
บทย่อ
สำหรับเธอเขาคือรักแท้ สำหรับเขาเธอคือของเล่น สุดท้ายเมื่อไม่มีสถานะ เธอจึงเลือกเดินจากมาพร้อมกับลูกในท้อง เมื่อไม่มีเธอในชีวิตเขาจึงรู้ใจตัวเอง ทว่ากลับสายไปแล้วเพราะวันที่คิดได้กลับไม่มีเธอข้างกาย
The Follow Love 1. ชีวิตในมหาวิทยาลัย
The Follow Love 1.
ชีวิตในมหาวิทยาลัย
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกลางเมือง
“พราว”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากข้าง ๆ ทำให้พราวมุกที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ
“หื้ม?” พราวมุกหันไปมองพายอาร์ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“วันนี้แกไปทำงานหรือเปล่า?” พายอาร์ถามขึ้นแล้วมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะนอกจากเรียนหนังสือแล้ว เพื่อนของเธอยังรับทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
“วันนี้ฉันหยุด ทำไมเหรอ?” พราวมุกคิดเล็กน้อยแล้วตอบออกไป
“ว่าจะชวนแกไปกินข้าวที่บ้านน่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสนิท พายอาร์ก็ยิ้มดีใจ จากนั้นก็เอ่ยชวนพราวมุกให้ไปกินข้าวที่บ้านของเธอทันที
“หื้ม? แกจะกลับบ้านเหรอ?”
พราวมุกขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองพายอาร์ด้วยความแปลกใจ เพราะปกติแล้วพายอาร์จะใช้ชีวิตที่คอนโดหรูใจกลางเมืองของเธอเป็นส่วนใหญ่ ไม่บ่อยนักที่เธอจะกลับบ้าน นอกเสียจากว่าจะถูกเรียกตัวกลับไป
“ก็แม่ฉันน่ะสิ บอกให้กลับบ้าน ต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย”
พายอาร์ตอบพร้อมกับกลอกตามองบนอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกถึงแม่ของเธอที่โทรมาตามให้กลับบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว และยังมีการแอบเร่งเธออีก เธอจึงชวนเพื่อนสนิทไปด้วย เผื่อแม่คิดจะเล่นแง่อะไร เธอจะได้เอาพราวมุกไปเป็นข้ออ้าง
“แกจะบ้าเหรอ แกไปเถอะ บางทีคุณป้าอาจจะคิดถึงแกก็ได้ แกเล่นไม่กลับบ้านเลยนี่นา”
พราวมุกรีบปฏิเสธทันที เพราะรู้ว่าการที่เพื่อนสนิทถูกเรียกตัวกลับนี่ต้องมีอะไรมากกว่าการไปกินข้าวกับครอบครัวแน่ ๆ แต่เธอก็ช่วยพูดให้เพื่อนสนิทไม่คิดมากและระแวงมากจนเกินไป
“เหอะ แกยังไม่รู้จักแม่ฉันดี”
พายอาร์ทำเสียง ‘เหอะ’ขึ้นอย่างอดไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าแม่ของเธอเป็นอย่างไร ถ้าเธอกลับไปคนเดียว มีหวังว่าถ้าไม่มีคนที่แม่นัดไว้เพื่อมาดูตัวกับเธอ ก็คงจะลากตัวเธอออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วไปเจอคนรู้จักแน่ ๆ
“...” พราวมุกไม่ได้พูดอะไรตอบกลับเพื่อนสนิทไป ได้แต่ยิ้มแหยให้เท่านั้น
“สรุปแกจะไม่ไปกับฉันจริง ๆ เหรอ?” พายอาร์ยังคงเซ้าซี้ให้เพื่อนสนิทกลับบ้านกับเธอด้วย เพื่อที่จะเอาเพื่อนสนิทไปกันแม่ของเธอได้
“ไม่เอาอ่ะ แกก็โทรตามพี่พีกลับด้วยสิ” พราวมุกยังคงปฏิเสธและให้เพื่อนชวนพี่ชายของเธอกลับไปด้วย
“รายนั้นน่ะ ถ้าไม่เอาช้างไปฉุดก็ไม่กลับเหมือนกันนั่นแหละ”
เมื่อพูดถึงพี่ชายของตนเอง พายอาร์ก็ยิ่งเซ็งมากกว่าเดิม เพราะรายนั้นก็ไม่ต่างจากเธอนัก ถ้าไม่มีธุระสำคัญจริง ๆ ก็คงไม่กลับบ้านอย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นคนแรกที่แม่จะมัดมือชกแล้วเอาถึงคลุมเลย
“แกก็เว่อร์ไป” พราวมุกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดเพื่อนสนิท
“โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป แล้วนี่แกหาที่ฝึกงานได้ยัง?”
