บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 13 เหตุการณ์ไม่คาดคิด

“เฮ้อ! ทำได้ก็ได้สิ ไม่เห็นต้องสาธยายให้มากความเลย”

คนอะไร ชอบดูถูกความสามารถของคนอื่นจริงๆ คอยดูนะ จะทำให้ยอมรับในฝีมือการทำงานของเราให้ได้

ปณิตาคิดพลางชำเลืองมองชายหนุ่มโดยสีหน้ายังคงเรียบเฉย หญิงสาวเรียนรู้ที่จะเก็บอารมณ์ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามถือเป็นข้อได้เปรียบได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นความสามารถอันฉกาจฉกรรจ์เลยทีเดียว จึงมั่นใจว่าไม่มีทางที่เจ้านายจอมเขี้ยวจะมารู้ทันความคิดของเธอ

รถคันสีดำที่ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงบแล่นบนถนนไปในทิศทางสู่สำนักงานได้เกือบสิบนาทีก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งกำลังคึกคักด้วยลูกค้าในเวลาเที่ยงวัน

สีหราชเปิดประตูรถ เดินดุ่มเข้าไปในร้านอาหาร โดยมีคนตัวสั้นรีบก้าวลงมาแล้วเร่งฝีเท้าตาม พร้อมทั้งนึกขุ่นใจเจ้านายที่ไม่ว่าคิดทำสิ่งใดก็ไม่เคยบอกกล่าวให้รู้ตัวเลยสักครั้ง

ปณิตาเดินตามทันคนร่างสูงใหญ่เมื่อเขาชะลอฝีเท้ารอพนักงานในร้านเพื่อนำไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจองไว้ล่วงหน้า พอไปถึงหญิงสาวจึงทรุดนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามเขาโดยไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยเชื้อเชิญ

“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ” สีหราชบอกขณะรับเมนูจากพนักงานในร้านแล้วส่งต่อให้หญิงสาว ท่าทีนิ่งเงียบของเธอทำให้เขาอยากเอาใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ปณิตากวาดสายตามองรายการอาหารก่อนจะสั่งผัดผักมาอย่างเดียว แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชายหนุ่มที่สั่งเพิ่มมาอีกสามรายการโดยไม่ต้องเปิดดูจากเมนู กระทั่งพวกเขาได้อยู่ตามลำพัง หญิงสาวก็กลายเป็นเป้านิ่งให้ชายหนุ่มจ้องมอง ก่อนเขาจะตั้งคำถาม

“ถามจริงๆ เถอะ ถ้าคุณรู้ว่าเป็นผมที่ติดต่อให้ทำงาน คุณจะมาหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ”

เมื่อเขาถามจริงๆ หล่อนก็ตอบตรงๆ ไปตามนั้น สีหราชฟังแล้วหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า

“ไหนคุณบอกว่าไม่โกรธผมแล้วไง ผมอุตส่าห์นึกชื่นชมว่าคุณเป็นผู้หญิงมีเหตุผล ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น”

“ฉันไม่เคยบอกคุณว่าไม่โกรธ คุณคิดเองเออเองทั้งนั้น” ปณิตาโต้ทันควัน เมื่อรู้สึกว่าโดนอีกฝ่ายยัดเยียดข้อหาไม่เป็นธรรมให้

“โอเค ผมยอมรับว่าคุณไม่เคยพูดว่าไม่โกรธผม อย่างนี้ผมสรุปได้เลยไหมว่าคุณยังโกรธผมเพราะเรื่องนั้นอยู่ คุณคิดว่าลูกค้าบริษัทคนอื่นๆ รู้ข่าวหมกเม็ดเหล่านั้นจากผม ทั้งที่จริงก็เป็นเรื่องที่พวกเขาควรรู้นั่นแหละ”

“ใช่ พวกเขาควรรู้ แต่มันควรมีวิธีอื่น วิธีที่ไม่ทำให้ฉันตกงาน ฉันไม่ใช่คนดีผู้เสียสละหรอกนะ จู่ๆ ต้องโดนไล่ออกจากงาน ใครไม่มาเป็นฉันคงไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน” น้ำเสียงสั่นเครือในตอนท้าย ทำให้สีหราชใจอ่อนยวบด้วยความสงสาร

“ปณิตา สิ่งที่คุณทำมันถูกต้องแล้วนะ และผมก็คิดว่าคุณรู้ดีทีเดียว ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่โทร. มาบอกผมซึ่งเป็นลูกค้าคนหนึ่งให้รู้ ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วคุณก็อยากให้ลูกค้าคนอื่นรู้ด้วยเช่นกัน”

สีหราชพูดเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจหญิงสาว ปณิตาสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองหลอกลวงใครหลายคนให้มาซื้อสินค้าโดยไม่ยอมบอกข้อเท็จจริงให้พวกเขารู้ ครั้นจะบอกกล่าวกัน เธอก็ยังกลัวผลกระทบที่จะตามมา

แล้วในวันหนึ่งหลังจากเลิกงานกลับถึงบ้าน ปณิตาก็ทนความกดดันไม่ไหว จึงตัดสินใจโทร. ไปหาสีหราชเพื่อบอกความจริงทั้งหมด หล่อนไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใดถึงเชื่อว่าเขาจะสามารถต่อกรกับเจ้านายเก่าผู้มีเขี้ยวเล็บรอบตัวได้ และสิ่งที่หล่อนหวัง สุดท้ายก็เป็นความจริง มิหนำซ้ำหญิงสาวยังได้ของแถมจากเขาเป็นการโดนไล่ออกจากงานด้วยเช่นกัน...

“ปณิตา คุณจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตามใจ ผมไม่ได้เป็นคนบอกเรื่องนี้ให้ลูกค้าคนอื่นรู้ แม้อยากจะทำก็ตามที เพราะผมไม่มีเวลาว่างพอ ความจริงการที่ผมตกลงซื้อสินค้าจากคุณในราคานับสิบล้าน โดยที่จ่ายเงินไปแล้วล่วงหน้าหนึ่งล้านนั้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมเลย แต่เพราะเป็นคุณที่โทร. มาหา ผมจึงทำทุกอย่างต่อด้วยตัวเอง ปกติเรื่องพวกนี้ผมมีลูกน้องทำแทนอยู่แล้ว...ไม่นานคุณจะรู้เองว่าผมทำไปทำไม” น้ำเสียงชายหนุ่มหนักแน่นยิ่งนัก ดวงตาคมก็ฉายแววจริงจัง จนหญิงสาวรู้สึกตื้อในลำคอ ก่อนจะตัดบทเมื่อรู้สึกจนคำพูดตัวเอง

“ช่างมันเถอะค่ะ ยังไงตอนนี้ฉันก็ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่นั่นอีกแล้ว”

“ครับ”

สีหราชโอนอ่อนตาม และเมื่อเด็กเสิร์ฟทยอยนำอาหารมาวางบนโต๊ะ สองหนุ่มสาวจึงเริ่มรับประทานกันอย่างเงียบๆ ปณิตากินไปอย่างฝืดคอ ทั้งที่ตอนเดินเข้ามาในร้านก็รู้สึกหิวด้วยซ้ำ กระทั่งผ่านไปสักพักจึงวางช้อนลง เพราะฝืนทนละเลียดอีกไม่ไหว หากสีหราชที่เหลือบมองหญิงสาวก็ไม่คิดจะเซ้าซี้เช่นกัน เขายังคงจัดการกับอาหารไปเรื่อยๆ จนลูกค้าในร้านเริ่มบางตา ไม่นานชายหนุ่มก็วางช้อนตามอีกคน

ปณิตาจับตามองท่าทีของคนที่นั่งตรงกันข้าม หลังจากเรียกพนักงานในร้านมาเก็บเงินแล้ว ชายหนุ่มก็ยังนิ่งเฉย แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยถามด้วยประโยคที่ทำให้เธอรู้สึกอัดแน่นในอกขึ้นมา

“คุณมาทำงานแบบนี้ครอบครัวไม่ว่าใช่ไหม แล้วแฟนของคุณล่ะ เขายอมปล่อยคุณมาได้ยังไง”

“ไม่มี” คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำที่กำลังเปล่งประกายตาวับๆ ตอบเสียงสะบัด คนถามพยักหน้าช้าๆ พลางหรี่ตามองอย่างประเมิน จนคนถูกมองรู้สึกคันปากยิบ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดปกป้องสิทธิ์ตัวเองออกมา

“นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉันนี่คะ”

