ตอนที่ 8 พนักงานใหม่
เมื่อปณิตาบอกกับมารดาถึงงานใหม่ที่เพิ่งได้รับการติดต่อในค่ำวันนั้น นางอรชรก็นั่งนิ่งเป็นครู่ ก่อนจะเอ่ยถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ทำไมถึงคิดจะไปทำงานที่นั่นล่ะ”
“งานเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายนักนะแม่ โอกาสดีๆ แบบนี้เข้ามา ปิงปองเลยรีบคว้าไว้ก่อน ถ้าปฏิเสธที่นี่ไป แล้วปิงปองต้องว่างงานนานเป็นปีละก็...คงอดนึกเสียดายย้อนหลังไม่ได้แน่นอน”
“เฮ้อ! งานหายากก็จริง แต่ไม่เห็นต้องคิดมาก ระหว่างที่ยังหางานใหม่ไม่ได้ ปิงปองก็ช่วยแม่ทำขนมเป็นรายได้เข้าบ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่จะกังวลค่างวดผ่อนรถ ผ่อนบ้านที่ยังค้างอยู่ เราก็ยังมีเงินสำรองอยู่ได้ทั้งปี” มารดากล่อม ด้วยลึกๆ แล้วไม่อยากให้ลูกสาวคนโตต้องห่างจากอกไป
“เงินสำรองก้อนนั้นเก็บไว้ใช้ตอนเราไม่มีทางเลือกเลยไม่ดีกว่าหรือแม่ ตอนนี้มีคนเสนองานมาให้ ถ้าปฏิเสธไปก็เหมือนเราเลือกงาน อีกอย่างเงินเดือนที่นั่นก็ดี ปิงปองอยากเก็บเงินให้ได้สักก้อนเพื่อเปิดร้านเบเกอรีให้แม่ยังไงล่ะจ๊ะ”
ปณิตาบอกความตั้งใจ มารดาของเธอมีฝีมือในการทำขนมหลายอย่าง ก่อนหน้านี้เคยเช่าตึกแถวทำเลดีเปิดร้านมาแล้ว กิจการก็ทำท่าจะไปได้สวย ถ้าไม่เพราะบิดาที่มักเวียนมาขอแบ่งเงินไปละลายในบ่อนการพนัน พอทำหลายๆ ครั้งเข้า เงินในร้านก็ร่อยหรอลงจนถึงขั้นฝืดเคืองกันทีเดียว ซ้ำร้ายท้ายที่สุดพ่อของเธอก็ยังทำตัวเป็นจอมขโมย ลอบเข้ามากวาดทรัพย์สินเงินทองของลูกเมียไปจนหมดสิ้น ก่อนจะทำตัวหนีหายไป
เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้ร้านขายขนมขาดสภาพคล่องอย่างฉับพลัน มารดาของปณิตาต้องกลายเป็นคนมีหนี้สินพอกพูนจากการพยายามกอบกู้กิจการเล็กๆ จนในที่สุดเมื่อสู้ต่อไปไม่ไหวจึงต้องยอมให้ร้านปิดตัวลง
ในสภาพง่อนแง่นเช่นนั้น ปณิตาเพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัย หล่อนเริ่มทำงานประจำ หากเมื่อมีเวลาว่างก็รับงานพิเศษมาทำคู่กัน โดยหวังจะช่วยมารดาปลดหนี้สินที่มีทั้งในระบบและนอกระบบให้หมดลง แต่ไม่ว่าจะพยายามกันสักปานไหน ครอบครัวของเธอก็แค่สามารถพยุงตัวให้ผ่านพ้นไปได้แบบเดือนต่อเดือนเท่านั้น
กระทั่งปีย์วราเรียบจบออกมาทำงานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอีกคน ครอบครัวเล็กจึงเริ่มลืมตาอ้าปากได้ พวกเธอสามารถเก็บเงินก้อนใหญ่พอจะจ่ายดาวน์บ้านจัดสรรหลังขนาดย่อมนี้มา แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ต้องยอมรับความช่วยเหลือจากครอบครัวของปราบดาซึ่งมักคุ้นกันเป็นอย่างดี และเป็นผู้ที่คอยยื่นมือเข้ามาจุนเจืออยู่เสมอ
ปณิตาปล่อยความคิดเตลิดไปไกล กระทั่งได้ยินเสียงมารดาดังแทรกมา จึงได้เรียกสติคืน
