บทที่ 6 นางตัวร้าย
อัลคอนซาพลิกตัวหลายครั้งก็ยังข่มตาให้หลับไม่ได้ หัวใจของหล่อนร้อนรุ่มดุจมีกองไฟกองโตลุกอยู่ในนั้น หล่อนลุกนั่งและลุกเดินวนไปวนมาในกระโจม เหลือบตามองปากประตูกระโจมอย่างระแวง
“พวกเจ้าเข้ามาง่ายเกินไป ไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวข้าได้แต่พวกเจ้าทำได้ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะแค่มาหางานทำ เจ้าต้องเป็นสายให้พวกโจร”
หล่อนหยุดยืน ยกมือขึ้นเท้าเอวทั้งสองข้าง ดวงตามองตรงไปเบื้องหน้า ชายหนุ่มสองคนท่าทางมีพิรุธต้องไม่อยู่ในกลุ่มชนเผ่าเล็ก ๆ ของหล่อน พวกเขาต้องไปหางานอื่นทำและต้องไม่เกี่ยวข้องกับหล่อนกับปู่ของหล่อนด้วยแต่จะทำอย่างไร ในเมื่อปู่เพิ่งรับสองคนนั่นเข้าทำงาน
หญิงสาวเดินวนอยู่กลางกระโจมครู่หนึ่งจึงเดินออกไปด้านนอก อากาศเย็นจนขนลุกต้องรีบกลับเข้ากระโจม
เงาดำของใครบางคนยืนนิ่งเหมือนหุ่นอยู่ด้านหลังกระโจมหลังใหญ่ ดวงไฟจากคบ ปักเป็นระยะด้านหน้ากระโจมแต่ละหลังทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องยกเว้นด้านหลังกระโจม ตรงนี้เองที่ทำให้สองหนุ่มผิวพรรณดี สามารถเข้าถึงตัวอัลคอนซาได้อย่างง่ายดาย...
ดวงตาใต้ขนคิ้วสีขาวลืมขึ้นเมื่อประตูกระโจมเปิดออก ลำแสงจากภายนอกพุ่งเข้ามาสว่างวาบและหายวับไปขณะประตูปิดลง
“มีอะไร” เจ้าของกระโจมเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ แสงสลัวภายในกระโจมสว่างพอเห็นใบหน้าของคนถามชัดเจน
“ปู่แน่ใจหรือว่าจะรับสองคนนั่นทำงานกับเราตลอดไป”
ความตั้งใจของอัลคอนซาพร่างพรูออกมาเป็นคำพูด เมื่อมาหยุดยืนตรงหน้าปู่ของหล่อนซึ่งยังคงนั่งนิ่ง มือสีคร้ามยกถ้วยดินเผาเกรียมขึ้นแตะริมฝีปาก กระดกถ้วยนิดหนึ่ง น้ำอุ่นออกร้อนผ่านริมฝีปากหนาลงลำคอ กลิ่นชาหอมตลบอบอวลทั่วทั้งกระโจม
“ดื่มชากับปู่ก่อนไหม” น้ำเสียงรื่นรมย์ไม่เหมือนเช่นคำถามเมื่อครู่
“ข้าไม่อยากดื่มตอนนี้ ข้าอยากรู้ว่าปู่คิดอย่างไรกับพวกมัน ข้าไม่ชอบพวกมัน”
“ถ้าเจ้าไม่ชอบแล้วพาพวกเขามาหาปู่ทำไม เจ้าไม่ใช่รึที่อยากให้พวกเขาทำงานกับเรา”
“ไม่ใช่นะปู่ มันไม่ใช่อย่างที่ปู่เข้าใจนะ” หล่อนปฏิเสธเร็ว ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ปู่มากกว่าเดิม อัสลามุยะเงยหน้าจ้องตาหลานสาว ดวงตาสีขุ่นจับนิ่งที่ใบหน้าเนียนสีน้ำผึ้ง
“เจ้ามีอะไรที่อยากบอกปู่งั้นรึ”
“เอ่อ.ข้า..ข้า..” หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นเมื่อตอบคำถามของปู่ไม่ได้ หล่อนกลายเป็นสาวขาดความมั่นใจไปในบัดดล ใบหน้าเข้มของชายหนุ่มที่ถือมีดจ่อลำคอของหล่อนยังติดตา น้ำเสียงห้าวห้วน เขาสามารถปาดคอหล่อนขาด หากหล่อนขัดขืน นั่นทำให้หล่อนต้องพาเขามาพบปู่และพวกเขาได้งานทำซึ่งมันไม่ใช่ความต้องการของหล่อน