“ใช่ เรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ผมถามเพื่อให้รู้ว่าลูกจ้างจะทำงานที่นี่ได้นานแค่ไหน หรือจะมีปัญหาอะไรตามมาภายหลังบ้าง” เหตุผลของนายหนุ่มทำให้ลูกน้องสาวเงียบเสียงลง พร้อมสรุปในใจว่าคำกล่าวของเขาก็พอจะฟังขึ้นอยู่บ้าง

และไม่ทันที่ปณิตาจะทันคิดสิ่งใดต่อ สีหราชก็ผุดลุกจากเก้าอี้ หญิงสาวจึงเงยหน้ามองตาม

“กลับหรือคะ”

“อืม” สิ้นคำตอบจากลำคอหนา เจ้าของท่อนขายาวก็ก้าวลิ่วนำทันที หากอีกคนเพิ่งได้ลุกออกจากเก้าอี้ และด้วยช่วงขาที่ยาวต่างกัน กว่าเธอจะจ้ำตามได้ทันก็กระทั่งมาถึงรถที่จอดด้านหน้าร้านแล้ว ครั้นมือบางทำท่าจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหน้าคู่คนขับ ก็ได้ยินเสียงจากคนที่ยืนอยู่ข้างประตูรถตอนหลัง

“มานั่งหลังสิ ปณิตา”

หญิงสาวเหลือบมองเจ้าของคำสั่ง เมื่อเห็นใบหน้าคมสันเรียบเฉย จึงผละไปเปิดประตูตอนหลังก้าวไปนั่งข้างเขา

“กลับออฟฟิศ”

สีหราชบอกคนขับ หลังจากทั้งสองคนเข้ามานั่งข้างในเรียบร้อยแล้ว รถแล่นบนถนนสายหลักมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองชลบุรี ก่อนจะเลี้ยวไปทางถนนสายรองเพื่อกลับสู่สำนักงาน

เมื่อเห็นคนนั่งข้างมองออกนอกหน้าต่างโดยไม่สนใจเธอ ปณิตาจึงเอนกายหวังจะคลายความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาครึ่งค่อนวัน เพียงไม่กี่นาทีร่างเล็กก็งีบหลับไป กระทั่งมาสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงจากพาหนะพร้อมกับร่างกายคล้ายจะถูกโยนขึ้นกลางอากาศ จากนั้นหูก็อื้ออึงด้วยเสียงแปลกประหลาดเหมือนวัตถุกระแทกอย่างรุนแรง

โครม...

“กรี๊ดดด!”

ปณิตากรีดร้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วร่างหล่อนก็ถูกกระชากเข้าไปสู่สถานที่อันอบอุ่นปลอดภัย หากเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นแผงอกกว้างในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินคุ้นตา และเสียงห้าวที่ดังเหนือศีรษะก็เร่งให้เธอต้องเรียกสติคืน

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

ปณิตาเงยหน้าถามด้วยความตกใจแกมประหลาดใจ เมื่อเห็นรถที่ตนอาศัยมาจอดนิ่งสนิทอยู่ข้างถนน และคนขับรถก็กำลังก้มๆ เงยๆ สำรวจความเสียหายอยู่ด้านนอก

“รถบรรทุกวิ่งตัดหน้า คนขับเลยเบี่ยงหลบ จนตกข้างทางอย่างที่เห็นนี่แหละ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ แต่ฉันตกใจที่เมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนรถชน แล้วรถก็สั่นไปหมดเลย”

“คนขับรถของผมหลบได้อย่างฉิวเฉียดน่ะสิ ด้านที่คุณนั่งเลยครูดเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง”

สีหราชพูดจบก็เปิดประตูรถแล้วดึงคนตัวเล็กก้าวออกมาพร้อมกัน เขามองหล่อนด้วยสายตาสำรวจอย่างห่วงใย จนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองไปเสียสนิท ไม่กี่นาทีจากนั้น รถอีกคันก็แล่นปราดมาจอดใกล้ๆ สีหราชพูดบางอย่างกับคนรถของเขาและตำรวจสายตรวจที่ตามมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่มือแข็งแรงจะยื่นมาประคองร่างหญิงสาวที่ยังไม่คลายจากความตกใจให้เข้าไปนั่งในรถคันใหม่เพื่อกลับสำนักงานตามความตั้งใจเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel