บทที่ 2 งานล่าสัตว์
บทที่ 2
งานล่าสัตว์
หน้าพระราชวังของแคว้นหนานคลาคล่ำไปด้วยขบวนรถม้าที่มีตราประทับทั้งของเชื้อพระวงศ์และตระกูลต่างๆ จอดเรียงกันเป็นทิวแถว หน้าขบวนจนถึงท้ายขบวนนับได้กว่าเกือบหนึ่งร้อยคัน รถม้าของจวนตระกูลหลี่จอดอยู่ถัดไปจากรถม้าของเชื้อพระวงศ์
หลี่เฟยหลงและหลี่หมิงหลงพลันเปลี่ยนเป็นขี่ม้า เพื่อนำหน้าขบวนและคอยอารักขาฮ่องเต้ ทั้งสองจึงได้แยกกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
“ฮูหยิน พี่ไปอารักขาฝ่าบาทก่อนนะ”
หลี่เฟยหลงหันมาพูดเสียงอ่อนกับหนานเฟยฮวา แม้ว่าจะแต่งงานจนมีลูกโตแล้ว แต่ทั้งสองก็มักจะแสดงความรักออกมาจนลูกๆ พากันอิจฉา
“เจ้าค่ะท่านพี่ แล้วเจอกันนะเจ้าคะ” เสียงหวานละมุนเอ่ยตอบรับ ใบหน้าอ่อนหวานส่งยิ้มมาให้จนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“อะแฮ่ม ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงท่านแม่นะเจ้าคะ ข้าจะคอยดูแลท่านแม่เป็นอย่างดี จะไม่ให้มีบุรุษใดกล้ามาเข้าใกล้ท่านแม่โดยเด็ดขาด”
หลี่หนิงอ้ายเอ่ยแทรกขึ้นมา พูดจาหยอกเย้าผู้เป็นบิดา จนโดนมารดาหยิกที่แขนไปหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว
“เจ้าเด็กคนนี้พูดจาแก่แดดนัก ท่านพี่รีบไปเถอะเจ้าค่ะ ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”
หนานเฟยฮวาหันมาส่งค้อนให้กับความทะเล้นของบุตรสาว แล้วหันไปสั่งความกับสามีด้วยรอยยิ้มหวาน หลี่เฟยหลงหันมายิ้มหวานกับผู้เป็นภรรยา แต่ไม่วายยกมือขึ้นเขกศีรษะของบุตรสาว ด้วยความเอ็นดูปนระอาใจกับความทะเล้นของบุตรสาว
“ท่านพ่อ!!”
หลี่หนิงอ้ายยกมือขึ้นมาลูบบริเวณที่ถูกหลี่เฟยหลงเขกศีรษะ แต่นัยน์ตากลับพราวระยับด้วยความขบขัน เพราะนางเห็นว่าท่านพ่อกำลังเขินอายอยู่ดูได้จากใบหูทั้งสองข้างที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ดูแลท่านแม่กับอ้ายเอ๋อร์ด้วย”
หลี่หมิงหลงหันมาสั่งความกับน้องชายเสียงราบเรียบ แล้วชวนท่านพ่อขี่ม้าไปที่หน้าขบวน
จากที่หลี่หนิงอ้ายกับหลี่หมิงเฟยนั่งรถม้าอีกคัน ก็ย้ายมานั่งกับมารดา ส่วนรถม้าอีกคันก็ให้ซูมี่และสาวใช้ของหนานเฟยฮวานั่งกันไป
ตึง ตึง!!
เสียงตีกลองเป็นจังหวะดังลั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมกับเสียงเป่าแตรสังข์ที่เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเคลื่อนขบวนสู่ป่าคำรามแล้ว ทหารกว่าพันนายคอยอารักขาฮ่องเต้และเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย เดินเป็นระเบียบอยู่รอบนอก เสียงกระทบดังกึกๆ ของชุดเกราะและอาวุธดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอตามการเคลื่อนตัวของทหารกล้าที่เดินกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้รู้ว่ากองทัพของแคว้นหนานเกรียงไกรเพียงใด
กว่าสองชั่วยามที่ขบวนจะเดินทางเข้าสู่ป่าคำราม เมื่อถึงที่หมายจึงได้แยกขบวน โดยมีทหารและขันทีคอยจัดการดูแล กระโจมกว่าร้อยหลังที่กางเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ฮ่องเต้กับฮองเฮาเสด็จประทับยังกระโจมที่พัก ขนาบข้างด้วยกระโจมของชินอ๋องหนานเฟยอวี่ และจวิ้นอ๋องหนานเฟยหย่า ส่วนเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกันกระจัดกระจายกันออกไป
นอกจากจะมีเหล่าเชื้อพระวงศ์ของแคว้นหนานแล้ว ยังมีเชื้อพระวงศ์ของแคว้นซ่งและแคว้นเว่ยที่ร่วมเดินทางมาร่วมงานล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ท่านประมุขใหญ่แห่งสามสำนักก็ได้ร่วมเดินทางเพื่อเป็นเกียรติแก่ฮ่องเต้แคว้นหนานเช่นเดียวกัน
จ้าวอิงฮวา ท่านประมุขแห่งสำนักวารีสวรรค์ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เคลื่อนไหวอ่อนช้อยงดงามดั่งกลีบดอกเหมย ขึ้นชื่อเรื่องการใช้พิษที่สุด
ถังหลี่เฉียง ท่านประมุขแห่งสำนักพิภพปฐพี เรือนกายสูงใหญ่กำยำ วรยุทธ์ดุดัน แข็งแรง ขึ้นชื่อเรื่องที่เป็นผู้มีพละกำลังมากที่สุด เขาคือผู้ที่ไม่มีใครอยากจะต่อกรด้วย เพราะเพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถหักคอคู่ต่อสู้ได้เพียงพริบตา
เหวินซีซวน ท่านประมุขแห่งสำนักพยัคฆ์ผยอง เขามีรูปโฉมที่หล่อเหลาคมคาย ใบหน้าคมเข้มสันกรามชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ นัยน์ตาคมดุดั่งราชสีห์ที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ ด้วยอำนาจที่มีและวรยุทธ์ที่เก่งกาจเป็นหนึ่งในแผ่นดิน จึงทำให้มีสตรีที่หมายปองอยากจะกุมหัวใจของเขาเอาไว้มากมาย
“อ้ายเอ๋อร์เจ้าจะไปร่วมงานล่าสัตว์หรือไม่”
หนานเฟยฮวาเอ่ยถามบุตรสาว เมื่อยังไม่เห็นนางลุกขึ้นไปเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดล่าสัตว์เสียที จึงอดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้ เพราะปกติแล้วบุตรสาวของนางนั้นชอบการขี่ม้าล่าสัตว์เป็นที่สุด
“ข้าไม่อยากไปเลยเจ้าค่ะ แต่ใจหนึ่งก็อยากจะไป เฮ้อ...” หลี่หนิงอ้ายถอนหายใจอย่างคนที่คิดไม่ได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี
“เจ้ากังวลสิ่งใดหรือ”
“วันนี้มีแคว้นซ่งกับแคว้นเว่ยเข้าร่วมด้วย ข้าเกรงจะไปทะเลาะกับพวกเขาเจ้าค่ะ แคว้นซ่งขึ้นชื่อเรื่องความใจร้อน แคว้นเว่ยเองก็หยิ่งผยอง”
“เจ้าเป็นใคร”
“ข้า...ข้าก็เป็นบุตรสาวของท่านพ่อกับท่านแม่อย่างไรเล่าเจ้าคะ” ศีรษะเล็กเอียงคอด้วยไม่เข้าใจคำถามของมารดา
“ใช่แล้ว เจ้าเป็นบุตรสาวของท่านพ่อที่เป็นถึงท่านแม่ทัพใหญ่ แม่ผู้เป็นถึงอดีตองค์หญิง แม้แม่จะสละฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว แต่อำนาจแม่ก็ยังคงมีอยู่ และเสด็จลุงทั้งสามของเจ้าอีกเล่า เช่นนี้เจ้าจะยังต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกหรือ หากว่ามีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ ยังมีองค์รัชทายาทที่ยังช่วยออกหน้าให้เจ้าได้ แม่ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดขวัญกล้าที่จะมาหาเรื่องพวกเราชาวแคว้นหนานหรอกนะ”
หนานเฟยฮวายกมือขึ้นลูบหัวบุตรสาวด้วยความเอื้อเอ็นดู แม้ภายนอกหลี่หนิงอ้ายจะชอบทำตัวแก่นทโมนไม่สมกับเป็นสตรีชนชั้นสูง ชอบพูดจาไม่ไว้หน้าผู้ใด แต่สมองเล็กๆ ของนางกลับคิดอ่านเพื่อคนรอบข้างเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้เป็นใหญ่เอ็นดูนางยิ่งนัก