พายอาร์ยอมรับการตัดสินใจของเพื่อนในที่สุด และนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายของเธอถามถึงเพื่อนสนิทตนเองด้วย เธอจึงถามพราวมุกไปเกี่ยวกับเรื่องฝึกงาน เพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่ปีสี่แล้ว เทอมหน้าก็ออกฝึกงานกันแล้ว
พี่ชายของเธอเคยถามเรื่องเพื่อนสนิทว่าฝึกงานที่ไหน ถ้ายังไงก็ให้ชวนไปฝึกด้วยกันที่บริษัทของครอบครัวเธอ โดยที่ตอนนี้มีพี่ชายเธอบริหารอยู่ มองมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าพี่ชายเธอคิดอะไรกับเพื่อนสาว แต่พายอาร์ก็ไม่อยากจะบังคับใจใคร เพราะรู้ซึ้งความรู้สึกนั้นดี
“ยังเลย อาจารย์ยังไม่เรียกไปคุยเลย” พราวมุกส่ายหน้าตอบ แต่ สีหน้าไม่มีความกังวลใจเลย เพราะศึกษาทุนอย่างเธอ อาจารย์คงหาที่ฝึกงานไว้ให้แล้ว
“เสียดายจัง นี่ถ้าแกไม่ใช่เด็กทุนที่ทางมหาวิทยาลัยต้องหาที่ฝึกให้เองนะ ฉันจะให้แกไปฝึกด้วยกันกับฉัน”
พายอาร์พูดขึ้นอย่างเสียดาย เพราะพราวมุกเป็นเด็กนักศึกษาทุนที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ ฉะนั้นการฝึกงานต้องขึ้นอยู่กับอาจารย์ว่าจะส่งไปฝึกที่ไหน ทำให้เธอไม่สามารถดึงเพื่อนสนิทไปฝึกงานกับตนเองด้วยได้
“หึ แต่ก็ดีนะ จะได้หาประสบการณ์ใหม่ ๆ จะให้พึ่งพาแกตลอดก็คงไม่ไหว” พราวมุกจึงพูดขึ้นอย่างสบาย ๆ
เพราะชีวิตในมหาวิทยาลัยเธอมีพายอาร์ข้างกายตลอด ไม่มีเพื่อนคนอื่นเลย และเมื่อเรียนจบแล้วเธอและเพื่อนก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต ไม่สู้ตอนนี้เธอลองไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ คนเดียวก่อนดีกว่า
“ฉันเหงานี่สิ”
พายอาร์มุ่ยหน้าเล็กน้อย เพราะบริษัทที่เธอจะไปฝึกงานคือธุรกิจของที่บ้านเธอเอง และคนที่จะดูแลเธอก็คือพี่ชายของเธอเองด้วย
“ไม่เอาน่า นี่เราโตจนจะเรียนจบแล้วนะ จะข้ามไปวัยทำงานแล้ว” พราวมุกจึงปลอบใจเพื่อนสนิทให้คิดในแง่ดี
“พูดเหมือนพี่พีเลยแกอ่ะ” ได้ยินอย่างนั้นพายอาร์ก็บ่นขึ้น เพราะคำพูดเพื่อนสนิทนั้นเหมือนกับคำพูดของพี่ชายเธอเลย
“แล้วนี่จะกลับเลยป่ะ?”
