ตอนที่ 2 ใช้ตัวล้างหนี้ (3)
“กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็เททิ้งไป” ไอริณบอกก่อนจะคว้าจานข้าวมากินต่ออย่างไม่ยี่หระ
“นี่แก...” พิมพ์มาดาทำท่าจะถลาเข้ามาทำร้ายไอริณ แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายพูดขู่ขึ้น “ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง ฉันจะบอกกับพวกนั้นว่าฉันเป็นใคร และคนที่น่าจะไปกับพวกเขาเป็นใคร”
เมื่อไม่มีที่ระบายพิมพ์มาดาเลยผลักจานข้าวจนหกระเนระนาด “โอ๊ย ไม่กงไม่กินมันแล้ว ให้พวกนั้นมาเอาตัวแกไปก่อนเถอะ ฉันจะไปกินอาหารหรูกว่านี้และอร่อยกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า”
“ขอให้สำลักข้าวตาย เก็บด้วยแล้วกัน” ไอริณผลักจานข้าวที่เธอกินเสร็จไปตรงหน้าพิมพ์มาดา วางแก้วน้ำที่ดื่มแล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่ห้องรับแขก
“แม่ยัยไอซ์มัน...มัน...” พิมพ์มาดาที่ไม่เคยถูกอีกฝ่ายทำตัวแบบนี้ใส่ถึงกับสั่นด้วยความโมโห
“ปล่อยมันไป เดี๋ยวมันก็ไม่ได้อยู่ขวางหูขวางตาเราแล้ว ส่วนจานนี้เดี๋ยวแม่มาเก็บเอง มันไปแล้วพวกเราค่อยออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันข้างนอกดีไหม” นางพิมพ์ทองปลอบลูกสาวคนเดียวอย่างเอาใจ
“ก็ได้ค่ะ” พิมพ์มาดาบอกอย่างไม่สบอารมณ์ ทำท่ากระฟัดกระเฟียดอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
“ตอนนี้เรารีบไปเฝ้ามันก่อนดีกว่า มันหนีไปงานเข้าเลยนะ”
“นั่นสิคะ” ว่าแล้วสองแม่ลูกก็รีบตามไอริณไปที่ห้องรับแขก จากนั้นก็นั่งเฝ้าจนกระทั่งคนของอรัญมาถึง และตอนนี้เองพิมพ์มาดาก็ขึ้นไปรออยู่ที่ห้องที่เหลือก็ปล่อยให้คนเป็นแม่จัดการต่อ
“นี่คือคำตอบของคุณใช่ไหมครับ” ชายร่างสูงที่มาคราวที่แล้วทักขึ้นเมื่อเข้ามาแล้วเห็นแค่หญิงสาวคนหนึ่งนั่งรออยู่เพียงลำพัง โดยที่รอบ ๆ ตัวไม่มีอะไรที่พอจะเห็นว่าเป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสนได้เลย
“ค่ะ”
“ฉลาดเลือกดีนี่” ชายร่างสูงเอ่ยปากชม ก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลคืนให้นางพิมพ์ทอง “ในนี้คือสัญญาเงินกู้ เปิดดูก่อน จากนี้เราไม่มีหนี้ต่อกันแล้ว” จากนั้นก็รับซองสีน้ำตาลอีกซองมายื่นให้ต่อ “ส่วนนี่คือเงินที่ตกลงกันเอาไว้”
“ขอบคุณค่ะ” นางพิมพ์ทองเปิดดูของในซองนั้นแล้วถึงกับเปิดยิ้มกว้าง ในขณะที่ไอริณที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ถึงกับกัดฟันแน่นรู้เหตุผลที่สองแม่ลูกจับเธอขังแล้วว่ามันไม่ใช่แค่ล้างหนี้ นี่มันการซื้อขายกันชัด ๆ
“เมื่อวานยังบอกว่าไม่ยอมอยู่เลยนะครับ มาวันนี้หน้าระรื่นเชียว” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ อำนาจของเงินยังสูงส่งเสมอ เขาเห็นมานักต่อนักล่ะ พวกตอนยังไม่เห็นเงินกับเห็นเงินมันต่างกันลิบลับเรียกได้ว่าพลิกลิ้นกลับกันเลยทีเดียว
“ก็มาคิด ๆ ดูแล้วมีคนเอาไปดูแลสั่งสอนแทนมันก็น่าจะสบายใจกว่านะคะ ทุกวันนี้ฉันเองก็เอาไม่อยู่จริง ๆ” นางพิมพ์ทองทำหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจ
“หน้าตาดูเรียบร้อยออกนะครับ” ชายร่างสูงปรายตามองหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งที่นั่งนิ่งราวกับไร้ความรู้สึก
“อยู่ไม่เคยติดบ้าน ออกจากบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ บางวันกลับเช้าก็มี ฉันล่ะเหนื่อยที่จะพูด” นางพิมพ์ทองยังลอยหน้าลอยตาพูดให้คนอื่นเข้าใจผิด เรื่องที่นางว่ามานั้นไม่ผิด มันคือเรื่องจริง แต่ไอริณออกไปทำงานไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นอย่างที่นางตั้งใจพูดให้คนอื่นเข้าใจผิด
“ใช้ได้เลยนะครับ มีประสบการณ์บ้างแบบนี้แหละเจ้านายผมชอบ” ชายร่างสูงพยักหน้ากดยิ้มอย่างพอใจ “ทุกอย่างเรียบร้อยนะครับ ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน” เขาพยักพเยิดหน้าชายอีกคนมาหิ้วกระเป๋าสัมภาระของหญิงสาวที่จะพาไปด้วย
“ฝากด้วยนะคะ” นางพิมพ์ทองจีบปากจีบคอพูด โบกมือพลางเปิดยิ้ม เมื่อไอริณเดินไปขึ้นรถกับกลุ่มชายฉกรรจ์อย่างว่าง่าย ทันทีที่ได้ยินเสียงรถเคลื่อนตัวออกไปนางก็รีบตะโกนเรียกลูกสาวมาชื่นชมเงินจำนวนมากที่ได้มาฟรี ๆ ทันที
ผิดกับไอริณแม้ตอนนี้จะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามทำใจรับมันให้ได้ และพยายามปลอบตัวเองว่า แม้จะตกนรกทั้งเป็นแต่เธอก็จะพยายามทนเพื่อสักวันชีวิตนี้มันจะเป็นของเธอโดยสมบูรณ์
“ฉันต้องไปเจอใครคะ” หญิงสาวถามคนในรถโดยไม่ได้เจาะจงว่าใคร และไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาคนไหนทั้งนั้น สายตายังถูกปล่อยไปตามบรรยากาศที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วจากด้านนอกตัวรถ
“แม่คุณไม่ได้บอกเหรอ” ภูริวัฒน์ที่ถือได้ว่าเป็นคนสนิทของอรัญที่มาทำหน้าที่แทนวันนี้เอี้ยวตัวกลับมาถาม
“แม่...” ไอริณครางคำที่สูงส่งที่อีกฝ่ายใช้แทนผู้หญิงใจดำอำมหิตผิดมนุษย์แล้วแสยะยิ้ม ก่อนจะตอบปฏิเสธ “ไม่ค่ะ”
“คุณอรัญ”
“คุณอรัญ” ไอริณทวนชื่อชายแก่ลงพุงตัณหากลับที่พิมพ์มาดาได้บอกเอาไว้แล้วทิ้งตัวลงพิงพนักเบาะพร้อมกับหลับตา ปล่อยให้น้ำใส ๆ ที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาอย่างอาย แม้จะพยายามทำใจ แต่ถึงยังไงเธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมันก็ยากเหลือเกินที่จะยอมรับได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ใช่ทำตัวดี ๆ น่ารัก ๆ เข้าไว้นะรู้ไหม” ภูริวัฒน์เตือนเพียงเท่านั้น ก็หันกลับไปนั่งด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้สนใจหรือเห็นใจหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงเบาะหลังเลยสักนิด