ตอนที่ 6 เจ้าป่าเรือพ่วง
หลังจากรถคันใหญ่สีดำเคลื่อนมาจอดในตำแหน่งที่จอดรถประจำของผู้บริหารระดับสูง นายใหญ่ผู้มีสิทธิ์ขาดในทุกการตัดสินใจแห่งอาณาจักรก็เปิดประตูรถก้าวออกมา เขาเดินลิ่วเข้าไปในอาคาร และขึ้นบันไดสู่ชั้นสามซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานของประธานใหญ่เสียเกินครึ่ง
สีหราชนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่วางเด่นกลางห้องแล้วกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาฯ จนเมื่อฝ่ายนั้นเข้ามา เขาจึงออกคำสั่ง
“ถ้าคุณอุ๊เข้าออฟฟิศแล้ว เชิญมาพบผมหน่อยนะ”
“อ๋อ พี่อุ๊เหรอคะ แจนเจอเธอตรงลานจอดรถเมื่อกี้เอง จะตามมาพบคุณสิงโตทันทีค่ะ” เลขาฯ สาวกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนผละออกไปด้วยท่าทางคล่องแคล่วเพื่อทำตามคำสั่งนาย
ลับร่างลูกน้องสาว สีหราชก็เปิดแฟ้มเอกสารที่หัวหน้าแผนกต่างๆ ส่งมาเพื่อขออนุมัติ นัยน์ตาคมไล่อ่านตัวอักษรบนแผ่นกระดาษได้เพียงสองหน้า เสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะ และร่างสาวใหญ่วัยสี่สิบต้นก็ผลักประตูเข้ามาหลังได้รับคำอนุญาต
“แจนบอกว่าคุณสิงโตต้องการพบพี่”
หัวหน้าแผนกบัญชีผู้ดูแลตัวเลขรายรับรายจ่ายของทุกหน่วยธุรกิจในเครือกล่าวถามเป็นการเป็นงาน แม้ชายหนุ่มจะให้ความสนิทสนมกับพนักงานมากแค่ไหน แต่ทุกคนก็พร้อมใจจะให้เกียรติและปฏิบัติต่อหลานชายนายโมกข์ที่เข้ามานั่งประจำเก้าอี้ประธานใหญ่อย่างเหมาะสมเสมอ
“เชิญนั่งก่อนครับ คุณอุ๊” สีหราชบอกพลางกวาดเอกสารทั้งหมดหลบไปอีกมุมโต๊ะ “ผมจะถามความคืบหน้าการจัดหาพนักงานเข้าแผนกบัญชีที่ส่งคำร้องไว้เมื่อเดือนก่อน”
“กำลังดูอยู่ค่ะ พี่อยากได้คนที่ไว้ใจได้ เน้นว่าซื่อสัตย์ในการทำงาน เพราะจะรับมาเดินเรื่องในฝ่ายบัญชีเท่านั้น และจะให้ติดตามงานธุรกิจห้องเย็นที่คุณสิงโตมอบหมายให้ทางแผนกพี่ดูด้วย”
นายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจต่อคำชี้แจงของพนักงานอาวุโส ธุรกิจห้องเย็นเดิมทีอยู่ในการดูแลของอุไรวรรณ ด้วยความที่สีหราชเล็งเห็นว่าฝ่ายนั้นทำงานคล่องแคล่วและทรงประสิทธิภาพ จึงได้ดึงข้ามแผนกมาช่วยงานอยู่พักใหญ่ กระทั่งธุรกิจนั้นมั่นคงเป็นรูปเป็นร่างขึ้น จึงได้รับผู้จัดการมาควบคุมดูแลต่อ และหัวหน้าฝ่ายบัญชีสาวก็หมดหน้าที่ไป แต่ตอนนี้ตำแหน่งผู้จัดการว่างลงอีกครั้ง สีหราชจึงได้ขอให้พนักงานทรงประสิทธิภาพคนเดิมเข้ามาช่วยดูเป็นการชั่วคราว
“งั้นหรือ อืม…จะให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าคุณสิงโตพอแนะนำใครได้ ก็ให้มาลองงานกันก่อนได้นะคะ ถ้าคุณสิงโตรับรองเอง พี่ก็วางใจ”
“ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ ผมอาจมองคนผิดก็ได้ และถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ผมหามา มันก็แย่ตรงที่ผมต้องรับผิดชอบเต็มๆ โยนให้คนอื่นไม่ได้ด้วยสิ”
สีหราชกล่าวเย้าอย่างอารมณ์ดี และลูกน้องสาวใหญ่ก็เพียงยิ้มบางๆ หากแววตายังคงความศรัทธาและเชื่อมั่นต่อทายาทรุ่นที่สามที่เข้ามารับช่วงกิจการอย่างไม่เสื่อมคลาย
เมื่อเจ้าของห้องได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง เขาจึงเริ่มสะสางงานที่กองสุมอยู่บนโต๊ะ จนใกล้ถึงเวลาเที่ยงวัน พลันก็มีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือขึ้น
“ว่าไงพล” สีหราชกล่าวทักทายง่ายๆ หลังจากกดรับสาย
“ตอนเที่ยงว่างหรือเปล่า ออกมากินข้าวด้วยกันไหม”
“อืม ก็ดี ว่าแต่นายมีธุระจะคุยด้วยหรือเปล่า”
“ฉันแค่อยากจะเอาหน้ามาเสนอให้นายจ้างอย่างนายได้เห็นบ้าง หายไปนานกลัวจะตกกระป๋องเสียก่อน” ปลายสายเย้า สีหราชได้แต่หัวเราะขำเพื่อนกึ่งลูกน้องคนสนิทที่ทำงานร่วมกันมาเกือบสิบปี และเมื่อนัดแนะจุดนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจงานบนโต๊ะต่อ กระทั่งใกล้ถึงเวลาจึงเดินลิ่วออกจากห้องทำงานไป
สถานที่นัดพบของสองหนุ่มเป็นร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่นอกเมือง และอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานของสีหราชมากนัก ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงที่แห่งนี้ตามเวลานัดหมาย
“มาถึงนานหรือยัง” สีหราชถามเมื่อหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับชายวัยเดียวกัน พลางเหลือบมองขวดเบียร์ที่พร่องลงกว่าครึ่ง รวมถึงจานอาหารที่มีร่องรอยการรับประทานไปบ้างแล้ว
“มาถึงตอนที่โทร. หานายนั่นแหละ” นพลบอกผู้มาใหม่ แล้วส่งสัญญาณเรียกเด็กเสิร์ฟมารับรายการอาหารที่จะสั่งเพิ่ม และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลง พวกเขาทั้งสองก็ได้อยู่กันตามลำพัง ผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายจึงพูดขึ้น
“เจอนายก็ดีแล้ว ฉันจะให้ช่วยหาคนมาดูงานที่สะพานปลาหน่อย ช่วงนี้ฉันเองไม่ค่อยว่าง ปล่อยงานทั้งหมดให้คุณอุ๊ช่วยดูอยู่ เกรงว่ามันจะหนักไป”
“อ๊ะ! อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น” นพลอุทานก่อนจะลากเสียงยาวอย่างอารมณ์ดี “พอดีรุ่นน้องที่รู้จักเห็นการเปิดรับสมัครงานจากสำนักงานใหญ่ เลยถามมาทางฉัน ก็คิดจะส่งไปให้นายพิจารณาเหมือนกัน เท่าที่ฉันรู้จัก หมอนี่หน่วยก้านไม่เลว คล่องตัว ไหวพริบดี”
“ฉันรู้จักหรือเปล่า”
“ชื่อกล้า กล้าณรงค์” นพลมองสีหน้าเพื่อนหนุ่มซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะจดจำชื่อนี้ได้ “ถ้านายเจอหน้า คงพอคุ้น”
“งั้นพรุ่งนี้บอกให้มาพบฉันได้เลย”
สีหราชตัดบทและจบการสนทนาเรื่องงาน จากนั้นก็เป็นเวลาพูดคุยด้วยเรื่องทั่วไปในฐานะเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยกัน จากมิตรภาพที่คบหามาเกินกว่าสิบปีตั้งแต่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย จวบจนเป็นผู้ใหญ่ แม้ในตอนนี้สถานะของคนทั้งสองจะแปรเปลี่ยนไปไม่เป็นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เคยลดทอนความกลมเกลียวลงได้เลย
“เจ้าเท็นเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอหลายเดือน คงซ่าเหมือนเดิมสินะ” น้ำเสียงเจือแววเอ็นดูเมื่อเอ่ยถึงลูกชายคนเดียวของเพื่อน ขณะยกแก้วเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปากพลางหลุบตาต่ำ
“ความซ่าดูจะมากกว่าเดิม เด็กเริ่มโต ฉันเลยปล่อยให้คิดและทำอะไรเองหลายอย่าง หลายๆ ครั้งก็สร้างเรื่องปวดหัวให้เหมือนกัน”
คุณพ่อลูกหนึ่งกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อนึกถึงลูกชายจอมกวนซึ่งถือกำเนิดขึ้นโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว เหตุเกิดตั้งแต่เพิ่งพ้นรั้วมหาวิทยาลัย ในครั้งนั้นชายหนุ่มและเพื่อนสาวคนสนิทต่างก็ยอมรับกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความเผลอไผลอันไร้สติของทั้งสองคน จนก่อเกิดเด็กชายตัวน้อยขึ้นมา แม้สีหราชจะยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง แต่อีกฝ่ายก็ชิงปฏิเสธเสียก่อน มารดาของธีรัณย์ช่างเป็นผู้หญิงที่แกร่งกล้า เธอยังต้องการไล่ล่าความฝันในแดนไกล ในที่สุดจึงตัดสินใจยกทารกน้อยเพศชายที่ลืมตามองโลกได้ไม่ถึงขวบปีให้สีหราชรับผิดชอบ และเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดเพียงคนเดียว
หากสิ่งนั้นก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือสร้างปมใดๆ ให้กับเด็กชายตัวน้อยที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางการดูแลจากญาติผู้ใหญ่หลายๆ คนในครอบครัว...ซึ่งบ่อยครั้งที่เจ้าตัวจะยืนยันอย่างแข็งขันว่าชีวิตของธีรัณย์นั้นช่างอบอุ่นเสียจนร้อนระอุเลยทีเดียว
สีหราชแยกจากนพลเมื่อเวลาผ่านมาจนถึงบ่ายโมงครึ่ง ชายหนุ่มกลับเข้าสู่สำนักงานเพื่อสะสางเอกสารที่คงค้างจากช่วงเช้า แต่พอเข้ามานั่งประจำโต๊ะทำงาน ความคิดบางอย่างกลับแล่นฉิวผ่านเข้ามา