พายอาร์เปลี่ยนเรื่อง เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว
หลังเลิกเรียน พราวมุกและพายอาร์ก็มานั่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบด้วยกันที่ม้านั่งด้านหน้าคณะที่เป็นสวนหย่อมให้นักศึกษามานั่งเล่นกัน
“ใช่ ฉันจะกลับหอเลย แกล่ะ?” พราวมุกยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วตอบออกไป
“ก็คงจะกลับบ้านเลย ป่ะ ฉันไปส่งแกก่อน” พายอาร์จึงชวนเพื่อนสนิทกลับเลย เธอจะได้แวะไปส่งพราวมุกก่อน
“ขอบใจนะ ไปเถอะ” พราวมุกไม่ปฏิเสธ เพราะรู้ว่าถึงปฏิเสธไปยังไงพายอาร์ก็บังคับให้เธอกลับด้วยอยู่ดี
สองสาวเพื่อนสนิทจึงพากันลุกขึ้นเก็บของแล้วเดินไปที่ลานจอดรถ จากนั้นพายอาร์ก็ขับรถมาส่งเพื่อนสนิทที่หอ
“ขับรถดี ๆ นะ ถึงบ้านแล้วทักบอกฉันด้วย”
พราวมุกหันไปบอกพายอาร์ เมื่อรถยนต์สุดหรูของเพื่อนมาจอดที่หน้าหอกลางเก่ากลางใหม่ที่เป็นหอพักของเธอเองแล้ว
“โอเค พรุ่งนี้เจอกัน” พายอาร์พยักหน้ารับแล้วเอ่ยลาเพื่อน
พราวมุกเปิดประตูลงรถมาแล้วยืนรอจนเพื่อนสนิทขับรถไปแล้วค่อยหมุนตัวเดินเข้ามาภายในหอ
“ป้าผ่อง สวัสดีค่ะ” พราวมุกยกมือไหว้เจ้าของหอที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“หนูพราว กลับมาแล้วเหรอลูก” ป้าผ่องที่กำลังลากถุงดำออกมาจากด้านในหอก็เงยหน้าขึ้นมาทักทายหญิงสาวที่เธอรักและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน
พราวมุกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปีสอง หลังจากที่ย้ายออกมาจากหอในแล้ว จึงสนิทกับป้าผ่องเป็นพิเศษ
“ค่ะ แล้วนี่จะขนของไปไหนคะ?” พราวมุกยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปช่วยป้าผ่องถือถุงในมือ
“มีคนย้ายออกน่ะจ๊ะ ป้าเลยขึ้นไปเก็บกวาดห้อง นี่ก็จะเอาไปทิ้ง”
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ” พราวมุกรีบอาสาช่วยงานป้าผ่อง ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว บางครั้งที่เป็นวันหยุด เธอก็ชอบมารับงานเสริมช่วยป้าผ่องทำความสะอาดห้องที่ย้ายออกเป็นประจำ
“ขอบใจลูก” ป้าผ่องมองเด็กสาวที่กระตือรือร้นช่วยงานนางด้วยความเอ็นดู
พราวมุกอยู่ช่วยงานป้าผ่องไม่นานก็ถูกไล่ให้ขึ้นมาพักผ่อน แม้เธอจะบอกว่าไหวแต่ป้าผ่องก็ปฏิเสธ
แอดดดด
พราวมุกเปิดประตูเข้ามาในห้อง จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดห้องอีกเล็กน้อย จากนั้นเดินไปทิ้งตัวลงนอนมองเพดานด้วยความเหนื่อยล้า
พราวมุก วีรดล นักศึกษาทุนพิเศษของมหาวิทยาลัย เธอเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาจากบ้านเด็กกำพร้า นามสกุลวีรดล คือนามสกุลของแม่ที่ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือแม่มณี วีรดล เจ้าของบ้านเด็กกำพร้าแม่มณีนั่นเอง
พราวมุกถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านแม่มณีตั้งแต่คลอดได้ไม่ถึงเดือน ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่ที่นั่นมาโดยตลอด เธอเป็นเด็กดี เป็นที่รักของแม่¬มณีและพี่เลี้ยงทุกคน กับพี่น้องที่บ้านก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี และด้วยความที่เธอเรียนเก่ง ฉายแววเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอเป็นเด็กนักเรียนทุนมาโดยตลอด
และพอถึงเวลาเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็สอบชิงทุนได้ เป็นทุนพิเศษของคณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษและการสื่อสาร ที่มีให้ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าที่พัก ส่วนค่ากิน พราวมุกก็ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และก็มีเงินสนับสนุนที่ทางมหาวิทยาลัยให้มาพร้อมกับค่าที่พักอีกด้วยเดือนละห้าพันบาท แต่เงินส่วนนี้ พราวมุกเก็บไว้และใช้เงินที่ตนเองหามาได้แทน
ชีวิตของเธอ แม้จะน่าสงสารในสายตาคนอื่น แต่พราวมุกกลับมองว่ามันคือความสุข เธอไม่เคยโทษโชคชะตาเลย ไม่เคยโกรธพ่อแม่ที่เอาเธอมาทิ้งไว้ เพราะเธอถือว่ามันคือลิขิตของสวรรค์ พราวมุกจึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาโดยตลอด