บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 จวนแม่ทัพตระกูลหลี่

บทที่ 1

จวนแม่ทัพตระกูลหลี่

บนเตียงนอนนุ่มที่ประดับด้วยผ้าม่านที่ร้อยเรียงด้วยไข่มุกเม็ดน้ำงาม ผ้าแพรโปร่งบางสีฟ้าครามทอดตัวลงมาปิดบังเรือนร่างที่งดงามของสตรีผู้หนึ่ง ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ขนตาแพรยาวกะพริบถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา เผยให้เห็นนัยน์ตากลมโตทอแสงระยิบระยับดั่งดวงดารา เครื่องหน้าทั้งปากเรียวบาง จมูกโด่งรั้น ดวงหน้าเรียวยาว คิ้วโค้งโก่งดั่งคันศร ทั้งหมดสลักอยู่บนใบหน้าของคุณหนูสามหลี่หนิงอ้าย แห่งจวนแม่ทัพ

สาวใช้หน้าห้องที่ได้ยินเสียงขยับตัวของหลี่หนิงอ้าย จึงเอ่ยขออนุญาต

“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”

ซูมี่สาวใช้คนสนิทที่คอยดูแลหลี่หนิงอ้ายตั้งแต่นางอายุเพียง 6 หนาว ด้วยอายุห่างกันเพียง 2 ปี ซูมี่จึงได้รับเลือกจากหลี่ฮูหยินให้มาเป็นเพื่อนเล่นและสาวใช้คนสนิทของหลี่หนิงอ้าย

“อืม” เสียงหวานดั่งระฆังแก้วเอ่ยตอบรับ

เสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับบรรดาสาวใช้สี่คน นำโดยซูมี่เข้ามาภายในห้องนอนกว้างเพื่อปรนนิบัติคุณหนูสาม

ซูมี่เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงนอนนุ่ม เปิดผ้าม่านขึ้นแล้วเข้าไปช่วยประคองหลี่หนิงอ้ายให้ลุกขึ้นเพื่ออาบน้ำ ยังห้องอาบน้ำด้านหลัง ที่ท่านแม่ทัพหลี่เป็นผู้ให้ช่างมาทำโดยเฉพาะ

“วันนี้คุณหนูต้องไปเข้าร่วมงานล่าสัตว์นะเจ้าคะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว วันนี้ขอสวมชุดสีน้ำเงินนะซูมี่”

“เจ้าค่ะ”

ซูมี่หันไปเอ่ยบอกสาวใช้ผู้หนึ่งให้เตรียมชุดสีน้ำเงินออกมาเตรียมไว้ให้ สาวใช้อีกคนเดินไปที่หีบเครื่องประดับ และหยิบเครื่องประดับที่ดูเข้าชุดกันนำออกมาเตรียมไว้ให้คุณหนูเลือกดู

“เจ้าไปช่วยข้าอาบน้ำให้คุณหนู” ซูมี่หันมาสั่งงานกับสาวใช้อีกคน

ทั้งสามเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามกว่าการอาบน้ำจะเสร็จสิ้น เพราะต้องผ่านการแช่น้ำด้วยน้ำปรุงกลิ่นดอกเหมยฮวา ขัดผิวด้วยสมุนไพรพิเศษของหลี่ฮูหยิน เสร็จแล้วก็ต้องลงน้ำมันหอมระเหยที่ตัวซึ่งมีส่วนผสมของต้นโป้เหอ (เปปเปอร์มินท์) ทำให้กลิ่นกายของหลี่หนิงอ้ายมีทั้งความหอมละมุนของดอกเหมยฮวา และหอมเย็นสดชื่นของต้นโป้เหอ

วันนี้ที่แคว้นหนานมีการจัดงานล่าสัตว์ประจำปีขึ้น ซึ่งจะจัดในทุกๆ 2 ปี โดยแต่ละแคว้นจะผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ระหว่างแคว้นหนาน แคว้นซ่ง และแคว้นเว่ย การจัดงานล่าสัตว์นั้นเพื่อเป็นการกระชับมิตรสัมพันธ์ระหว่างแคว้นทั้งสาม ซึ่งปีนี้แคว้นหนานได้เป็นเจ้าภาพจัดงานล่าสัตว์

หลี่หนิงอ้ายที่เป็นถึงบุตรสาวคนสำคัญของท่านแม่ทัพหลี่เฟยหลง กับอดีตองค์หญิงหนานเฟยฮวา มารดาที่เป็นถึงพระขนิษฐาของฮ่องเต้หนานเฟยฉี เช่นนี้นางจึงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ จำเป็นต้องไปปรากฏกายให้ทุกคนได้ยล แม้ว่าหลี่หนิงอ้ายอยากจะหลีกหนีงานล่าสัตว์ในวันนี้เพียงใดก็ตาม

“คุณหนูไม่อยากร่วมงานล่าสัตว์หรือเจ้าคะ”

ซูมี่สาวใช้ข้างกายของหลี่หนิงอ้าย สังเกตว่าคุณหนูของนางนั้นดูไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก คิ้วเรียวดั่งคันศรขมวดกันเป็นปม

“หากไปล่าสัตว์กับพี่ใหญ่พี่รอง ข้าย่อมอยากไปแน่ แต่นี่เป็นงานประจำปีมีทั้งองค์หญิง องค์ชายจากแคว้นอื่นร่วมด้วย ข้ากลัวว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาเสียมากกว่า” หลี่หนิงอ้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณหนูคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ จะมีผู้ใดที่กล้าหาเรื่องคุณหนูอีกหรือเจ้าคะ” ซูมี่ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยนัก

“เจ้าคิดน้อยเกินไปแล้ว หากในแคว้นหนานข้าย่อมไม่ต้องมองหน้าผู้ใดเพราะข้ามีเสด็จลุงทั้งสามคอยหนุนหลัง แต่นอกแคว้นเล่า ข้าก็เป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางเท่านั้น จะทำสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบ”

“เป็นบ่าวที่โง่เขลาเจ้าค่ะ บ่าวขออภัยคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ”

ซูมี่ที่เพิ่งตระหนักได้ถึงความสำคัญของลำดับฐานะเชื้อพระวงศ์ หากมีแคว้นอื่นอยู่ด้วย จะทำการสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบ หากเกิดเรื่องบาดหมางกัน อาจจะนำไปสู่การเกิดสงครามระหว่างแคว้นก็เป็นได้ ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า น้ำผึ้งหยดเดียว (เรื่องที่มีต้นเหตุมาจากเรื่องเล็กน้อย แต่กลับลุกลามใหญ่โต)

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว วันนี้ข้าจะปักเพียงปิ่นหยกก็พอ”

หลี่หนิงอ้ายโบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร จากนั้นมือเรียวบางหยิบปิ่นหยกมันแพะเกลี้ยงเกลา ที่แกะสลักอย่างประณีตเป็นรูปใบไม้ไหวขึ้นมา ส่งให้ซูมี่ปักที่มวยผมสีน้ำหมึกของนาง

เพียงปิ่นหยกชิ้นนี้ก็ทำให้ผู้คนดวงตาลุกวาวด้วยความริษยาแล้ว แม้มองภายนอกจะเห็นเพียงความประณีตและเรียบง่าย แต่ผู้ที่เคยเข้าร่วมประมูลที่หอชมจันทร์ จะรู้ว่าปิ่นหยกชิ้นนี้เป็นของที่ท่านปรมาจารย์เข่อซิงเป็นผู้ทำขึ้นมาเอง และในตอนนี้ท่านปรมาจารย์เข่อซิงไม่ได้ทำเครื่องประดับชิ้นใดออกมาอีกแล้ว ถือว่าปิ่นหยกที่หลี่หนิงอ้ายมีไว้ในครอบครองนั้นเป็นชิ้นสุดท้ายของท่านปรมาจารย์เข่อซิง

แม้จะมีเงินทองหรืออำนาจมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจจะสั่งให้ท่านปรมาจารย์เข่อซิงทำเครื่องประดับออกมาได้อีก

“งดงามมากเจ้าค่ะคุณหนู”

ซูมี่ยืนยิ้มอยู่ข้างคุณหนูของนางด้วยความภาคภูมิใจ คุณหนูของนางเปรียบดั่งไข่มุกล้ำค่าที่ควรค่าแก่การทะนุถนอมและครอบครอง หากบุรุษใดได้ยลคุณหนูของนาง จะต้องหมายปองอยากจะครอบครองไข่มุกล้ำค่านี้เป็นแน่เสียเพียงอย่างเดียวนิสัยที่ไม่ยอมคนของคุณหนูนั้น ไม่อาจจะแก้ไขได้โดยง่าย

“จะยืนยิ้มอีกนานหรือไม่ เดี๋ยวข้าก็สายหรอก”

หลี่หนิงอ้ายหันมาดุซูมี่อย่างไม่จริงจังนัก นางส่ายหน้าให้กับความคิดที่อยู่ในหัวของสาวใช้ตัวน้อยด้วยความเอ็นดู ก็รู้อยู่หรอกว่าซูมี่นั้นรักและเทิดทูนนางมากเพียงใด แต่การที่มายืนยิ้มดวงตาเพ้อฝันเช่นนี้ก็ทำเอาคนมองรู้สึกขนลุกชันได้เช่นกัน

“เจ้าค่ะๆ ไปแล้วเจ้าค่ะ”

ซูมี่หลุดจากภวังค์ความคิดของตน แล้วหันไปสั่งความกับสาวใช้เก็บของใช้จำเป็นของคุณหนูขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมตัวไปยังหน้าพระราชวัง เดินทางสู่ป่าคำรามเพื่อร่วมงานล่าสัตว์ในปีนี้

“มาแล้วหรือเจ้าตัวดี”

หลี่หมิงเฟยคุณชายรองแห่งจวนตระกูลหลี่เอ่ยทักน้องสาว ที่เพิ่งเดินย่างกรายมาที่รถม้าที่จอดรออยู่หน้าเรือนหลัก

“ถ้าพี่รองเห็นข้าก็แสดงว่าข้ามาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงหวานตอบกลับมา ใบหน้างามยิ้มระรื่น มองดูพี่ชายมองค้อนกลับมาก็ให้นึกขบขันในใจ

“มาสายแล้วยังมาพูดจาเช่นนี้อีก เจ้าไม่เห็นพี่รองเช่นข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่หรือไม่”

“ใครจะกล้าไม่เห็นพี่รองเล่าเจ้าคะ ตัวใหญ่ออกปานนี้”

“อ้ายเอ๋อร์!”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยดุขึ้นมา ก่อนจะปรากฏร่างสูงสง่าดั่งเช่นนักรบของคุณชายใหญ่หลี่หมิงหลง ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพ ด้วยความสามารถและอำนาจหนุนหลังจึงทำให้เขาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วกว่าชายหนุ่มในวัยเดียวกัน แต่ความสามารถด้านการรบและการวางแผนการรบของเขาก็เป็นของจริง เพราะได้จวิ้นอ๋องหนานเฟยหย่าเป็นผู้สั่งสอนด้วยพระองค์เอง

“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นพี่ชายใหญ่เอ่ยเรียกชื่อเสียงเข้ม หลี่หนิงอ้ายจึงรู้ตัวว่าตนเองพูดจาหยอกเย้ากับพี่รองมากเกินไป จนดูมิงาม

“พี่รอง ข้าขอโทษนะเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยสลดลง

หลี่หมิงเฟยยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู เขาหาได้โกรธเคืองหลี่หนิงอ้ายไม่ ด้วยรู้นิสัยใจคอของผู้เป็นน้องสาวดี และตัวเขาก็มักชอบๆ พูดจาเย้าแหย่กับนางเช่นนี้เสมอ การพูดคุยของเขากับนางจึงเหมือนสหายมากกว่าพี่น้อง ด้วยเขากับนางเกิดห่างกันเพียง 1 ปีเท่านั้น แต่กลับพี่ชายใหญ่นั้นไม่เหมือนกัน

หลี่หมิงหลงคือคุณชายใหญ่แห่งจวนตระกูลหลี่ ทั้งตอนนี้ยังมีตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพ ด้วยตำแหน่งและภาระหน้าที่จึงทำให้เขามักแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา จริงจังกับทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แต่โดยเนื้อแท้เป็นพี่ชายที่ห่วงใยและรักน้องมากที่สุด

หลี่หมิงเฟยคือคุณชายรองแห่งจวนตระกูลหลี่ เขาไม่ได้มุ่งเน้นเป็นทหารดั่งเช่นบิดาและพี่ชายแต่กลับชอบการค้าขาย หลี่เฟยหลงจึงให้บุตรชายสอบเข้ารับราชการและไต่เต้า จนสามารถดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองเสนาบดีกรมคลัง ซึ่งถือว่าหลี่หมิงเฟยมีความรู้ความสามารถจึงทำให้เลื่อนตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

“ไปกันได้แล้ว”

หลี่เฟยหลงผู้เป็นบิดาประคองหลี่ฮูหยินผู้เป็นภรรยาเดินนำขึ้นรถม้าคันแรกไป จากนั้นสามพี่น้องจึงได้เดินไปขึ้นรถม้าคันที่สอง เมื่อเจ้านายขึ้นรถม้ากันเรียบร้อยแล้ว ขบวนรถม้าของจวนตระกูลหลี่จึงได้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่พระราชวังแห่งแคว้นหนาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel