บทที่ 10 พลิกแผ่นดิน
“ไม่เพคะ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่าเพคะ หม่อมฉันเพียงระวังและเตือนเท่านั้นแต่ก็ไร้ประโยชน์ นางไม่รับฟังหม่อมฉันสักนิด”
“มเหสีอนูบิส กริ้วมากใช่หรือไม่แชวู จามิล” พระองค์ตรัสถามทหารองครักษ์ทั้ง 2 คน พระมเหสีเฟาร์ซีย์ย่นพระขนง องค์ราชินีแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสต่อ
“ข้าให้พวกเจ้าไปสืบมา ได้ความเช่นไรรึ”
“อย่างที่พระมเหสีเฟาร์ซีย์ทูลพะย่ะค่ะ พระมเหสีอนูบิสกริ้วกับข่าวออกไปว่า องค์ราชาทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งองค์ชายก๊อดดาธขึ้นเป็นรัชทายาทอีกพระองค์พะย่ะค่ะ”
แชวูกราบทูลตามที่สืบข่าวภายในตำหนักพระมเหสีอนูบิสถึงแม้ทหารองครักษ์จะระวังอย่างดีแต่นางในบางคนก็รักองค์ชายก๊อดดาธ แอบส่งข่าวให้แชวู ส่วนจามิลสืบด้วยตัวเองมีความคืบหน้าไม่มากนัก
“พระมเหสีคิดแผนบางอย่างไว้แต่หม่อมฉันไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยพะย่ะค่ะ”
จามิลกราบทูลบ้าง พระราชินีทรงถอนพระทัย พระมเหสีอนูบิสคิดการณ์ใหญ่จริง ๆ หากพระองค์มองโลกดีงามก็วางพระทัยกับทุกเรื่องแต่พระองค์พยายามมองโลกในแง่บวกไม่ได้ในเมื่อเหตุการณ์บางอย่างที่พระองค์ทรงทราบมาเกี่ยวกับพระมเหสีอนูบิส เริ่มมีแผนร้ายแอบแผงกับการหนีออกจากพระราชวังขององค์ชายก๊อดดาธ
“เฟาร์ซีย์ เจ้ารู้หรือไม่ ก่อนชายน้อยออกจากวัง ทรงเสียพระทัยเรื่องอะไรมากที่สุด”
“พระบิดามิได้รักเพคะ องค์ชายเคยพูดเปรย ๆ ว่า หม่อมฉันทำอะไรก็ผิดไปทุกเรื่อง ทูลหม่อมพ่อไม่เห็นชายอยู่ในวังสักนิด เมื่อไม่เห็นตัวตนชายมีอยู่ในวัง ก็จะไม่ให้มีจริง ๆ องค์ชายเคยตรัสเช่นนี้เพคะ”
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้าที่ชายน้อยจะหายไป”
“หม่อมฉันไม่คิดว่าชายน้อยจะตัดสินพระทัยอย่างนั้นเพคะท่านพี่ หม่อมฉันกราบขอประทานอภัยเพคะ” พระมเหสีเฟาร์ซีย์เลื่อนพระองค์ลงนั่งกับพื้น ก้มพระเศียรแทบพระบาทราชินีอนาเซีย ไม่บ่อยนักที่พระราชินีจะทรงกริ้วและพระสุรเสียงดังอย่างนี้
“เอาละ ข้าโกรธเจ้าไปก็ไม่ได้ทำให้เราหาตัวชายน้อยพบ ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องกลัวข้าหรอก เรามาช่วยกันคิดว่าจะไปตามหาชายน้อยที่ไหน ใครรู้บ้างชายน้อยชอบไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษรึเปล่า แชวู จามิล เจ้าสองคนรู้หรือไม่ บอกเรามา”
“ที่ ๆ เคยเสด็จก็ไม่ได้ไปพะย่ะค่ะ ที่ปราสาทศิลาแดงสุดเมืองทางตะวันตกพะย่ะค่ะ พวกข้าพระพุทธเจ้าไปหามาแล้วไม่พบเลยพะย่ะค่ะ” แชวูกราบทูลสถานที่ที่องค์ชายก๊อดดาธชอบมาก จามิลเสริมขึ้นอีกว่า
“บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สีเงินทางทิศตะวันออกของเมืองอุสมันก็ไม่พบพะย่ะค่ะ คนแถวนั้นไม่เคยเห็นพระองค์หลายเดือนแล้วพะย่ะค่ะ”
“แล้วเราจะตามหาที่ไหนอีกล่ะ ช่วยข้าคิดทีสิ” ความเงียบเป็นคำตอบที่องค์ราชินีอนาเซียต้องถอนพระทัยอีกหลายครั้งก่อนจะทรงรับสั่งว่า
“ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องพาชายน้อยกลับวังให้ได้ เข้าใจหรือไม่ แชวู จามิล”
“พะย่ะค่ะ”
สองทหารหนุ่มน้อมรับคำสั่งพร้อมกัน พวกเขาอยากให้องค์ชายน้อย กลับมาเร็ว ๆ เช่นกัน ไม่มีใครเกลียดองค์ชายน้อย มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ไม่พอใจกับความเย็นชาของพระองค์ซึ่งสาเหตุที่องค์ชายก๊อดดาธเป็นเช่นนั้นเพราะถูกกลั่นแกล้งจากพระมเหสีอนูบิส ไม่มีใครกล้ากราบทูลพระราชินีอนาเซีย ทั้ง แชวู จามิล บาซิลและอีกหลายคนรู้แต่ต้องทำเป็นนิ่งเฉย
ทหารองครักษ์ของพระมเหสีอนูบิส จงรักภักดีต่อพระองค์ ทำตามรับสั่งทุกเรื่องแม้กระทั่งลอบทำร้ายองค์ชายก๊อดดาธก็เคยกระทำมาแล้ว
“ท่านทั้งสอง เราฝากด้วยนะ ถ้าได้ข่าวรีบมารายงานท่านพี่หรือเราก็ได้ สงสารชายน้อย ป่านนี้เตลิดไปถึงไหนไม่รู้ แต่นากิบคงดูแลชายน้อยได้”
พระมเหสีเฟาร์ซีย์ทอดพระเนตรสองทหารหนุ่ม สายพระเนตรมีความหวัง พระองค์เอ็นดูองค์ชายก๊อดดาธไม่ต่างจากพระราชินี ใช่ว่าจะไม่เอ็นดูองค์ชายกอเดธ ทั้งสองพระองค์ไม่ลำเอียงไปทางใดแต่องค์ชายก๊อดดาธน่าสงสารมากกว่าเท่านั้นเอง
“หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุดพะย่ะค่ะ ขอกราบทูลลาพะย่ะค่ะ หากสองสามวันหม่อมฉันทั้งสองยังไม่กลับมา ขอพระองค์อย่าทรงกังวล หม่อมฉันจะส่งคนมากราบทูลเป็นระยะ ๆ พะย่ะค่ะ” แชวูถวายบังคมลาสองพระองค์ จามิลทำตามและถอยออกห่าง ก่อนจะหมุนตัวก้าวออกจากตำหนักใหญ่
ขณะเดียวกันมิลานกับรียาดห์ก็กำลังเดินออกจากตำหนักของพระมเหสีอนูบิส จุดมุ่งหมายของทหารองครักษ์ทั้ง 4 เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามหาองค์ชายก๊อดดาธกับนากิบแต่ความหมายในการตามหานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เปลวแดดกลางทะเลทรายเต้นระริก ทว่าความร้อนจากแดดจ้านั้นถูกแทรกด้วยลมซึ่งหอบฝุ่นละอองทรายบาง ๆ ไล่กองคาราวานของอัสลามุยะให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
นากิบก้าวอยู่ไม่ห่างนายเท่าใดนัก องค์ชายของเขาไม่เคยลำบากอย่างนี้ กลัวองค์ชายจะเป็นลมกลางแดดแรง
อัสลามุยะเหลือบมองคนงานใหม่แล้วถอนหายใจยาว เดเมียนสังเกตกริยาปู่กับคนงานสองคนซึ่งคนหนึ่งเดินคล่องแคล่ว อีกคนเดินช้าลงเรื่อย ๆ มีบางครั้งหยุดยืนแต่หัวหน้าเผ่าไม่ว่าอะไร นอกจากมองเฉย ๆ เท่านั้น หัวหน้าคนงานอย่างเขาต้องทำหน้าที่หัวหน้าเสียแล้ว