4
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา” คาเรนเทียบอกคนที่กำลังบ่อน้ำตาแตกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ‘นี่เธอไม่รู้ตัวหรือไงวะ ว่าโชคดีขนาดที่ไหนที่ได้ขึ้นเตียงกับคนอย่างคาเรนเทีย บาร์เลนเซนต์’
“ฮึก...คะ...คุณพาหนูมาที่นี่ทำไม” เมลิสสาถามอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดว่าทุกอย่างมันน่าจะจบแล้ว แต่เปล่าเลย เขากลับพาเธอมายังประเทศที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งภาษา
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าต้องรับผิดชอบอะไรฉัน”
“ฮึก...เมื่อคืนหนูก็ชดใช้ให้ท่านไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง มันยัง...”
“ยังไม่พอ! เพราะฉัน...เอ่อ...เพิ่งจะไปพบแพทย์มา และเขาบอกว่ามันอาจจะใช้งานไม่ได้ถาวร หรือใช้ได้เป็นบางครั้ง ไม่รู้สิ! ต้องรอดูอาการไปจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน!” คนที่ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยโกหกเป็นครั้งแรก พยายามหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“หมายความว่า...” เมลิสสาหยุดร้องไห้แล้วรอฟังชะตากรรมของตัวเองอย่างตั้งใจ เพราะต่อให้เธอหนียังไง เชื่อว่าเขาก็ต้องตามหาจนเจอ สู้ชดใช้ให้มันจบๆ ไปคงจะดีกว่า
“เธอต้องอยู่กับฉันที่นี่ เพื่อชดเชยต่อความสุ่มเสี่ยงที่ฉันอาจจะสูญเสียของรักของหวง หากว่ามันจะใช้งานไม่ได้”
“ถะ...ถ้าครบหนึ่งเดือนแล้ว ทุกๆ อย่างเป็นปกติ คุณจะ...”
“เธอกลับอังกฤษได้เลย”
“ละ...แล้วงานที่...”
“ไม่ต้องห่วง เธอจะได้ทำงานที่ PD กาสิโนเหมือนเดิม ฉันรับรอง” คาเรนเทียให้คำมั่น
“งั้นหนูต้องทำอะไรบ้างคะ” เมลิสสายกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้ง พยายามยอมรับชะตากรรมที่มิอาจหลีกเลี่ยง
คนเจ้าเล่ห์แอบจุดพลุฉลองในใจ ที่สาวตรงหน้ายอมเข้าใจอะไรง่ายๆ “ไม่ต้องทำอะไร แค่ตอบสนองฉันบนเตียงเหมือนเมื่อคืนก็พอ”
“มะ...มันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ” เมลิสสาน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังรู้ว่าเขาจะทำแบบนั้นกับเธออีก
“แล้วเธอจะให้ฉันไปทำกับใครฮะ? ถ้าเกิดตอนที่ขึ้นเตียงกับสาวแล้วมันใช้งานไม่ได้ ฉันคงต้องสั่งฆ่าคู่นอนปิดปาก เพื่อกันไม่ให้พวกหล่อนเอาเรื่องที่น่าอับอายนี้ไปพูดต่อ อย่างงั้นสิ?” คาเรนเทียเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะซีเรียส
“ฮือๆๆ” เมลิสสาปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ หลังรู้ว่าจะต้องเป็นตัวทดสอบเรื่องบนเตียงให้กับอีกฝ่ายไปจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน
“จะร้องทำไม มีผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพันที่อยากมาอยู่ตรงนี้”คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“ตะ...แต่หนูรับคุณไม่ไหว” คนที่ยังเจ็บ จุก และร้าวระบมไปทั้งเนื้อทั้งตัว บอกเสียงสั่น
“แรกๆ ก็แบบนี้แหละ อีกเดี๋ยวก็ชิน” คาเรนเทียบอกพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้น ประหนึ่งว่ามันคือเรื่องปกติที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องเจอะเจอ
“แต่หนูไม่...” เมลิสสากำลังจะอ้อนวอนขอความเห็นใจจากพ่อเทพบุตรสุดหล่อ แต่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ก๊อกๆ
“เข้ามา” คาเรนเทียเอ่ยอนุญาต ก่อนจะดึงคนเจ้าน้ำตาเข้ามากอดแนบอก เพราะกลัวว่าเธอจะอายแม่บ้านของตน
“ค่ะ” อันนา เมดสาว วัย 38 ปีที่อยู่ดูแลตระกูลบาร์เลนเซนต์มานานขานรับ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับหลานสาว ไมย่า อายุ 21 ปี ยกอาหารตามเข้าไปในห้อง
“จัดเสร็จแล้วก็ออกไป” คาเรนเทียรับรู้ถึงอาการสั่นนิดๆ ของสาวในอ้อมกอด ก็อดสงสารไม่ได้
“ค่ะท่าน” อันนาหันไปพยักหน้ารับ แล้วเร่งมือจัดอาหารต่อ
ไมย่าที่เพิ่งจะมาทำงานได้ไม่ถึงปี แอบเหลือบมองสาวร่างเล็กที่ใบหน้าสะสวยในอ้อมกอดของผู้เป็นนายก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ‘พระเจ้า!คุณคาเรนแอบกินเด็กหรือเนี่ย?’