“ถ้าตัดสินใจแล้วก็ตั้งใจทำงานให้ดี ไปอยู่หอพักพนักงานก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะลูก” นางอรชรยกมือลูบศีรษะทุยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสลวยด้วยความรักใคร่ แม้คนที่โน้มมาซบตักนางอย่างออดอ้อนจะเลยวัยเบญจเพสไปเกือบขวบปีแล้วก็ตาม แต่ด้วยความเป็นมารดา ก็ยังตัดความห่วงใยไม่ได้เช่นกัน
ไม่มีอะไรต่างจากที่คาดเลยสักนิด...ในช่วงสายของวันต่อมาปณิตาก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งการตอบรับเข้าทำงานจากฝ่ายบุคคลของบริษัทนั้น
“คุณจะเริ่มงานเมื่อไหร่คะ แต่เร็วหน่อยก็ดี เพราะทางฝ่ายที่รับคุณเข้าไปบอกว่ามีงานรอการสะสางเยอะพอสมควร” เสียงเจื้อยแจ้วลอยมาตามสาย คนต้นสายถึงกับกลอกตามองเพดาน เมื่อนึกภาพว่าเริ่มงานเมื่อไรคงต้องเจอกับงานสุมรอเป็นภูเขาเลากาอย่างแน่นอน
“ฉันขอเริ่มทำงานวันจันทร์ค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ วันนี้ก็วันพฤหัสแล้ว มีเวลาเตรียมตัวอีก 3-4 วันคงพอ”
หญิงสาวบอก จากนั้นก็เป็นการนัดหมายจากคนปลายสายที่แจ้งว่าจะมีรถตู้เข้าไปรับที่บ้านในช่วงบ่ายวันอาทิตย์นี้ ซึ่งก็ทำให้พนักงานคนใหม่ยิ้มแต้กับสวัสดิการที่แสนจะเพียบพร้อม คุยกันต่อไม่ถึงหนึ่งนาที ทั้งคู่ก็จบการสนทนาแล้วจึงตัดสาย
ปณิตานั่งมองโทรศัพท์ในมือพลางเม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด เธอตัดสินใจรับงานนี้ไม่ยากเลย จะว่าไปหญิงสาวพร้อมเสมอที่จะเริ่มงานที่ใหม่แม้จะอยู่ไกลบ้านก็ตาม สิ่งหนึ่งคือแรงบันดาลใจที่บอกมารดาไว้ว่าต้องการหาเงินมาเปิดร้านขนมกันอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอีกอย่างซึ่งซ่อนตัวลึกลงไป ปณิตาไม่ต้องการโศกเศร้ากับการรอคอยใครคนหนึ่ง ซึ่งให้สัญญาว่าจะติดต่อมาหาตั้งแต่วันที่เธอจำต้องหอบสัมภาระก้าวออกจากสำนักงานเดิม
“ไม่น่าเชื่อ...ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าเราจะดูคนผิดถึงเพียงนี้ ยายสไลลานั่นต่างหากที่เราคิดว่าเป็นจอมหยิ่ง ไม่สุงสิงกับใคร จนบางครั้งเหมือนคนไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน แต่เอาเข้าจริงๆ พอเราเดือดร้อนขึ้นมา ก็กลับกลายเป็นยายคนนี้ที่เสี่ยงติดต่อมาหาเป็นคนแรก ซ้ำยังหางานใหม่มาให้อย่างไม่กลัวถูกหางเลขอีกด้วย”
ปณิตาพึมพำอย่างประหลาดใจ เมื่อนึกถึงหญิงสาวร่างบางท่าทางอ้อนแอ้นที่ดูจะเก็บเนื้อเก็บตัวคล้ายกับไม่ต้องการคบหาใคร แต่เนื้อแท้เธอกลับมีน้ำใจอย่างคาดไม่ถึง และเมื่อนึกต่อไปถึงอีกคน แววหม่นเศร้าก็จุดขึ้นในดวงตา
“ส่วนนายอภิชัย ไหนบอกว่าจะโทร. มาหา ปล่อยให้เรารออยู่ตั้งสองวัน คนรักกันทำกันแบบนี้หรือ ไม่คิดจะแวะมาหา ไม่มีแม้กระทั่งจะโทร. มาพูดคุยให้กำลังใจกันเลย”
ปณิตาเคยคิดว่าถ้าเขาจะติดต่อมา เธอคงให้โอกาสพูดคุยอีกครั้ง แต่นี่ก็ล่วงผ่านมาถึงสองวัน ไม่ว่าจะงานยุ่งหรือติดธุระใดก็ตาม คงไม่ใช่เหตุผลที่จะห่างหายไป หญิงสาวบังคับตัวเองหลายครั้งที่จะไม่เป็นฝ่ายโทร. ไปหา หล่อนกลัวจะได้รับความผิดหวัง กลัวจะต้องยอมรับความจริงว่าทุกคำที่เขาพรั่งพรูออกมาล้วนมีแต่คำแก้ตัว
