ตอนที่ 2 ใช้ตัวล้างหนี้ (2)
“ได้” คำว่าได้ของคนเป็นป้าเหมือนแสงสว่าง แต่แค่ชั่ววินาทีมันก็ถูกดับลง “ถ้าแกหาเงินล้านห้ามาให้เขาในวันพรุ่งนี้ได้ ถ้าไม่มี คืนนี้แกก็เตรียมตัวเก็บเสื้อผ้า รอเขามารับไปอยู่ด้วยได้เลย” นางพิมพ์ทองสั่งเสียงเข้มมองหลานสาวของสามีพลางเบ้ปาก
“ป้าจะทำอย่างนี้กับไอซ์ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณลุงอยู่...” ไอริณพยายามจะกล่าวอ้างถึงญาติเพียงคนเดียวของเธอที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เผื่อจะดึงสำนึกของคนเป็นป้าได้บ้างแต่เปล่าเลย
“ลุงแกไม่อยู่แล้ว แต่ที่อยู่ตอนนี้คือหนี้ของลุงแกต่างหากล่ะ รักและเคารพกันมากไม่ใช่เหรอ เอาตัวใช้หนี้แทนซะสิ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ” พูดจบนางพิมพ์ทองก็ลุกขึ้นเดินผละออกไปก่อน เหลือพิมพ์มาดาที่หยัดตัวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีนางพญา เดินกวาดสายตามองลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วหัวเราะเยาะ
“รูปร่างหน้าตาแกก็ไม่ได้เลวร้าย ตาแก่ลงพุงตัณหากลับอย่างนายอรัญได้ไปก็คงจะชอบใจไม่น้อย ขอให้มีความสุขนะจ๊ะ อย่าคิดหนีล่ะ” พิมพ์มาดาเดินผละออกไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับนางพิมพ์ทอง จากนั้นทั้งคู่ก็เข้ามาล็อกตัวของไอริณเอาไว้
“เฮ้ย! ป้า ยัยแพนแกจะทำอะไรน่ะ” ไอริณถามพลางขัดขืนแต่ก็ทำได้เท่านั้น เธอไม่ได้แรงเยอะเหนือทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้ไม่นานเธอก็ถูกทั้งคู่ลากมาที่ห้องเก็บของ จากนั้นก็ปิดประตูล็อกกุญแจจากด้านนอก
“ป้ากับยัยแพนไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับไอซ์นะคะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไอริณตบประตูพร้อมกับตะโกน ไม่คิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะมาเจออะไรแบบนี้ แม้ห้องจะไม่ได้เล็ก แต่เต็มไปด้วยข้าวของแถมยังสกปรก
“ปล่อยก็โง่น่ะสิ” พิมพ์มาดาบอกอย่างไม่ไว้ใจ เพราะถ้าไอริณหนีไปคนที่จะต้องรับกรรมก็คือเธอ เรื่องอะไรเธอจะยอม กันไว้ดีกว่าแก้
ไม่ต้องตกนรกทั้งเป็นแถมได้เงินใช้ฟรี ๆ อีกต่างหาก
“อยู่ในนี้ไปจนกว่าจะพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน” นางพิมพ์ทองตะโกนบอก
“ปล่อยไอซ์ออกไปเดี๋ยวนี้นะคะ ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” ไอริณตัดพ้อ รู้ว่าทั้งคู่ไม่ชอบเธอแต่ก็ไม่คิดว่าจะใจร้ายใจดำขนาดนี้
“อยู่เงียบ ๆ ไป ไม่ล่ามโซ่มันก็บุญเท่าไหร่แล้ว” พิมพ์มาดาตะคอก เธอตบประตูไปทีหนึ่งแล้วชวนคนเป็นแม่ให้ออกไปจากตรงนี้
เมื่อเสียงเดินเงียบหายไปไอริณที่ตบประตูอยู่เป็นระยะ ๆ ก็ล้มเลิก ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งอย่างคนหมดแรง “ฮึ นี่เหรอญาติพี่น้องของฉัน ตลกสิ้นดี” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา ไม่เคยรู้สึกเวทนาใครเท่ากับตัวเองในตอนนี้มาก่อน “เฮ้อออ ตาแก่ลงพุงตัณหากลับเหรอ ทำไมชีวิตคนอย่างฉันมันถึงได้บัดซบขนาดนี้นะ ถ้าฉันหลุดจากนรกขุมนี้ไปได้...” คิดแล้วก็ยิ้มขืน ปล่อยให้น้ำตามันไหลพร้อมกับพึมพำ “มันจะมีวันนั้นหรือเปล่านะ”
พอเช้ามืดสองแม่ลูกก็มาพาตัวไอริณออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของใส่กระเป๋า จากนั้นก็ให้หญิงสาวไปทำมื้อเช้าสำหรับตัวเองและพวกเขาสองแม่ลูก
“ถ้าเขาพูดว่าแกคือลูกฉันก็อย่าแปลกใจล่ะ แค่เออออไปด้วยเท่านั้นก็พอ ห้ามบอกว่าแกเป็นหลานเด็ดขาด เข้าใจไหม” นางพิมพ์ทองที่นั่งรอกินมื้อเช้าสั่ง ไอริณปรายตามองพลางเสียงฮึขึ้นจมูก รู้สึกสมเพชเวทนาสองแม่ลูกมากกว่าตัวเองเมื่อคืนเสียอีก แม้แต่ข้าวก็ทำกินเองไม่เป็น หญิงสาวกดยิ้มก่อนจะเอาจานไปตักข้าวแล้วเอากับข้าวราด ส่วนที่เหลือก็ใส่ถ้วยจากนั้นก็ใส่น้ำปลาเพิ่มไปอีกสามช้อน นำมันไปวางเสิร์ฟทั้งข้าวกับข้าวและน้ำอย่างที่เคยทำ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งกินข้าวของตัวเองอย่างอร่อย พร้อมกับรอดูผลงานทิ้งท้ายก่อนจากลา และไม่นานไอริณก็ยิ้มเยาะ เมื่อสองแม่ลูกก็ต่างพร้อมใจกันคายข้าวออกจากปากพร้อมโวยวายเสียงดังลั่น
“อี๋...ทำไมมันเค็มขนาดนี้” พิมพ์มาดารับคายข้าวที่อยู่ในปากออก จากนั้นก็รีบยกน้ำขึ้นดื่ม ซึ่งก็ไม่ต่างกับนางพิมพ์ทอง
“นี่แกทำอะไรให้พวกฉันกิน” นางพิมพ์ทองตะคอกถามอย่างไม่พอใจ รู้เลยว่าไอริณแกล้งพวกนางสองแม่ลูกแน่ ๆ เพราะปกติฝีมือการทำกับข้าวของอีกฝ่ายอร่อยจะตาย
“กับข้าวไงคะ” ไอริณบอกพลางตักข้าวในจานใส่ปากกินอย่างไม่ใส่ใจ และพริบตาเดียวมันก็ถูกแย่งไป
“ทำไมจานแกมันถึงอร่อย เพราะแกต้องการแกล้งฉันกับแม่ใช่ไหมถึงได้แยกจานไปกินคนเดียว ไปทำใหม่เดี๋ยวนี้” พิมพ์ทองโยนจานข้าวของไอริณคืนแรง ๆ พร้อมกับสั่งอย่างที่ชอบทำ