ตอนที่ 7 เจ้าป่าเรือพ่วง
“ปณิตา...”
สีหราชนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ยามเขาเข้าไปติดต่อเพื่อขอยกเลิกสัญญาจองซื้อคอนโดมิเนียมหรูที่สำนักงานของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ สืบเนื่องจากความไม่ตรงไปตรงมาต่อสินค้าที่เคยตั้งใจจะซื้อเก็บไว้ให้ธีรัณย์ ทำให้สีหราชไม่รีรอที่จะดำเนินการขอยกเลิกในทันที ซึ่งในการณ์นี้ชายหนุ่มได้รับข้อมูลสำคัญอันเป็นหลักฐานที่ผู้ประกอบการไม่สามารถโต้แย้งได้จากพนักงานขายของโครงการนั่นเอง...
หากสิ่งที่เกิดต่อมา กลับกลายเป็นว่าลูกค้าโครงการอีกหลายรายล่วงรู้เรื่องนี้เข้า จึงได้พร้อมใจแจ้งความจำนงขอยกเลิกการซื้อขายเช่นกัน ซึ่งแน่นอนละว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทมากมาย รวมถึงแบรนด์สินค้าที่สร้างขึ้นมาโดยหวังจะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าระดับสูง จนเมื่อทุกอย่างพังครืนลงมาก็ไม่ผิดคาดนักที่บริษัทจะต้องสืบหา ‘ต้นตอปัญหา’ จนเจอ และนั่นก็คือพนักงานขายหน้าหวาน เจ้าของนามปณิตานั่นเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มือเรียวแข็งแรงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ที่เพิ่งติดต่อไปเมื่อวาน และชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะบันทึกเบอร์นั้นไว้ จนเมื่อได้ยินคำตอบรับจากปลายสาย จึงกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีครับ คุณสไลลา เมื่อวานผมเพิ่งโทร. ติดต่อคุณเกี่ยวกับเรื่องคุณปณิตาน่ะครับ”
“ดิฉันจำได้ค่ะ ดิฉันเสียใจนะคะที่ไม่สามารถให้เบอร์ติดต่อของเธอแก่คุณได้”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ และรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณปณิตา ถ้าคุณสองคนเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน ผมอยากจะขอรบกวนเวลา ผมติดต่อมาก็เพื่ออยากมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณปณิตาเท่านั้น” สีหราชบอกความประสงค์ และปลายสายก็นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเบาลงจนเกือบกลายเป็นเสียงกระซิบ
“คุณทราบเรื่องนี้ด้วยหรือคะ”
“ครับ ผมทราบ และบอกตรงๆ ว่าผมคือตัวปัญหาของเธอเลยทีเดียว แต่อย่าเพิ่งวางสายนะครับ สำหรับคุณสไลลา ผมสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้อย่างเด็ดขาด” สีหราชมีอารมณ์เย้าแหย่แม่สาวเสียงหวาน ซึ่งดูจะได้ผลไม่น้อย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแทรกเข้ามา ชายหนุ่มจึงได้ทีกล่าวต่อ “ผมอยากช่วยคุณปณิตา ผมรู้แค่ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ แต่ไม่รู้ว่าถึงขั้นไหน โดนตักเตือน ตัดเงินเดือน พักงาน หรือเลวร้ายที่สุด ตกงานไปแล้ว”
“ค่ะ ปณิตาโชคร้ายที่เจอเคสเลวร้ายที่สุด” สิ้นเสียงคนปลายสาย สีหราชก็ลอบผ่อนลมหายใจยาวพร้อมกับความรู้สึกผิดมากมายก็โถมเข้าหา
“ผมมีงานเสนอให้เธอพิจารณา ถ้าคุณสไลลาจะกรุณาแจ้งต่อให้เธอทราบ ผมจะให้พนักงานส่งรายละเอียดไปให้คุณทางอีเมล” คนต้องการช่วยเหลือพูดจบก็นิ่งรอการตัดสินใจจากอีกฝ่าย และทุกอย่างก็ไม่เลวร้ายเกินไปเมื่อสาวเสียงหวานรายนั้นตอบตกลงว่าจะเป็นสื่อกลางให้ หากก็ไม่รับรองผลที่จะตามมา
สีหราชตัดสายหลังจากกล่าวคำขอบคุณด้วยความจริงจังและจริงใจอย่างที่สุด จากนั้นก็เรียกหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่กำลังหาคน ‘ซื่อสัตย์และไว้ใจได้’ ให้เข้ามารับเรื่องไปดำเนินการต่อ
“อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้น ตกงานเมื่อวาน วันนี้มีคนเสนองานใหม่มาให้อย่างนั้นหรือ” ปราบดาที่ตามติดน้องสาวของปณิตาเข้ามาในตอนเย็นหลังเลิกงานร้องถามพร้อมแสดงสีหน้าว่าแปลกใจจนเกินกว่าเหตุ
“ใช่น่ะสิ เพื่อนที่ทำงานด้วยกันบอกว่าบังเอิญได้คุยกับลูกค้าโครงการที่มาซื้อคอนโดมิเนียม เขากำลังหาคนอยู่พอดี เพื่อนฉันจึงส่งรายละเอียดมาให้ผ่านมาจากฝ่ายบุคคลของที่นั่น งานที่จะจ้างเป็นพวกธุรกิจส่งออกอาหารทะเล ซึ่งส่วนที่ฉันจะทำอยู่ในสำนักงานใหญ่ มีหน้าที่ติดต่อประสานงานระหว่างแผนก”
“ฉันว่างานที่เสนอมาก็งั้นๆ แหละ และต้องไปทำต่างจังหวัดด้วย ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน เธอน่าจะหางานในกรุงเทพฯ ดูก่อน” เพื่อนคนสนิทของปณิตาที่คบหามาตั้งแต่เด็กแสดงอาการไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
“ชลบุรีแค่นี้เอง เขามีหอพักให้พนักงานที่อยู่ไกลด้วย วันหยุดค่อยกลับบ้านก็ได้”
“พี่ปิงปองเอารถไปใช้เลย ขับรถกลับบ้านทุกอาทิตย์จะได้สะดวก” ปีย์วราร้องบอกพี่สาว เสนอให้ใช้รถยนต์ที่ทั้งสองคนพี่น้องยังต้องช่วยกันหาเงินผ่อนค่างวดอยู่ทุกเดือน แต่ต้องยู่หน้าเมื่อได้ยินเสียงปราบดาพูดขัดขึ้น
“พูดยังกับว่าเขาตกลงจ้างแล้วอย่างนั้นแหละ”
“แนวโน้มว่าจะจ้างสูงมากเลยจ้ะนายป่าน เพราะฉันสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้ว วางสายก่อนที่พวกเธอจะเข้ามาสักชั่วโมงเห็นจะได้” ปณิตาตอบด้วยสีหน้ากระหยิ่ม พลางหยิบหมอนอิงมากอดอย่างสบายอกสบายใจ
“แต่ฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอะไรที่จูงใจเธอได้ถึงขนาดนี้ งานที่บอกมา มันดีตรงไหน หรือเป็นเพราะอยู่ไกลหูไกลตาจากแม่ของเธอ จะได้ออกไปเพ่นพ่านหาเหยื่อแถวโน้นรับประทานได้คล่องคอขึ้น” ปราบดาปั้นสีหน้าจริงจังพร้อมทั้งวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผลตามแบบของเขา แต่คนโดนวิเคราะห์ถึงกับตาลุกเรืองรอง
“นายป่าน! ไอ้คนทุเรศ ปากเสียที่สุด”
ปณิตากรีดเสียงดังลั่นพร้อมยกหมอนอิงใบเขื่องโผเข้าไประดมใส่หลังเพื่อนหนุ่มไม่ยั้งมือ ท่ามกลางเสียงโอดครวญของคนโดนทำร้ายและเสียงหัวเราะคิกคักจากหญิงสาวอีกคนที่นั่งมองอยู่ไม่ห่าง กระทั่งคนทำร้ายพอใจจึงได้ถอยกลับมานั่งที่เดิม หากก็ไม่วายส่งค้อนปะหลับปะเหลือกตาม
“ก็ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นี่ เธอเกิดบ้าอะไรขึ้นมา บ้านช่องก็มี ทำไมต้องไปทำตัวเร่ร่อนอยู่นอกบ้านด้วย แล้วตำแหน่งงานที่บอกมา มันก็งั้นๆ เงินเดือนจะสักกี่บาทกันเชียว” ปราบดาค้านเสียงอ่อยเมื่อเห็นว่าอารมณ์เพื่อนสาวสงบลงแล้ว พร้อมกับยกมือหนาขึ้นลูบหลังไหล่ตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บจากการโดนประทุษร้ายโดยไม่ทันระวังตัว
“สี่หมื่นบาทถ้วน” เสียงเปรยลอยแทรกเข้ามา ทำให้คนฟังทั้งสองต้องนิ่งงัน ต่างก็จ้องหน้ากันเป็นครู่เหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง กระทั่งคนที่กำลังจะได้งานต้องบอกย้ำ “เงินเดือนที่ตกลงกันได้คือสี่หมื่นบาท มากกว่าที่ทำงานเดิมเกือบสองเท่า สวัสดิการของบริษัทใหม่ก็อยู่ในระดับดี นอกเหนือจากสวัสดิการพื้นฐานที่ลูกจ้างจะได้รับตามกฎหมายแล้ว ก็ยังมีพวกประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุรักษาฟรีให้กับพนักงาน แล้วยังมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างด้วยนะ อ้อ...มีที่พักฟรีเพิ่มมาอีกด้วย”
“เอ่อ...ฟังดูแล้วไม่คิดว่าค่าจ้างมันจะดีไปหน่อยหรือ ยายปิงปอง” ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวในที่นั้นยังไม่คิดจะคล้อยตามกันง่ายๆ
“อะไรของนายนักนะ น้อยก็ว่า มากก็บ่น จะบอกให้เอาบุญนะ ฉันถามฝ่ายบุคคลที่โทร. คุยกันแล้ว เขาว่าเพราะเป็นการทำงานในต่างจังหวัดจึงต้องมีเบี้ยพิเศษเพิ่มมาให้ และฉันก็ค้นหาประวัติบริษัทนี้จากฐานข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแล้ว พอไว้ใจได้ บริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย เขาทำธุรกิจหลายอย่าง ดูมั่นคงดี”
“อืม รอบคอบดี ถ้าอย่างนั้นก็พอวางใจได้ว่า หมูบ้านเราจะไม่ถูกเขาหลอกไปเชือดกันง่ายๆ”
ปราบดาสรุปอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สนใจว่าคนที่ถูกเปรียบเป็นหมูรอเชือดจะรู้สึกอย่างไร ในใจของเขาก็พลอยยินดีไปกับเพื่อนสาวที่ไม่ต้องอยู่ในภาวะคนตกงานให้ฟุ้งซ่านไปวันๆ และที่สำคัญชายหนุ่มก็รู้ดีว่าคนมีประวัติถูกให้ออกจากงานโดยเบื้องหลังคือการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อนายจ้างนั้น มันน่าหนักใจต่อการหางานใหม่มากแค่ไหน