ตอนที่ 3 พบเจออีกครา...
“อาลี่ เจ้าไม่เข้าใจหัวอกคนมีความรักเลย เฮ้อ…ท่านอ๋อง หยางหลินอี้ แม่ทัพหนุ่มผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า”
“อ๋องแม่ทัพผู้เป็นหนึ่งแดนประจิมเจ้าค่ะ หาใช่ใต้หล้าไม่”
“นั่นแหละ ๆ ช่างเถอะ ไปอ่านตำราต่อดีกว่า”
“แต่นี่ดึกแล้วนะเจ้าคะแล้วตาท่านก็…”
“ข้าเคยเจอวิธีการรักษาบาดแผลเช่นนี้ในตำราแพทย์ของท่านพ่อ ต้องไปรื้อฟื้นความจำเสียหน่อยไปก่อนนะ”
“คุณหนูเจ้าคะ เฮ้อ….เมื่อใดคุณหนูของข้าจะเรียบร้อยดังคนคุณหนูสกุลอื่นบ้างนะ”
วันถัดมา
“เจ้านะเจ้า ข่าวลือของเจ้าที่ถูกท่านอ๋องรับเอาไว้เพราะโยนลูกแพรคืนโด่งดังทั่วเมืองหลวงแล้ว”
“จริงหรือเจ้าคะท่านพ่อ พูดกันทั่วเมืองหลวงเลยงั้นหรือเจ้าคะ แย่จริงทำเช่นไรดีเล่าเจ้าคะ”
“จะให้ทำเช่นไร เหตุใดเจ้าจึงเล่นสนุกไม่ดูเวลาเช่นนี้ ท่านอ๋องผู้นั้นใช่คนที่เจ้าจะล้อเล่นได้งั้นหรือ เขาเป็นพระนัดดา(หลานชาย) ของฝ่าบาท เจ้านะเจ้า…”
“เช่นนั้นคนก็ร่ำลือไปทั่วเมืองหลวง ท่านพ่อ เช่นนี้ข้าก็ทำตัวไม่ถูกนะสิเจ้าคะ”
“เฮ้อ….ชื่อเสียงของเจ้าแม้ว่าเจ้าจะไม่สนใจแต่ช่วยไว้หน้าพ่อหน่อยได้หรือไม่ พี่เจ้าเป็นถึงพระชายาขององค์รัชทายาทเชียวนะ”
“เฮ้อ พวกท่านก็เอาแต่ชื่อเสียงของพี่ใหญ่กับพี่รองมากดดันข้าอยู่เรื่อยเลย ท่านพ่อนี่ท่านต้องการให้ข้าบ้าตายหรือเจ้าคะ”
“เจ้าน่ะมีความรู้ความสามารถแต่กลับไม่นำมันออกมาใช้แล้วยังเที่ยวเล่นไปเรื่อย พ่อเองก็ไม่เคยว่ากล่าวแต่เรื่องคราวนี้มันร่ำลือหนาหู”
“ก็ดีนะสิเจ้าคะ ร่ำลือให้ดังไปถึงจวนอ๋องเลยยิ่งดี เขาจะได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของข้า ให้ร่ำลือไปนาน ๆ ได้ยิ่งดี”
“หลิงเฟย เจ้าจะบ้าไปแล้วงั้นหรือ เรื่องที่เจ้าถอนหมั้นกับสกุลหลานนั่น ข่าวพึ่งซาไปไม่เท่าใดเจ้าก็สร้างข่าวลือใหม่อีก โธ่ลูกรักเจ้าอย่าทำให้พ่อปวดหัวมากกว่านี้เลยได้หรือไม่”
“นั่นลูกเป็นผู้ถอนหมั้นเขาเพราะเขาทำผิดต่อลูก นอกใจแอบไปชอบสตรีอื่น ลูกถอนหมั้นกับเขามันก็ถูกต้องแล้ว เหตุใดจึงได้กลายเป็นว่าลูกต้องอับอาย ผู้ที่ควรอายคือหลานจางหยวนนั่นต่างหากเล่า”
“เอาล่ะ ๆ อย่างไรช่วงนี้เจ้าก็อยู่จวนไปเงียบ ๆ สักพัก รอให้เรื่องมันซาลงเจ้าค่อยออกไปข้างนอก”
“ไม่ได้!! อีกสองวันจะมีงานเลี้ยงในวังหลวงเพื่อต้อนรับกองทัพประจิม ลูกจะไม่ไปร่วมงานได้อย่างไรเพคะ”
“นี่เจ้ายังอยากจะไปในวังหลวงอีกเช่นนั้นหรือ??”
“ต้องอยากไปสิเพคะ งานนี้เห็นบอกว่ามีขุนนางทุกระดับไปร่วมงานได้ ท่านพ่อ ท่านเป็นถึงพ่อตาขององค์รัชทายาทเชียวนะเพคะ”
“ไม่ใช่ ๆ ประเด็นมันมิได้อยู่ตรงนั้นแต่เจ้าจะไปด้วยงั้นหรือ นี่เจ้าไม่กลัวว่า…”
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าข้าเคยสนใจคำที่พวกขี้ขลาดดีแต่นินทาลับหลังผู้อื่นพูดถึงข้างั้นหรือเจ้าคะ เรื่องแบบนั้นทำอะไรลู่หลิงเฟยมิได้หรอกเจ้าค่ะ”
“เฮ้อ….อาลี่เจ้าไปบอกให้พ่อบ้านหลุนชงยายอมให้ข้าที”
“เจ้าค่ะนายท่าน”
สองวันถัดมา
“ยอดเยี่ยมเลยเจ้าค่ะคุณหนู ท่านทำอย่างไรจึงได้รักษารอบดวงตาของท่านให้หายทันเช่นนี้เจ้าคะ อีกทั้งใบหน้ายังสดใสและเนียนนุ่มมากกว่าเดิมด้วย”
“ข้าปรุงยาตามตำราแพทย์และผสมบางอย่างที่บำรุงผิวหน้าเข้าไปพอกไว้ทั้งคืนตลอดสองวันมานี้ และก็ได้ผล เจ้าดูสิ แทบจะไม่ต้องทาแป้งเลย”
“นั่นสิเจ้าคะ ชาดทาปากของคุณหนูก็สีงามยิ่งนัก ไม่แดงไปไม่สีจืดไปทาแล้วดูชุ่มชื่นยิ่งนัก”
“หึ ข้าเป็นผู้ปรุงเองกับมือเชียวนะก็ต้องงดงามเป็นธรรมดา สิ่งเหล่านี้จะต้องทำเงินให้ข้าได้อย่างแน่นอน”
“คุณหนู ท่านคงมิคิดจะนำมันไปขายหรอกนะเจ้าคะ”
“ไม่หรอกน่า ข้าก็แค่จะนำไปให้พี่หญิงเท่านั้น ให้นางแจกจ่ายพระสนมในวังหลังใช้ เพียงเท่านี้ข้าก็ผลิตของนี่ส่งไม่ทันขายแล้ว”
“นึกแล้วเชียวว่าท่านคงไม่ไปงานนี้เฉย ๆ อย่างแน่นอน”
“พวกเขาคิดว่าข้าบ้าผู้ชายถึงเพียงนั้นงั้นหรือ หึ ข้าน่ะ รู้น้อยไปเสียแล้ว ข้าน่ะบ้าเงินมากกว่าผู้ชายเสียอีก สวยไว้ก่อนผู้ชายน่ะของแถม ไปกันเถอะท่านพ่อกับพี่ใหญ่คงรอข้าแย่แล้ว”
ห้องโถงใหญ่
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
“โอโหหลิงเฟยเจ้าช่างสดใสราวเบญจมาศร้อยปีในสวนหมื่นอักษรของไท่หลงจวินเสียจริง”
“พี่ใหญ่ท่านกลับมาเมืองหลวงไม่นานก็ปากหวานเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ หรือว่าอยากจะหาพี่สะใภ้ให้ข้าเสียแล้ว”
“หึ ข้าออกศึกฝึกทหารอยู่สองในสามส่วนของเวลาในชีวิต มีเวลาที่ใดจะไปหาสตรีงามคู่กายเล่า ไปเถอะขอรับท่านพ่อ”
“อืม ไปเถอะ นี่หลิงเฟยพ่อขอเตือนเจ้าอีกครั้ง....”
“ข้าจะไม่ก่อเรื่องก่อปัญหาและจะทำตัวเรียบร้อยอยู่ เงียบ ๆ ไร้ปากเสียงเจ้าค่ะ”
“ดูเจ้าพูดเข้าสิ ไม่ต้องขนาดนั้น แค่ไม่พูดเรื่อยเปื่อยก็พอ”
วังหลวง
“หลิงเฟย”
“พี่หญิง”
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ”
“ตามสบายเถอะ”
“พี่หญิงข้ามี…”
“มานี่ก่อน หม่อมฉันขอตัวสักครู่นะเพคะ”
“ได้สิพวกเจ้าพี่น้องมิได้พบกันนานแล้วคงคิดถึงสินะ”
“เพคะ”
“ลู่อิ๋งเซียน” พระชายาองค์รัชทายาทดึงแขนน้องสาวออกมายังด้านนอกห้องโถงงานเลี้ยงในทันที
“พี่หญิง เหตุใดท่านลากข้าออกมาถึงนี่เจ้าคะ”
“น้องบ้า ข่าวลือเรื่องเจ้าโด่งดังเข้ามาถึงในวังหลวงบอกพี่มาเจ้าไปเล่นซนอะไรอีก แล้วมีเรื่องเช่นนั้นกับเจ้าและท่านอ๋องหยางผู้นั้นจริงหรือ”
“พี่รองท่านใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าค่ะ ค่อย ๆ ถามข้าทีละเรื่อง สูดหายใจเข้าลึก ๆ เชื่อข้า ฮึบ…”
ลู่อิ๋งเซียนทำตามที่นางแนะนำก่อนจะลืมตัวและหันมาดุนางอีกครั้งพร้อมกับตีแขนนางไปอีกหนึ่งที
“เจ้านี่นะ ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ยังกล้าล้อเล่นกับข้าอีก บอกข้ามาเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ในวังล้วนลือกันไปมากมาย องค์รัชทายาทก็มาสอบถามกับพี่แต่พี่ก็เลี่ยงไปว่ายังมิได้พบเจ้าเลยยังไม่รู้ความจริง”
“คือว่า…เรื่องมันก็….”
ลู่หลิงเฟยเล่าทุกอย่างให้พี่รองของนางฟังจนหมดสิ้น สิ้นคำเล่าจากปากของหลิงเฟย ลู่อิ๋งเซียนถึงกับนั่งลงและเริ่มถอดถอนใจ
“เฮ้อ สรุปก็คือที่เล่ารือกันมานั่นแทบจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมดเลย จากนี้เจ้าจะทำสิ่งใดต่อ”
“ท่านเห็นท่านอ๋องแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
“นี่เจ้ายังกล้าถามหาเขาอีกงั้นหรือ”
“พี่หญิงท่านก็รู้ ข้าถูกใจเขาจึงโยนลูกบอลแพรปักนั้นไปให้เขานะเจ้าคะ”
“เฮ้อ เจ้า…คงยังไม่รู้สินะ ท่านอ๋องผู้นั้น…”
“ถวายบังคมพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
สองพี่น้องหันไปมองผู้ที่เอ่ยคำทักทาย เมื่อลู่หลิงเฟยหันไปก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ยืนได้ไม่ตรงจนพี่รองของนางต้องจับนางเอาไว้และบิดแขนให้นางรู้สึกตัว
“โอ๊ย หล่อเหลามากเพคะ อุ๊ย ไม่ใช่ ๆ หมายถึง ถวายบังคม…ท่านอ๋อง”
พระชายาลู่ถึงกับหลับตาลงพร้อมกับส่ายหน้ากับความบ้าบิ่นของน้องสาวคนสุดท้องของนางเองเมื่อหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้ท่านอ๋อง “หยางหลินอี้” ที่เข้ามาทักทายนาง
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจึงได้ออกมาที่นี่ ไม่อยู่ในงานเลี้ยง”
“กระหม่อมเพียงแค่ออกมาสูดอากาศเท่านั้น ในห้องโถงแออัดเกินไปพ่ะย่ะค่ะ นึกไม่ถึงว่าจะพบพระองค์ที่นี่เช่นกัน เอ่อ ไม่คิดว่าจะพบแม่นางที่นี่เช่นกัน”
“หม่อมฉันลู่หลิงเฟย ผู้ที่ท่านรับเอาไว้ได้พร้อมบอลลูกแพรปักเมื่อวันก่อนท่านคงจำได้ใช่หรือไม่เพคะ”