บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

บทที่ 2

เกิดมาเป็นคนรับใช้ในบ้านของเจ้าสัวสารัชช่างลำบากยิ่งนัก นอกจากต้องทำงานแทบจะทั้งคืน จนกระทั่งไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ในเช้าของวันนี้ทั้งฮาคิมและมารดา รวมทั้งคนรับใช้คนอื่นๆ ต่างก็ต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งๆ ที่เพิ่งล้มตัวลงนอนไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ทุกคนต้องตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตนเอง ฮาคิมตื่นมาล้างรถยนต์ของเจ้าสัวสารัช ส่วนผู้เป็นมารดาต้องจัดเตรียมอาหารมื้อเช้าเพื่อเจ้าสัวสารัชและแขกคนสำคัญที่พักค้างแรมในบ้านของเจ้าสัวด้วย

เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารมื้อเช้า พรวลัยก็จัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย รอเจ้าสัวสารัชเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับแม่เลี้ยงรุจิรา

“เชิญแม่เลี้ยงนั่งก่อนครับ” เจ้าสัวสารัชทำหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี คอยเลื่อนเก้าอี้ให้แม่เลี้ยงรุจิราได้ทรุดตัวลงนั่งด้วย

“ขอบคุณค่ะ เจ้าสัว” แม่เลี้ยงรุจิราทรุดตัวลงนั่ง พลางกวาดสายตามองหาภรรยาคนสวยของเจ้าสัว “ดารินไม่ลงมาทานข้าวด้วยกันหรือคะ”

“เดี๋ยวดารินลงมาครับ เห็นบ่นว่าปวดท้อง คงกำลังหายากินอยู่ครับ” ขณะเอ่ยตอบ เจ้าสัวสารัชก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ กับแม่เลี้ยงรุจิรา

“ค่ะ หวังว่าดารินคงไม่เป็นอะไรมากนะคะ” แม่เลี้ยงรุจิราพยักหน้ารับ โดยไม่ลืมกล่าวถึงภรรยาของเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง

“โรคประจำตัวของเขานะครับ อาการกำเริบอยู่บ่อยๆ ได้กินยาแล้วเดี๋ยวก็จะดีขึ้นครับ”

เจ้าสัวสารัชเอ่ยตอบราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก ก่อนจะผายมือเชิญแม่เลี้ยงรุจิรา

“เชิญแม่เลี้ยงลงมือทานข้าวเลย ไม่ต้องแขวนท้องรอดารินหรอกครับ”

“ก็ได้ค่ะ ถ้ายังงั้นฉันไม่รอแล้วนะคะ”

แม่เลี้ยงรุจิราหลุบสายตาลงมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า พลางเบิกตาโตเอ่ยถามด้วยความแปลกใจหลังจากได้เห็นอาหารน่ารับประทานเหล่านี้

“ใครทำอาหารพื้นเมืองของทางเหนือคะ สีสันน่ารับประทานมากๆ ค่ะ”

“พรวลัยนะครับ เป็นแม่บ้านของที่นี่ เธอเป็นชาวเหนือเหมือนแม่เลี้ยง ก็เลยทำอาหารทางเหนือได้ทุกอย่าง แถมอร่อยซะด้วยครับ”

แม่เลี้ยงรุจินาหันไปมองตามที่เจ้าสัวสารัชเอ่ยบอก แล้วก็เห็นหญิงสาวในวัยค่อนคน รูปร่างผอมบางยืนอยู่ตรงมุมห้องอาหาร

“คนนี้หรือคะ เจ้าสัว”

“ครับ”

แม่เลี้ยงรุจิราหันไปมองแม่บ้านคนดั่งกล่าวอีกครั้ง พลางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“พรวลัย เธอเป็นคนจังหวัดอะไรจ๊ะ”

“เชียงใหม่ค่ะ แต่อาจจะทำอาหารพื้นเมืองได้ไม่ถูกปากแม่เลี้ยงสักเท่าไร”

พรวลัยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สีหน้าติดซีดเซียวและอิดโรย เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาได้นอนแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

“อืม...ทำอาหารเหนือได้น่าทาน เดี๋ยวฉันจะลองกินดูก่อนว่ารสชาติเป็นยังไง ใช่อาหารเหนือแท้ๆ ไหม”

ว่าแล้วแม่เลี้ยงรุจิราก็ตักอาหารส่งเข้าปาก ก่อนจะเบิกตาโตแล้วเอ่ยชมไม่หยุดปาก

“ทำได้อร่อยมาก ได้รสชาติอาหารเหนือแท้ๆ เลย แบบนี้ฉันเจริญอาหารแน่ๆ”

“ขอบคุณแม่เลี้ยงที่ชมค่ะ แค่แม่เลี้ยงบอกว่าอร่อย พรก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ”

พรวลัยคลี่ยิ้มบางๆ ขณะยกมือไหว้ขอบคุณกับคำชมจากแม่เลี้ยงรุจิรา

“ผมดีใจที่แม่เลี้ยงชอบ ทำให้ผมรู้สึกว่าได้ทำการต้อนรับแม่เลี้ยงโดยไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะผมกลัวว่าแม่เลี้ยงจะตำหนิว่าดูแลแม่เลี้ยงได้ไม่ดี”

เจ้าสัวสารัชตักกับข้าวใส่บนจานให้กับแม่เลี้ยงรุจิราด้วย ดูแลเพื่อนรักผู้นี้เป็นอย่างดี ไม่ให้อีกฝ่ายต่อว่าตนเองกับภรรยาได้

“แหม...เจ้าสัวจองตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจทั้งไปและกลับให้ แถมให้มาพักฟรี กินฟรีที่บ้านของเจ้าสัว ใครจะกล้าตำหนิอีกละคะ”

แม่เลี้ยงรุจิราแสร้งต่อว่ายิ้มๆ และพอมองไปยังประตูห้องอาหาร เห็นดารินภรรยาสาวของเจ้าสัวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าติดซีดเซียว ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ดาริน เป็นยังไงบาง หายปวดท้องหรือยัง”

ดารินทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับแม่เลี้ยงรุจิรา ฝืนยิ้มบางๆ ขณะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอิดโรย

“ดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ แม่เลี้ยง สงสัยเมื่อคืนดื่มแชมเปญมากไปหน่อย เลยทำให้อาการปวดท้องกำเริบนะคะ”

“ผมเตือนคุณแล้วให้เพลาๆ หน่อย คุณก็ไม่ฟังผม” เจ้าสัวสารัชต่อว่าไม่จริงจังนัก

และผู้เป็นภรรยาก็มองค้อนขณะแก้ต่างให้กับตนเอง “แหม...นานทีปีหนที่ดาจะดื่มแชมเปญ แล้วเมื่อคืนก็เป็นวันเกิดของเจ้าสัวด้วย ขืนดาไม่ดื่มกับแขก ก็น่าเกลียดแย่สิค่ะ”

“ที่ดารินพูดก็ถูก เจ้าสัวอย่าไปตำหนิเธอเลยค่ะ” แม่เลี้ยงรุจิราเห็นด้วยกับเหตุผลของดาริน พลางหันมาเอ่ยบอกต่อ “ถ้าอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบไปหาหมอนะ”

“ค่ะ แม่เลี้ยง”

“เดี๋ยวไปส่งแม่เลี้ยงที่สนามบินเสร็จแล้ว ผมจะพาดารินไปหาหมอด้วยครับ”

“ดีค่ะ ตรวจเสร็จแล้ว เจ้าสัวโทร.บอกดิฉันด้วยนะคะ ว่าดารินเป็นอะไรมากหรือเปล่า ดิฉันจะได้สบายใจและหายห่วงด้วย” แม่เลี้ยงรุจิราสั่งกำชับกำชา

“ได้ครับ แม่เลี้ยง”

เจ้าสัวสารัชพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้างด้วย แม่เลี้ยงรุจิรามีน้ำใจและเป็นห่วงเป็นใยครอบครัวของเขาเสมอ

ดารินยกมือไหว้ขอบคุณแม่เลี้ยง “ขอบคุณแม่เลี้ยงมากค่ะ ไม่ว่ากี่ปีจะผ่านไป แม่เลี้ยงก็เห็นดารินเป็นลูกหลานและเป็นห่วงอยู่เสมอ”

“ไม่ต้องยกมือไหว้หรอกดาริน เราคนกันเองแท้ๆ” แม่เลี้ยงรุจิรายกมือรับไหว้แทบไม่ทัน พลางชี้นิ้วไปยังอาหารมากมายที่อยู่บนโต๊ะอาหาร

“ทานข้าวกันเถอะ เสร็จแล้วเจ้าสัวจะได้ไปส่งฉันที่สนามบิน”

“ค่ะ แม่เลี้ยง”

ดารินรับคำ ตักอาหารเหนือรสชาติดีฝีมือของพรวลัยส่งเข้าปาก แต่แล้วก็ต้องชะงักเล็กน้อยกับคำถามของแม่เลี้ยงรุจิรา

“ว่าแต่หนูนาราหายไปไหน ดิฉันไม่เห็นหลานตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าจะถามหาก็ลืม เช้านี้ก็ไม่เห็นลงมาทานข้าวเช้ากับพวกเรา”

ขณะเอ่ยถาม แม่เลี้ยงรุจิราก็กวาดสายตามองไปยังประตูห้องอาหาร เผื่อว่าจะเห็นหลานสาวตัวน้อยเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วย

ดารินแสร้งเป็นหยิบน้ำมาดื่ม พลางมองสบตากับเจ้าสัวผู้เป็นสามี ส่งสัญญาณให้เจ้าสัวเป็นตอบคำถามของแม่เลี้ยงรุจิรา

“เอ่อ...เมื่อคืนนาราไม่ค่อยสบายนะครับ เด็กเล็กก็แบบนี้แหละครับ ป่วยบ่อย เป็นหวัดบ่อย แถมยังงอแงด้วย ผมก็เลยให้พี่เลี้ยงพาอยู่แต่ในห้องนอน เพราะกลัวนาราจะงอแงทำให้แขกรำคาญได้”

แม่เลี้ยงรุจิราพยักหน้ารับ “แล้วนี่นาราได้กินข้าว กินยาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ แม่เลี้ยง ก่อนจะลงมาทานข้าว ดารินแวะไปที่ห้องนอนของนารา เห็นพี่เลี้ยงให้กินข้าวและกินยาหลังอาหารแล้วค่ะ”

“อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งเด็ก ทั้งคนแก่อย่างเราก็พลอยไม่สบายไปด้วย”

แม่เลี้ยงรุจิราบ่นอุบ จากนั้นก็ลงมือรับประทานอาหารมื้อเช้าต่อ กระทั่งทุกคนรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ต่างก็ลุกเดินออกจากห้องอาหาร เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปสนามบินในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

“ดิฉันไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ เจ้าสัวรอไม่นานหรอกค่ะ”

“ครับ แม่เลี้ยง เดี๋ยวผมขึ้นไปยกกระเป๋าเดินทางของแม่เลี้ยงลงมานะครับ”

แม่เลี้ยงรุจิราพยักหน้ารับ พลางเดินขึ้นบันไดบ้านทรงโค้งสวยงามเพื่อตรงไปยังห้องนอนของตนเอง และเมื่อเข้ามาในห้อง คว้ากระเป๋าสะพายมาเปิดดูข้าวของบางอย่าง ก็ถึงกับเบิกตาค้างจากอาการช็อก ก่อนจะหวีดเสียงร้องกรี๊ดดังลั่นห้องนอนเลยทีเดียว

“กรี๊ดดด!!!”

“แม่เลี้ยง!!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel