

The Follow Love 4. ยื่นฝึกงาน
The Follow Love 4.
ยื่นฝึกงาน
บริษัท PDN
พราวมุกและพายอาร์เดินเข้ามาในบริษัทที่พราวมุกต้องมาฝึกงาน ทั้งคู่เดินไปที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีไว้ติดต่องานหรือคุยธุระกับบริษัทแห่งนี้
“ติดต่อเรื่องอะไรคะ?” พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่เอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง
“มายื่นเอกสารฝึกงานค่ะ” พราวมุกจึงตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มให้พนักงานคนนั้นตามมารยาท
“ฝึกงาน?” แต่คำพูดของเธอทำให้พนักงานคนนั้นแปลกใจ และหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความสับสนมึนงง
“ปกติที่บริษัทเราไม่รับเด็กนักศึกษาฝึกงานนะคะ” เพื่อนของเธอคนนั้นก็งงเช่นกัน จากนั้นก็หันมาพูดกับพราวมุกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ใช่ค่ะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ?” พนักงานคนแรกที่คุยกับพราวมุกก็หันมาพูดเช่นกัน เพราะที่บริษัทนี้ไม่รับเด็กฝึกงานมานานมากแล้ว พวกเธอที่มาทำงานที่นี่ได้หลายปี ก็ไม่เคยเห็นว่ามีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยไหนมาฝึกงานที่นี่เลย
“ไม่นะคะ นี่เป็นเอกสารที่บริษัทติดต่อไปค่ะ”
พราวมุกเองก็หันไปมองหน้าพายอาร์ด้วยความไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน จากนั้นพายอาร์ก็หันมาพูดกับพนักงานตรงหน้า แล้วแย่งเอกสารในมือของเพื่อนยื่นไปให้ทั้งคู่ดู เพราะเธอก็มั่นใจว่าพาเพื่อนมาถูกแล้ว
พนักงานประชาสัมพันธ์จึงหยิบเอาเอกสารไปอ่านดู
“เลขาของท่านรอง!!” เมื่อเห็นตำแหน่งที่ปรากฏอยู่บนเอกสารแผ่นนั้นแล้วเธอก็ถึงกับร้องขึ้นอย่างตกใจ เพราะชื่อของคนที่รับเด็กฝึกงานนั้นไม่¬ธรรมดา เป็นถึงเลขาของท่านรองประธานบริษัท
“ใคร? คุณเกดน่ะเหรอ?” เพื่อนอีกคนก็หันมาถามแล้วก้มมองเอกสารด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ใช่”
“ใช่จริง ๆ ด้วย” เมื่อเห็นชื่อแล้วทั้งคู่ก็หันไปซุบซิบกันด้วยความคาดไม่ถึง
“เดี๋ยวขอติดต่อไปที่เลขาของท่านรองสักครู่นะคะ” จากนั้นพนักงานอีกคนก็เดินออกมาเชิญให้พราวมุกและพายอาร์เดินไปนั่งที่ล็อบบี้รับรองแขกด้านหน้าทันที “เชิญนั่งรอตรงนี้ก่อนค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” พราวมึกเอ่ยขอบคุณพนักงานคนนั้นแล้วนั่งลง
“นี่แกมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาของรองประธานเชียวเหรอ?” พายอาร์นั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสนิทแล้วหันมาถามพราวมุกด้วยความตกใจไม่แพ้กันกับพนักงานทั้งสองคนนั้นเลย
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” พราวมุกก็ได้แต่ส่ายหน้าให้เพื่อนรักไป เพราะเธอเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าตำแหน่งที่เธอมาฝึกงานนั้นเป็นถึงผู้ช่วยเลขาของรองประธานบริษัทเลยทีเดียว
“น้องคนไหนที่มาฝึกงานคะ?” นั่งรออยู่ไม่นานนักพนักงานหญิงคนแรกที่พูดคุยกับพราวมุกก่อนหน้านี้ก็เดินออกมาแล้วถามขึ้น
“หนูค่ะ” พราวมุกจึงเอ่ยตอบกลับไปและยกมือขึ้น
“เดี๋ยวมากับพี่หน่อยนะ พี่จะพาขึ้นไปหาคุณเกด ส่วนเพื่อนของน้อง รบกวนนั่งรอตรงนี้นะคะ”
พนักงานพูดกับพราวมุกเสร็จก็หันมาบอกกับพายอาร์ที่มาเป็นเพื่อนพราวมุก ซึ่งบริษัทมีกฎไม่ให้คนนอกเข้าไปภายในบริษัท โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นของผู้บริหาร ทำให้ไม่สามารถให้พายอาร์ขึ้นไปด้วยได้ แม้ว่าจะมาในฐานะเพื่อนสนิทของพราวมุกก็ตาม
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันมานะแก” พราวมุกจึงหันไปบอกเพื่อนด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ได้ ฝากเพื่อนหนูด้วยนะคะ” พายอาร์พยักหน้ารับแล้วหันไปฝากฝังเพื่อนกับพนักงานคนนั้นด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อมเป็นอย่างดี
“ค่ะ”
จากนั้นพนักงานก็พาพราวมุกไปที่ลิฟต์แล้วขึ้นไปยังชั้นบนสุดของบริษัท
“คุณเกด” เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องขนาดใหญ่ตรงมุมตึก ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าห้อง พนักงานคนนั้นจึงทักขึ้นด้วยความนอบน้อม
“ขอบคุณที่พาน้องขึ้นมานะคะ ไปทำงานต่อได้เลยค่ะ”
เกษมณี หรือคุณเกดที่พูดถึงก็เงยหน้าขึ้นมองมาที่พราวมุกครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับพนักงานหญิงคนนั้น
“ค่ะ” พนักงานคนนั้นยิ้มรับแล้วเดินกลับไปทำงานตามเดิม ส่วนเกษมณีก็หันมาจ้องสำรวจพราวมุกอย่างละเอียด
“เอ่อ สวัสดีค่ะ หนูชื่อพราวมุก เป็นคนที่อาจารย์หญิงแนะนำมาให้ฝึกงานที่นี่ค่ะ” พราวมุกรีบยกมือไหว้และแนะนำตัวอย่างเกร็ง ๆ
“จ้ะ สบาย ๆ นะ ไม่ต้องเกร็ง” เกษมณีพยักหน้ารับอย่างพอใจและรู้¬ว่ารุ่นน้องตรงหน้ากำลังประหม่าจึงพยายามพูดให้พราวมุกผ่อนคลาย
“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นเอกสารค่ะ” พราวมุกยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้เกษมณีดู
เกษมณีรับเอกสารไปเปิดดูทีละหน้าอย่างใจเย็น ยิ่งทำให้พราวมุกเกร็งกว่าเดิม รู้สึกไม่มั่นใจในตนเองขึ้นมาดื้อ ๆ
“โอเค ผ่าน พี่ชื่อเกษมณีจ้ะ หรือเรียกว่าพี่เกดก็ได้ ต่อไปน้องพราวมุกต้องมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยของพี่เอง” เมื่ออ่านจนจบแล้วเกษมณีก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะคุณสมบัติของหญิงสาวตรงหน้านั้นตรงกับที่เธอขอไปทุกอย่าง จากนั้นก็แนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
“ค่ะ พี่เกด” พราวมุกยิ้มรับและเอ่ยเรียกชื่อเกษมณีอย่างสนิทสนม ต่อไปจะได้รู้สึกชิน เพราะเธอต้องมาฝึกงานที่นี่นานพอสมควร
“บุคลิกดีนะนี่ ส่วนภาษาถ้าดูจากผลการเรียนแล้วก็คงจะแน่น ตรงกับที่พี่ต้องการเลย” เกษมณียิ้มพอใจแล้วเอ่ยชมเด็กสาวตรงหน้า
“งานไม่ได้มีอะไรมากหรอกจ้ะ ช่วงนี้เป็นช่วงขยายการผลิต พี่เลยอยากหาคนมาช่วยงานสักคน แต่ถ้ารับคนที่มีประสบการณ์มาแล้วสอนยาก พี่เลยติดต่อให้อาจารย์หญิงหาให้ พี่ก็จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรานั่นแหละ มาเรียนรู้กันดีกว่าว่าพราวต้องทำอะไรบ้าง “
จากนั้นก็ทำการแนะนำงานที่เธอจะให้พราวมุกช่วย เธอเล่าด้วยว่าเธอเองก็จบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพราวมุก และคุ้นเคยกับอาจารย์หญิงเป็นอย่างดี
“อ๋อ ค่ะ” พราวมุกจึงพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วนี่จะเริ่มฝึกงานช่วงไหนนะ?”
“อีกหนึ่งสัปดาห์นิด ๆ ค่ะ” พราวมุกตอบกลับไป เพราะอีกแค่ประมาณเจ็ดแปดวันก็จะได้ฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดออกมาแล้ว
“โอเค เดี๋ยวพี่ขอแอดไลน์ไปนะ เผื่อมีอะไรสงสัยน้องพราวจะได้ถามสะดวก” เกษมณีพยักหน้ารับรู้แล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้พราวมุก
“ค่ะ” พราวมุกจึงรับโทรศัพท์มาพิมพ์ไอดีไลน์ของตนเองแล้วมีเรื่องอยากจะถามเกษมณีพอดี “พี่เกดคะ หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“จ้ะ ถามมาได้เลย” เกษมณีพยักหน้าอนุญาตอย่างใจดี
“เรื่องการแต่งตัวมาฝึกงานจะให้แต่งกายแบบไหนค่ะ พอดีพราวต้องถ่ายรูปส่งอาจารย์ด้วยค่ะ” พราวมุกเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะว่าทุก ๆ สัปดาห์ เธอต้องถ่ายรูปรายงานลงเอกสารทุนด้วยว่าฝึกงาน ทำให้ต้องใส่ชุดนักศึกษาถ่ายรูปด้วย ไม่แน่ใจว่าที่บริษัทจะอนุญาตหรือไม่
“อ๋อ ให้ใส่ชุดนักศึกษามาแค่สัปดาห์ละหนึ่งวัน อีกสี่วันใส่ชุดนอกจ้ะ หรือถ้าวันไหนที่ต้องออกไปข้างนอกกับท่านรอง เดี๋ยวพี่จะบอกอีกทีนะ”
เกษมณีรู้อยู่แล้วว่าพราวมุกเป็นเด็กทุนจึงอนุญาตให้ใส่ชุดนักศึกษาได้แค่หนึ่งวัน เพราะคงไม่ดีนักถ้าพราวมุกออกไปติดต่องานด้านนอกแล้วใส่ชุดนักศึกษา
“ค่ะ” พราวมุกยิ้มรับอย่างเต็มใจ
“ไม่มีอะไรแล้วจ้ะ น้องพราวจะถามอะไรอีกไหม?”
“ไม่ค่ะ” พราวมุกส่ายหน้าตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันสัปดาห์หน้านะจ๊ะ วันนี้กลับไปได้เลย” เมื่อไม่มีอะไรแล้วเกษมณีจึงยิ้มให้รุ่นน้องแล้วเอ่ยลา
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” พราวมุกยิ้มรับแล้วยกมือไหว้เกษมณีอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ขอตัวเดินออกไป
ระหว่างทางก็สวนทางกับติณภัทรที่เดินมาห้องทำงานของตนเองพอดี พราวมุกก้มหัวให้เขาเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าเขาคือใคร จากนั้นก็เดินเข้าลิฟต์ไปตามปกติ
ติณภัทรมองตามหลังพราวมุกไปด้วยความสนใจ
“เมื่อครู่นี่ใคร?” เขาเดินมาถามเลขาของตนเองที่นั่งอยู่หน้าห้องด้วยความสงสัย
“นักศึกษาฝึกงานจ้ะ” เกษมณีเงยหน้าขึ้นตอบเจ้านาย
ด้วยความที่เกษมณีเป็นเพื่อนบ้านและเป็นลูกพี่ลูกน้องของติณภัทรมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน เกษมณีอายุมากกว่าติณภัทรถึงสามปี แม้ว่าเวลาอยู่ที่บ้านทั้งคู่จะคุยกันแบบธรรมดาแบบพี่น้อง แต่เวลางานเกษมณีก็ให้เกียรติเจ้านายเสมอ ไม่เคยเบ่งว่าตนเองรู้จักเจ้าของบริษัทเป็นการส่วนตัว
“ปกติบริษัทเราไม่รับเด็กฝึกงานนี่?” ติณภัทรขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะปกติแล้วบริษัทของเขาไม่เคยรับนักศึกษาฝึกงานเลยสักครั้ง
“เกดรับไว้เองค่ะ พอดีเกดหาผู้ช่วยตามที่คุณติณบอกยังไงล่ะคะ”
เกษมณีจึงบอกกับเจ้านายไปตามตรง เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ติณภัทรต้องพิสูจน์ตนเองในการทำโปรเจกต์ใหญ่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้านำเข้าจากทางยุโรป ทำให้งานของเธอล้นมือ ติณภัทรจึงให้เลขารุ่นพี่หาผู้ช่วยมาให้ แต่เกษมณีไม่ชอบการสอนงานคนที่เป็นงานแล้ว เพราะคนแบบนั้นจะมีความคิดเป็นของตนเองและหัวแข็ง เธอจึงเลือกที่จะรับเด็กฝึกงานจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอมาดีกว่า ซึ่งเด็กสาวที่อาจารย์คนที่ตนสนิทแนะนำมาก็โปรไฟล์ดีมากเลยทีเดียว
“อื้ม ก็ตามนั้น” ติณภัทรพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินเข้าห้องไปทำงานที่ตัวเองทำค้างไว้เมื่อวานต่อทันที
