ตอนที่ 12 เหตุการณ์ไม่คาดคิด
“ไม่เป็นไร แค่นี้เล็กน้อยมาก เพราะผมใส่ใจกับทุกคนที่ทำงานให้ผมอยู่แล้ว”
น้ำเสียงจริงจังดังขึ้น จนคนฟังแทบร้องกรี๊ดพร้อมล้มตัวดิ้นเร่าๆ บนผืนทรายที่กำลังร้อนระอุนี่ทีเดียว ถึงตอนนี้หญิงสาวยืนยันความคิดตัวเองได้แล้วว่าเจ้านายคนใหม่ช่างกวนโมโหอย่างร้าย แถมยังไม่คิดจะดูทิศทางลมอีกต่างหาก
“เป็นอะไรไป หน้าแดงเชียว เป็นลมแดดหรือเปล่าคุณ ไม่ไหวก็บอกนะ เพราะผมไม่อยากได้ชื่อว่าใช้คนทำงานจนร่างกายทนไม่ไหว เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะยุ่งไปกันหมด”
เขากำลังรู้สึกสนุก! ปณิตามั่นใจเลยทีเดียว เพราะนอกจากแววตาที่ส่องประกายล้อระริกแล้ว ใบหน้าที่เคยเห็นว่าหล่อเหลาก็กำลังเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ดูคล้ายปีศาจร้ายเข้าไปทุกที
สีหราชก้มมองดวงหน้าผุดผาดที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อด้วยความรู้สึกแปลก ในตอนแรกที่เจอเธอในสำนักงานขายคอนโดมิเนียมหรูก็คิดเพียงว่าแม่สาวหน้าหวานช่างพูดจาฉะฉาน หากไม่มากเกินไปจนทำให้ผู้ซื้ออย่างเขาต้องรู้สึกรำคาญ คิดแล้วก็น่าแปลกใจว่ามีสิ่งใดดลใจให้เขาขับรถเข้าไปในนั้น กระทั่งตัดสินใจเป็นลูกค้าของเธอในเวลาต่อมา และปณิตาก็ยังสร้างประทับใจให้ยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่รู้ว่าสินค้าที่เขาจับจองไว้เป็นเวลาเกือบปียังไม่มีกำหนดสร้าง ด้วยติดปัญหาการขออนุญาตกับทางราชการ ในครั้งแรกสีหราชก็ระงับความโมโหไว้ไม่ไหว จนต้องต่อว่าผ่านเธอไปหลายคำทีเดียว
‘โครงการของคุณเปิดให้จองได้ยังไง ถ้ายังไม่ได้รับใบอนุญาตการก่อสร้างจากสำนักงานเขต คุณปล่อยให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินจอง เงินดาวน์ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าโครงการจะสร้างได้อย่างนั้นหรือ แล้วสัญญาจะซื้อจะขายที่ผมทำไปก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยใช่ไหม เพราะกฎหมายใหม่ตอนนี้ระบุไว้ว่ากว่าจะออกสัญญานี้มาได้ ใบอนุญาตทุกอย่างจะต้องผ่านเรียบร้อยเสียก่อน’
‘ใช่ค่ะ ตามขั้นตอนต้องเป็นอย่างนั้น แต่เดี๋ยวนี้ผู้ประกอบการหลายรายจะเปิดให้จองก่อนแล้วค่อยทำเรื่องขออนุญาตตามทีหลัง แต่ถ้าคุณต้องการยกเลิกสัญญา แนะนำว่าให้ไปขอหลักฐานจากสำนักงานเขตมายืนยันกับบริษัท เอ่อ...ที่ดิฉันบอกคุณทั้งหมด คุณเข้าใจนะคะ ว่าไม่ใช่นโยบายที่บริษัทจะให้พนักงานขายพูดกับลูกค้า’
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหราชก็กระตุกริมฝีปากยิ้ม ก็ไม่แปลกนักถ้าหล่อนจะคิดว่าเขาปากโป้งกระจายเรื่องนี้ออกไปให้ลูกค้าคนอื่นรู้ จนเกิดการยื่นขอยกเลิกสัญญาตามมาอีกหลายสิบราย ซึ่งนอกเหนือจากความเสียหายจากมูลค่าสินค้าแล้ว ก็ยังมีเรื่องชื่อเสียงและเครดิตบริษัทที่เสียไป และสิ่งเหล่านี้ก็ยากที่จะประเมินค่ากันทีเดียว
“คุณยิ้มอะไร คุณหัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม เดินนำไปก่อนเลย ลูกน้องคุณยืนรออยู่โน่นแล้ว” เสียงแหวดังใกล้ๆ ปลุกสีหราชให้ตื่นจากความคิด เขาเลิกคิ้วมองคนตัวเล็กที่กำลังส่งประกายตาเรืองรองมาที่เขา
“คุณนี่ ทำไมถึงชอบหาเรื่องเจ้านายจริงๆ ไป เดินไปด้วยกันนี่แหละ คุณเกาะแขนผมก็ได้ จะได้ไม่เมื่อยเท้า ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกให้เตรียมตัวล่วงหน้า แต่วันนี้จะไม่เข้ามาดูก็ไม่ได้ เพราะช่วงบ่ายจะมีรถมารับอาหารทะเลแช่แข็งส่งเข้ากรุงเทพฯ ล็อตใหญ่ แต่ผมใช้เวลาดูไม่นานหรอก ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ถ้าคุณหิวก็ทนหน่อยนะ เสร็จจากนี้แล้วจะพาไปกินข้าว” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสามารถดับอารมณ์ฉุนเฉียวของคนตัวเล็กให้มอดดับได้โดยพลัน
เมื่อสองคนเดินไปถึงเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สูงท่วมหัวเรียงรายอยู่ 5 ใบ โดยข้างในล้วนถูกควบคุมอุณหภูมิไว้จนเย็นจัดเพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของอาหารทะเลไว้ได้ขณะรอนำส่งสู่จุดหมาย ปณิตาเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินแยกออกจากกลุ่มคนงาน เข้ามารายงานข้อมูลสินค้ากับสีหราช หากแววตาของเขายามมองมาที่เธอนั้นมีแววประหลาดใจ จนหญิงสาวอดที่สงสัยไม่ได้
“กล้าณรงค์เป็นผู้จัดการธุรกิจห้องเย็น เขาเข้ามาทำงานก่อนคุณไม่กี่วันนี้เอง” สีหราชบอกคนตัวเล็กที่กำลังมองตามร่างสูงของลูกน้องคนใหม่ วูบหนึ่งสีหราชก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาครามครัน ปณิตาดูจะให้ความสนใจใครอื่นมากกว่าเขา ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ
“อ๋อ หรือคะ แล้วต่อไปฉันต้องติดต่องานส่วนนี้กับคุณคนนั้นใช่ไหมคะ” ปณิตาถามอย่างกระตือรือร้น ด้วยงานที่เห็นในวันนี้ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่จะคิดอีกมุมก็เป็นการท้าทายความสามารถไม่น้อยเลย
“คุณไม่ต้องทำหรอก งานส่วนนี้ผมจะให้คนอื่นเข้ามาติดต่อประสานแทน” เสียงนายใหญ่บอก ลูกน้องสาวได้แต่กะพริบตาแล้วลอบยู่หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อคิดว่าเขาไม่ไว้ใจความสามารถของเธอ
“คุณไม่เชื่อว่าฉันมีความสามารถพอที่จะทำงานให้คุณใช่ไหมคะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ” เจ้าของคำสั่งถามด้วยความงุนงง
“คุณยังไม่ให้ฉันลองทำงานเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าฉันทำได้หรือเปล่า จู่ๆ ก็มาตัดสิทธิ์กันแบบนี้มันยุติธรรมที่ไหน” ลูกน้องสาวโต้เสียงใส หากเจ้านายหนุ่มกลับคลี่ยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจคุณ แต่ยังไม่อยากมอบหมายงานให้คุณเร็วเกินไป คุณยังทำงานที่นี่อีกนาน ค่อยๆ เรียนรู้ไป ผมมีลูกน้องที่จะทำแทนกันได้หลายคน ไม่ต้องห่วงไปหรอก”
เมื่อได้ยินคำอธิบาย ปณิตาก็รู้สึกดีขึ้นมา หากยังเก็บสีหน้าพออกพอใจไว้อย่างมิดชิด ต่อเมื่อผู้จัดการธุรกิจห้องเย็นเดินกลับมาหา สีหราชจึงละความสนใจหันไปสนทนากับฝ่ายนั้นเป็นครู่ใหญ่ จนธุระของเขาเสร็จสิ้นลง จึงได้บอกกับเธอ
“เอาละ ตอนนี้เรากลับกันได้แล้ว”
สีหราชมองคนผิวขาวผุดผ่องแก้มสุกปลั่งยืนท่ามกลางแสงแดดร้อนอย่างอ่อนใจ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ดึงดันพาเธอออกมาด้วยกัน ระหว่างทางที่สองคนย่างเท้ากลับไปที่รถคันหรูซึ่งจอดอยู่ในระยะเกือบหนึ่งร้อยเมตร ชายหนุ่มจึงออกปากถามด้วยน้ำเสียงเจือความห่วงใย
“คุณจะทำงานแบบนี้ไหวหรือปณิตา ถึงส่วนใหญ่จะอยู่ในสำนักงาน แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องออกข้างนอกกับผมหรือหัวหน้าของคุณ”
“ไหวสิคะ แค่นี้เอง นานๆ ถึงจะออกมาสักที ฉันไม่ได้ทำงานแบกหามอยู่กลางแจ้งนี่ถึงจะทนไม่ได้ คุณอย่าประเมินฉันต่ำไปก่อนจะให้ทำงานจริงอย่างเด็ดขาดเลยนะ” ลูกน้องสาวบอกด้วยน้ำเสียงเข้มงวด จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็ค่าจ้างงามๆ แบบนี้เธอจะหาได้จากที่ไหนอีก แค่ออกมาตากแดดตากลมนิดๆ หน่อยๆ ทำไมคนอย่างปณิตาถึงจะทนไม่ได้
สีหราชมองคนตัวเล็กอย่างนึกเอ็นดู ทั้งสองคนยังเดินกลับด้วยระดับความเร็วไม่ต่างจากขามา และเมื่อได้เข้ามานั่งในรถคันหรู มีแอร์เย็นฉ่ำ ปณิตาจึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว
“ปากแข็งหรือเปล่า” สีหราชถามคนนั่งข้างกาย หลังจากบอกคนขับรถให้ไปที่ร้านอาหารเจ้าประจำของเขา
“คะ อะไรคะ” คนที่กำลังนั่งตัวอ่อนหมดแรงสะดุ้งถามขึ้นมา
“ก็ที่บอกว่าทนไหวไง แค่นี้ก็ทำท่าม่อยกระรอกเสียแล้ว จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่า เมื่อเจองานจริงแล้วคุณยังทำไหวอยู่”
“ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์หรือมนุษย์เหล็กไหลที่จะไม่รู้สึกร้อนหรือเหนื่อยนี่ เป็นคนธรรมดาก็ต้องมีความรู้สึกกันบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ยังยืนยันว่าสามารถทำงานให้คุณได้อย่างแน่นอน” ปณิตาให้เหตุผลด้วยความใจเย็น และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนยอมเชื่อตามอย่างเสียไม่ได้