“เธอมีไข้ เดี๋ยวทานข้าวก่อนแล้วค่อยทานยา” คาเรนเทียกระซิบบอกที่ข้างหูเบาๆ อย่างเป็นห่วง
“ฮึก...หนูไม่หิวค่ะ” คนที่ยังทำใจรับไม่ได้ บอกพร้อมกับดันร่างสูงให้ออกห่าง
“มิรา! ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซากนะ” คาเรนเทียหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใดที่อยู่ๆ ก็ถูกผลักออกราวกับว่ารังเกียจสัมผัสของตน
“ฮึก...” เมลิสสาขยับไปอยู่อีกฝั่งของเตียงอย่างรู้สึกหวาดกลัว
“ออกไป!” คาเรนเทียหันไปบอกแม่บ้านกับเมดสาวเสียงดังลั่น
“ค่ะท่าน” อันนากับไมย่ารีบแจ้นไปที่ประตูด้วยสีหน้าตื่นๆ
คลิก! ทันทีที่เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น คาเรนเทียก็เดินอ้อมเตียงไปกระชากร่างบางเข้ามาหาตัวทันที
“ฮึก...จะ...จะทำอะไรหนู” เมลิสสาเอ่ยถามทั้งน้ำตา
“จะทำให้เธอรู้ว่าไม่ควรดื้อกับคนอย่างคาเรนเทีย” คนที่ถูกท้าทาย บอกก่อนจะจูบบดขยี้ริมฝีปากบางที่บวมเจ่อนิดๆ แล้วเปิดเกมรักที่ดุดันโดยไม่เปิดโอกาสให้สาวเจ้าได้ต่อรองใดๆ
ชั่วโมงต่อมา...คาเรนเทียลุกไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะหยิบอีกตัวมาส่งให้กับคนที่นอนร้องไห้สะอื้นอยู่บนเตียง
“ถ้าฉันกลับเข้ามาอีกครั้ง แล้วเห็นว่าเธอยังไม่ทานข้าวอีกล่ะก็ เจอดีแน่!” คนที่ไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่งบอกก่อนจะเดินออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าตึงเครียด พอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นแม่บ้านคนสนิทเดินมาผ่านมาจึงรีบกวักมือเรียก “อันนา!”