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไปทำหน้าที่ของเจ้า ไปตามคนงานใหม่มาพบปู่ด้วย มาเดี๋ยวนี้”
“จ้ะปู่” สิ่งที่อัลคอนซาทำได้ในนาทีนี้คือรับคำสั่งนายใหญ่ของเผ่าเท่านั้น ด๊าธกับนอตจะอยู่กับกลุ่มต้อนแกะตลอดไปอย่างนั้นหรือ
ดวงตายาวรีกวาดไปรอบ ๆ กลุ่มคนงานกำลังสาละวนกับอาหารมื้อเช้าเพื่อเตรียมตัวย้ายที่พักไปทางด้านทิศตะวันออก จุดหมายปลายทางคือพ่อค้ารายใหญ่รอคาราวานแกะอยู่ที่นั่นและจะทำให้พวกคนงานได้ปลดปล่อย เลือกซื้ออาหารที่อยากทาน ซื้อเสื้อผ้าและของใช้ที่อยากได้มานาน
จากนั้นคาราวานจะออกเดินทางกลับสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ เพื่อหาซื้อแกะฝูงใหม่หรืออาจเปลี่ยนสินค้าเป็นสมุนไพรหายากและของป่า ที่ชาวเมืองต้องการแต่กว่าจะรวบรวมได้ก็อาจจะเกิน 2 เดือนหรือนานถึง 3 เดือน
ช่วงเวลาที่หาวัตถุดิบไปขาย ฐานะคนงานเปลี่ยนเป็นคนในหมู่บ้าน จนกว่าจะถึงเวลาของการเคลื่อนกองคาราวาน ชาวบ้านจึงกลับมาเป็นคนงานของอัสลามุยะอีกครั้ง
เท้าในบู๊ทหนังสีน้ำตาลเข้มสวมทับขากางเกงผ้าเนื้อนิ่มสีน้ำตาลอ่อน ก้าวยาว ๆ ตรงไปยังกลุ่มของซีกับชะรอฟ ก๊อดดาธและนากิบนั่งดื่มน้ำชาอยู่ข้างกองไฟ หญิงสาวก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าก๊อดดาธ
“นายใหญ่ให้เจ้าสองคนไปพบเดี๋ยวนี้” เสียงห้วนดังออกมา ก๊อดดาธเงยหน้าขึ้นมองแล้วก้มลงดื่มน้ำชาในถ้วยดินเผาเช่นเดิม กริยาไม่รับรู้ของเขาทำให้อัลคอนซายกเท้าเตะทรายใส่หน้าเขา นากิบลุกพรวด ก้าวครั้งเดียวถึงตัวหล่อน
“นอต หยุด..ข้าจัดการเอง” ก่อนที่นากิบจะยกมือบีบคอหญิงสาว ก๊อดดาธลุกขึ้นยืนตบลงที่แขนของลูกน้อง เขารู้ นากิบโกรธมากเพียงใดกับการที่เห็นหญิงสามัญชน ทำร้ายองค์ชายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ นากิบลืมตัวทุกครั้งที่อันตรายมาถึงก๊อดดาธ
“เจ้าทำอย่างนี้ทำไม หากเม็ดทรายเข้าตาข้าบอด เจ้าจะรับผิดชอบไหวรึ”
ก๊อดดาธเสียงเข้มใส่หญิงสาวผู้เหย่อหยิ่ง หากเขาอยู่ในฐานะองค์ชายแห่งเมืองอุสมัน ป่านนี้เจ้าหล่อนเละเป็นโจ๊กไปแล้วแต่วันนี้เขาคือ นายด๊าธลูกน้องของหล่อน เขาทำได้เพียงใช้วาจากวนโทสะกับหล่อนเท่านั้น
ดวงตายาวรีแต่คมเข้มจ้องหน้าคนพูด รอยยิ้มไม่ยี่หระต่อคำถามและสีหน้าโกรธของก๊อดดาธ ไหวไหล่นิดหนึ่งก่อนจะถอยห่างเขาออกมา
“เรื่องอะไรข้าจะต้องรับผิดชอบด้วย ในเมื่อพวกเจ้าไม่ฟังข้า เจ้าเมินกับคำสั่งนายใหญ่ พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่แค่ข้ามคืนทำท่ายะโสซะแล้ว อย่างนี้ปู่ของข้าควรเลี้ยงพวกเจ้าไว้รึ”
“ข้าไม่ได้เมินคำสั่งนายใหญ่แต่เจ้าไม่เอ่ยชื่อว่านายสั่งให้ใครไปพบ ที่นี่นั่งกันอยู่ตั้งหกคน ใครคือสองคนนั่นล่ะ”