บ่อยครั้งเจ้าคะพี่ใหญ่”
“เขาก็มองไปเรื่อยเจ้าคิดมากไปแล้ว ดูสิ เขาก็มองนางรำอยู่นี่นา”
“นั่นสินะ ข้าคงคิดมากไปเอง”
หลิงเฟยมองไปยังนางรำอีกครั้ง พร้อมกับมองท่วงท่าของหลี่ฟางอิ่งที่งดงามตรงหน้านั้นอย่างชื่นชม
“เฮ้อ แม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้านางเท่าใด แต่ก็ต้องยอมรับละนะ ว่านางช่างงามเหนือผู้ใดจริง ๆ”
“เจ้าเรื่องอันใดกับหลี่ฟางอิ่งผู้นั้นงั้นหรือ”
“ข้ากับนางก็แค่มักจะถูกใจบุรุษคนเดียวกันอยู่เสมอ”
“อืม พี่ว่าเจ้าก็มิได้งามน้อยไปกว่านางหรอกนะ เจ้าทั้งสดใสร่าเริงเป็นมิตรกับผู้อื่น สดใสราวกับดอกเบญจมาศในยามเช้า ส่วนนางงดงาม อ่อนโยนดั่งโบตั๋นยามผลิบาน”
“พี่ใหญ่ เบญจมาศกับโบตั๋น เชอะ นี่ท่านกำลังหลอกด่าข้าหรืออยากชื่นชมนางอยู่กันแน่”
“เจ้าอย่าเข้าใจผิด สตรีงดงามดั่งบุปผา แม้ว่าจะเป็นดอกไม้เหมือนกันแต่ก็งดงามคนละอย่าง อย่าน้อยใจไปสิ”
“น่าเบื่อ ข้าเดินออกไปสูดอากาศเสียหน่อยดีกว่า”
“ตามใจเจ้า อย่าไปไกลนักเล่า”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่หลิงเฟยเดินออกจากห้องโถงไปยังสวนด้านหน้าแต่นางเองก็ทราบมาก่อนว่าจะมีผู้ใดเดินตามมา
“หลิงเฟย”
“หลานจางหยวน ท่านก็มางั้นหรือ”
“หลิงเฟยเหตุใดเจ้าไม่ทักทายข้าเลยเล่า หรือว่าระหว่างเรา…”
“คุณชายหลาน เกรงว่าระหว่างเราคงไม่มีเรื่องให้คุยมากนัก ข้าไม่ควรอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็เชิญคุณชายตามสบาย”
“เดี๋ยวก่อนหลิงเฟย ข้าอธิบายเรื่องนั้นได้นะ ข้าไม่เคยนอกใจเจ้าจริง ๆ เพียงแค่…”
“เผลอใจไปชั่วขณะ ข้าเกลียดคนโกหกหลอกลวงเป็นที่สุด นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่ซื่อสัตย์ หลานจางหยวนท่านหยุดเถอะ ข้าไม่อยากเกลียดท่านไปมากกว่านี้”
“ไม่นะหลิงเฟย ฟังข้าก่อน”
“ปล่อยข้านะ!!”
“คุณชาย โปรดรักษากิริยาด้วย”
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน!!”
บุรุษหนุ่มเดินเข้ามาระหว่างทั้งคู่ เขายังสวมชุดของทหารเต็มรูปแบบและมีผ้าคลุมหลัง ยศของเขาคงไม่ต่ำกว่ารองแม่ทัพเป็นแน่ หลิงเฟยไม่เห็นหน้าเขาเพราะเขามายืนขวางนางอยู่ตรงหน้า
“ข้าน้อย “เฉินเป่าหลง” รองแม่ทัพองครักษ์ในวังหลวง”
“ที่แท้ท่านรองเฉินนี่เอง ข้ากับนางมีเรื่องคุยกันเล็กน้อย”
“ไม่ใช่นะ ข้าไม่มีสิ่งใดจะพูดกับเขา”
ท่านรองเฉินหันมามองใบหน้าสตรีที่เขาช่วย นึกไม่ถึงว่านางตัวเล็กแต่จิตใจเข้มแข็ง สายตาที่ไม่ยอมคนนั้นสะกดให้เขามองนางอยู่ชั่วครู่
“ท่านรองแม่ทัพ ท่านมาก็ดีเจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการจะคุยกับเขา ไม่ทราบเลยว่าเขาเดินตามข้ามาตอนนี้ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัย รบกวนท่าน…”
“เช่นนั้นคุณชาย ข้าต้องขอตัวก่อน”
“หลิงเฟย แต่ข้ายังพูดไม่จบ”
“ข้าขอย้ำอีกครั้งคุณชายหลาน ระหว่างเราไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีก หวังว่าท่านจะไม่มาคุยกับข้าเช่นนี้อีก ขอตัวก่อน”
เฉินเป่าหลิงหันไปมองสตรีข้าง ๆ เมื่อครู่นางเรียกเขาว่าคุณชายหลาน เช่นนั้นนางคงเป็น “ลู่หลิงเฟย” ที่กำลังมีข่าวกับท่านอ๋องหยางผู้โด่งดังผู้นั้นเป็นแน่
“คุณหนู เชิญ”
“ขอบคุณท่านรองแม่ทัพ”
นางกับเฉินเป่าหลิงเดินมาด้วยกันจนถึงหน้าห้องโถงงานเลี้ยง ท่านอ๋องเหลือบไปเห็นนางเข้าพอดีตอนที่พวกเขาทะเลาะกันในสวนกับบุรุษหนุ่มอีกคน ก่อนจะเห็นรองแม่ทัพเฉินเป็นผู้ที่เดินมาส่งนางและนางก็ขอบคุณเขา
“ขอบคุณท่านรองแม่ทัพที่ช่วยข้าในครั้งนี้เจ้าค่ะ บุญคุณครั้งนี้หากมีโอกาสข้าจะเลี้ยงชาท่านนะเจ้าคะ”
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ท่านคงเป็นคุณหนูสกุลลู่ น้องสาวพระชายาลู่สินะขอรับ”
“ใช่ ข้าเอง ลู่หลิงเฟยผู้เที่ยวเก่งเป็นหนึ่งในต้าซ่ง”
รองแม่ทัพหนุ่มที่รูปงามไม่แพ้ท่านอ๋องเผลอยิ้มออกมาให้ท่าทีของนางเล็กน้อย ลู่หลิงเฟยเองก็ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรเช่นกัน ท่านรองแม่ทัพผู้นี้ก็นับว่าเป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างดีและรูปงามไม่แพ้ท่านอ๋องผู้นั้นเพียงแต่ผิวคล้ำกว่าเล็กน้อย
“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับเข้าไปในงานก่อนนะเจ้าคะขอบคุณท่านรองแม่ทัพ”
“เรียกข้าว่าเฉินเป่าหลงเถิด”
“เช่นนั้นใต้เท้าเฉิน ขอตัวเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าเองก็ขอตัวด้วยเช่นกัน”
“แล้วพบกันใหม่เจ้าค่ะ”
“แล้วพบกันใหม่”
ลู่หลิงเฟยเดินเข้ามาในห้องโถงแล้วแต่รองแม่ทัพเฉินผู้นั้นยังมองนางจนนางเดินมา สายตายังยิ้มให้กับหลังของนางจนนางเดินเข้ามาด้านใน
นางมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มและเดินกลับไปนั่งข้าง ๆ พี่ใหญ่ของนาง ท่านอ๋องหันไปมองรองแม่ทัพผู้นั้นอย่างนึกแปลกใจสลับกับหันมามองลู่หลิงเฟย
“ไม่ทันข้ามวันที่บอกว่าชอบข้า แต่กลับมีบุรุษอื่นมาพัวพันอีกสองคน เป็นสตรีเช่นใดกันแน่”
“ท่านอ๋อง ทรงตรัสว่ากระไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เปล่า ข้ามิได้คุยกับเจ้า”