บทที่ 3 หนี
“พระมเหสีอนูบิส อย่าทรงกริ้วองค์ชายก๊อดดาธเลยเพคะ ลูกหม่อมฉันยังเด็ก ทำอะไรไปไม่ได้คิดหรอกเพคะ หม่อมฉันขอประทานอภัยแทนลูกเพคะ”
“เจ้าคิดว่าข้าแกล้งองค์ชายก๊อดดาธอย่างนั้นรึ ข้าไม่ได้แกล้ง อย่ามาหาเรื่องข้า องค์ชายก๊อดดาธดื้อ เกเร ไม่เชื่อฟังข้า ทำของเล่นชายกอเดธพัง ข้าต้องทำโทษ”
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ อย่าตีลูกหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันจะทำโทษลูกเอง”
“ไม่ได้ ถ้าเจ้าขัดขวางข้า ข้าจะทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท”
“เชิญทูลเลย หม่อมฉันอยากรู้เหมือนกันว่าทูลหม่อมพ่อจะเชื่อใคร หม่อมแม่ กลับตำหนักกันเถอะพระเจ้าค่ะ ลูกไม่อยากอยู่ตรงนี้”
องค์ชายองค์รองตรัสด้วยพระสุรเสียงกระด้าง สายพระเนตรที่ทอดไปยังพระมเหสีอนูบิสขุ่นขวาง ไร้ความเคารพเช่นทุกครั้ง พระองค์จับพระหัตถ์พระมารดาแล้วดึงให้ก้าวพระบาทตามออกไป พระมเหสีอนูบิสทรงกริ้วถึงกับข่มพระทัยให้นิ่งไม่ได้ พระองค์เข้าเฝ้าองค์ราชา กราบทูลเรื่ององค์ชายก๊อดดาธก้าวร้าวทำร้ายพระวรกายองค์ชายกอเดธและเพิ่มความผิดโดยใส่ร้ายต่าง ๆ นานา พระราชินีอนาเซียไม่ทรงเชื่อว่าองค์ชายก๊อดดาธจะทำอย่างที่พระมเหสีอนูบิสกราบทูล
“ไปตามองค์ชายก๊อดดาธมาพบข้า หากทำผิดจริงข้าจะลงโทษให้หนัก”
“ไม่เสด็จมาหรอกเพคะเสด็จพี่ องค์ชายตรัสกับหม่อมฉันว่าองค์ชายกอเดธผิดที่ไม่แบ่งของเล่นให้เพคะ องค์ชายก๊อดดาธอยากได้อะไรต้องได้เพคะ ถ้าเรียกมาก็ปฏิเสธเพคะ”
“ถึงอย่างนั้นก็ควรเรียกมาถาม ไม่ควรฟังความข้างเดียว” พระราชินีอนาเซียตรัสก่อนที่พระราชาจะมีพระราชบัญชาออกไป พระมเหสีอนูบิสกริ้วที่พระราชินีเข้าข้างองค์ชายก๊อดดาธ
“ท่านพี่ไม่เชื่อหม่อมฉันหรือเพคะ ถ้าอย่างนั้นให้คนไปตามสิเพคะว่าจะเสด็จรึเปล่า”
“ใครก็ได้ ไปตามตัวองค์ชายก๊อดดาธมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มา ข้าจะทำโทษอย่างหนัก”
พระมเหสีอนูบิสแย้มโอษฐ์แบบหยันเพราะพระองค์วางแผนไว้เรียบร้อยโดยให้พระพี่เลี้ยงองค์ชายกอเดธหรือแม่นมเบเลียมของพระองค์ ไปกราบทูลองค์ชายก๊อดดาธทำนองว่าพระราชาทรงกริ้วไม่อยากเห็นพระพักตร์และมีรับสั่งให้อดพระกระยาหาร 3 วัน
พระมเหสีมุลละกอตเสียพระทัยถึงกับทรงพระวาโย การอดพระกระยาหารเป็นเรื่องที่พระมเหสีมุลละกอตรับไม่ได้ พระองค์ประชวรและสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมาซึ่งขณะนั้นองค์ชายก๊อดดาธมีพระชนมายุได้ 10 พรรษา
ความเสียพระทัยและกริ้วเมื่อทรงทราบว่าพระบิดาไม่รักพระมารดากับพระองค์ องค์ชายก๊อดดาธจึงกลายเป็นคนก้าวร้าว โกรธง่ายหายเร็ว ทำอะไรตามพระทัย เมื่อไม่ได้ดั่งพระทัยต้องการก็ทำลายข้าวของเสียหาย มากไปกว่านั้นพระองค์ทรงไม่เข้าใกล้องค์ชายกอเดธผู้เป็นพระเชษฐา ไม่เฉียดพระวรกายไปที่ตำหนักใหญ่ของพระราชา ทรงคลุกคลีอยู่กับบ่าวไพร่ไม่ถือพระองค์กับทุกคน
ราชินีอนาเซียทอดพระเนตรองค์ชายมานาน พระองค์ไม่เอื้อนพระโอษฐ์แต่เมื่อเห็นองค์ชายรองแห่งอุสมันทำพระองค์เหลวไหลจึงทรงนิ่งพระทัยอีกต่อไปไม่ได้ พระองค์เสด็จมาตำหนักเล็กขององค์ชายก๊อดดาธ
“องค์ชายก๊อดดาธ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
“มีอะไรหรือพระเจ้าค่ะ ทำไมต้องเสด็จมาถึงที่นี่ ไม่กลัวติดเชื้อโรคร้ายหรือพระเจ้าค่ะ”
“อย่าพูดกับข้าอย่างนี้ เจ้าเป็นองค์ชาย เป็นรัชทายาทองค์รองของกษัตริย์กอซีดิล เจ้าเมืองอุสมัน เจ้าไม่ใช่ชนชั้นไพร่อย่างที่เจ้าคิดอยู่ทุกวันนี้ พระมารดาของเจ้าคือพระมเหสีองค์ที่สี่ของพระราชาซึ่งมีศักดิ์ทัดเทียมกับข้า หากข้ามีลูกได้ ข้าคงไม่ต้องเดินมาหาเจ้าถึงตำหนักเล็กอย่างนี้”
องค์ชายรองทรงนิ่งเมื่อพระสุรเสียงของพระราชินีหยุดลง ดวงพระเนตรของราชินีอนาเซียอ่อนโยนเสมอยามทอดพระเนตรมาที่พระองค์แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงน้อยพระทัยกับการปฏิบัติของพระบิดา พระบิดาไม่ได้รักพระองค์เช่นองค์ชายกอเดธ พระโอรสของพระมเหสีองค์ที่ 3 พระองค์เชื่อว่าพระราชาทรงรักองค์ชายกอเดธมากและเกลียดองค์ชายก๊อดดาธ
“องค์ราชินีมีธุระอะไรกับหม่อมฉันหรือพระเจ้าค่ะ” พระองค์ก้มพระเศียรน้อย ๆ รอฟังพระดำรัสของพระราชินี
“ข้าอยากให้เจ้าเข้าไปพบทูลหม่อมพ่อ ตอนนี้พระองค์ประชวร เจ้าควรไปหาพระองค์บ้าง”
“ไม่พระเจ้าค่ะ ทูลหม่อมพ่อไม่ต้องการพบหม่อมฉัน คนที่พระองค์อยากเห็นหน้าทุกวันคือองค์ชายกอเดธพระเจ้าค่ะ”
“ชายก๊อดดาธ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ พระองค์ไม่ได้...”
“อย่าทรงปลอบหม่อมฉันเลยพระเจ้าค่ะ ยังไงหม่อมฉันก็ขอบพระทัยที่พระองค์ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันจะไม่ทำให้พระองค์หนักพระทัยอีกพระเจ้าค่ะ”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร” พระราชินีอนาเซียย่นพระขนง องค์ชายก๊อดดาธดำริอะไรอยู่ในพระทัยจึงตรัสออกมาเช่นนี้ องค์ชายทรงแย้มสรวลแล้วตรัสออกมา
“ไม่มีความหมายพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันทูลด้วยความรู้สึกของหม่อมฉันจริง ๆ ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาพระเจ้าค่ะ ชาตินี้หม่อมฉันจะไม่ลืมว่ามีพระราชินีอนาเซียทรงใจดีแค่ไหน”
นั่นเป็นคำตรัสสุดท้ายขององค์ชายก๊อดดาธ หลังจากคืนนั้นพระองค์ก็หายพระวรกายไปจากตำหนักเล็กพร้อมกับทหารองครักษ์คนสนิท