“ค่ะท่าน” อันนาขานรับด้วยสีหน้าตื่นๆ
“เข้าไปดูแลคนรักของฉันที หากเธอยังดื้อไม่ยอมทานข้าวและยาล่ะก็ ให้รีบบอก ฉันจะกลับมาจัดการเอง อ้อ! ใช้ภาษาอังกฤษกับเธอนะ” คาเรนเทียสั่งการ ก่อนจะเดินไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด ใจจริงก็ไม่อยากจะหักหาญน้ำใจของสาวเจ้า เพราะตรงนั้นคงบวมเป่งจากการรับศึกหนักเมื่อคืน แต่หากไม่กำราบตั้งแต่วันนี้ ก็จะยากต่อการควบคุมในวันข้างหน้า
“ค่ะท่าน” อันนารีบเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของผู้เป็นนาย ที่ประตูยังเปิดแง้มเอาไว้นิดๆ
“ขออนุญาตค่ะ เอ่อ...คุณลุกไหวหรือเปล่าคะ” อันนารีบเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวที่เรือนร่างบอบบาง แต่กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้หญิงทุกคนเห็นแล้วจะต้องอิจฉา
“ฮึก...ค่ะ” เมลิสสาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมเข้าปกปิดเนื้อตัวอย่างรู้สึกอาย
“ดิฉันชื่ออันนาเป็นแม่บ้านของที่นี่ค่ะ”
“สวัสดีค่ะอันนา ฉันเมลิสสา แอนดิสัน เรียกว่ามิราก็ได้ค่ะ” เมลิสสาฝืนส่งยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่ายที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่าคนใจร้ายเมื่อครู่หลายสิบเท่า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณมิรา เอ่อ...ไม่ทราบว่า...จะอาบน้ำก่อน หรือว่าทานข้าวก่อนดีคะ” อันนาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้เห็นใบหน้างามชัดๆ เต็มๆ ตา ‘พระเจ้า! สวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ’
“ขออาบน้ำก่อนค่ะ” เมลิสสาฝืนยิ้มตอบ ก่อนจะขยับลงจากเตียง ไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ เพราะเจ็บแปลบตรงจุดซ่อนเร้น
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเตรียมน้ำให้รอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ดิฉันยินดีที่ได้รับใช้คนรักของท่าน”
“ฉันไม่ใช่คนรักของเขาค่ะ เป็นแค่...” เมลิสสาเอ่ยค้างไว้อย่างรู้สึกเศร้ากับเหตุผลที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้
“ดิฉันทำงานมาเกือบสิบปี ท่านไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่คุณเป็นคนแรก และเป็นคนที่ท่านเรียกว่า...คนรักค่ะ”
“เอ่อ...มันอาจจะหมายถึงนักโทษก็ได้นะคะ”
“อืม...ถ้างั้นคุณคงจะเป็นนักโทษที่พิเศษที่สุดค่ะ เพราะได้นอนบนเตียงของท่าน” อันนาบอกยิ้มๆ
“คืนนี้ฉันจะนอนที่พื้นค่ะ” เมลิสสาตอบกลับทันใด
“ว้าย! อย่าพูดแบบนี้สิคะ ถ้าท่านรู้เข้าดิฉันโดนไล่ออกแน่ๆ เลย” อันนารีบบอกอย่างใจคอไม่ดี
“งั้นฉันจะนอนตรงไหนก็ได้ที่เขาให้นอนค่ะ”
“แหม...ค่อยโล่งใจหน่อย” อันนายิ้มก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำแล้ว จัดการเปิดน้ำอุ่นๆ ลงในอ่างขนาดใหญ่พร้อมกับเทครีมอาบน้ำที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลงไป จากนั้นก็เดินออกไปเตรียมชุดให้คนรักของผู้เป็นนายต่อ
สามสิบนาทีต่อมา...
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เมลิสสาก็เดินออกมาที่ด้านนอก เตรียมจะไปรับทานอาหารที่อันนาเอากลับไปอุ่นให้ใหม่ แต่ทว่า...ปีศาจร้ายดันเปิดประตูเข้ามาพอดี
“นี่เธอยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอ?” คาเรนเทียจ้องมองเรือนร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยสัดส่วนอันเย้ายวน ภายใต้ชุดเดรสสีเหลืองอ่อนเข้ารูปยาวประเข่าอย่างรู้สึกทึ่ง แม้ว่าชุดที่ใส่จะเป็นแค่ชุดลำลองทั่วๆ ไป และคนที่ใส่ก็ไร้ซึ่งการแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้า แต่มันกลับทำให้ชวนมองจนไม่อยากที่จะละสายตาไปไหนได้
“เอ่อ...กะ...กำลังจะกินค่ะ” เมลิสสาถึงกับสั่นจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นร่างสูงเดินตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้ฉันบอกว่ายังไง” คาเรนเทียดึงเจ้าสาวเข้ามาถาม พร้อมกับจ้องมองด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“เอ่อ...” เมลลิสาน้ำตาคลอขึ้นมาทันใด กลัวว่าจะถูกคนตรงหน้าทำเหมือนชั่วโมงก่อน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตค่ะ” อันนาเอ่ยพร้อมกับแอบเงี่ยหูฟังอยู่ที่ด้านนอกอย่างรอลุ้นว่าผู้เป็นนายจะขานรับหรือเปล่า?
“เข้ามา” คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็ง เพราะกำลังจะก้มลงหอมที่แก้มนวล แต่ดันถูกขัดจังหวะซะก่อน