ผู้ชายก็เหมือนกันหมด เห็นแก่ตัว ไม่เคยรักใครจริงนอกจากตัวเอง
ปณิตากำมือแน่นเมื่อสำเหนียกถึงสิ่งที่ฝังอยู่ในใจ แม้ตกลงคบหากันมานานหลายเดือน แต่เธอก็ไม่คิดหลอกตัวเองว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูจะไม่ใคร่คืบหน้านัก ปณิตาไม่เคยพร้อมที่จะพาเขามาให้รู้จักกับมารดาและน้องสาว คิดๆ ไปก็ดีเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นแล้วคนทั้งสองคงต้องนึกห่วงใยและกังวลใจกับเธอเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว
เมื่อถึงวันนัดหมายที่ปณิตาจะเดินทางไปอยู่หอพักพนักงาน หญิงสาวนั่งรอพร้อมครอบครัว...และคนนอกครอบครัวอีกหนึ่งคน
“บริษัทของเธอสวัสดิการดีจริงๆ นะ ฉันก็มีเพื่อนที่ทำงานแถวนั้น บริษัทก็ใหญ่ไม่ต่างกัน เขาอาจมีรถตู้หรือรถบัสรับส่งพนักงานก็จริง แต่ส่วนมากก็นัดแนะจุดนัดหมายกัน ไม่เคยเห็นพนักงานใหม่คนไหนที่ได้มานั่งรอเป็นคุณนายที่บ้านเพื่อรอราชรถมาเกยอย่างเธอเลย” ปราบดาที่นั่งใกล้เพื่อนสาวเอียงตัวมากระซิบ เขารู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่ควรพูดให้มารดาของเพื่อนซึ่งกำลังง่วนกับการถักไหมพรมอยู่ใกล้ๆ ได้ยิน ด้วยเกรงจะทำให้คิดมากไป
“ถ้าสงสัยมากนัก นายก็ไปกับฉันด้วยก็ได้ น่าจะมีที่ว่างในรถตู้สักที่ เดี๋ยวฉันจะบอกเขาว่าพาคนสวนที่บ้านมาช่วยจัดแจงห้องพัก” ปณิตาตอบด้วยระดับเสียงไม่ต่างกัน
“เหอะ! ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าคนหน้าตาดีอย่างฉันจะเป็นคนสวนของเธอ” คนมั่นใจว่าหน้าตนไม่เหมือนคนสวนว่าพลางส่งค้อนอย่างน่าขัน ก่อนจะเบนความสนใจไปหาน้องสาวของเพื่อนแทน
ปณิตาเหล่มองสองคนอย่างสังเกตสังกา รู้มาสักพักแล้วว่าเพื่อนชายคนสนิทเริ่มคิดไม่ซื่อกับน้องสาว แต่ก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของคนทั้งสอง หล่อนเพียงแต่รอเวลาที่ปีย์วราหรือปราบดาจะพูดออกมาเอง
กระทั่งได้ยินเสียงเรียกเข้าของมือถือด้วยเบอร์ไม่คุ้นเคย ต่อเมื่อรับสายถึงรู้ว่าเป็นรถตู้ที่จะมารับโทร. เข้ามาถามทาง และเพียง 2-3 นาทีจากนั้นก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูรั้วบ้าน
“รถคงมารับแล้ว” ปณิตาบอกทุกคน แล้วขบวนส่งคนขึ้นรถก็พาเหรดตามออกไป หญิงสาวมีเพียงสัมภาระเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่องใบเดียว ด้วยคิดจะดูลาดเลาห้องพักเสียก่อน ถ้าขาดเหลือสิ่งใด ปณิตาก็เล็งให้น้องสาวกับเพื่อนชายเป็นผู้จัดหาเพิ่มให้เธอ
หลังจากล่ำลาเสร็จสรรพ รถตู้ก็เคลื่อนออกไป ผู้โดยสารคนใหม่หันไปส่งยิ้มให้กับหญิงชายวัยใกล้เคียงกับตนซึ่งนั่งอยู่ตอนหลัง มิตรภาพที่เธอส่งให้สองคนนั้น ได้รับคืนเป็นรอยยิ้มบางๆ ตามมารยาท จากที่ปณิตาตั้งใจจะชวนพูดคุยและสอบถามหลายอย่างก็เป็นอันต้องพับเก็บไป