บทย่อ
ความแค้นฝังแน่นอยู่ในหัวอก ต่อให้ผ่านไปกี่ปีก็ไม่สายที่จะแก้แค้น และหญิงสาวที่ต้องตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ก็ต้องกลายเป็นเครื่องบำบัดแค้นเพราะความจำยอม ทว่า...ความรักอันพิสุทธิ์ก็สามารถทลายกำแพงแค้นได้ในที่สุด
บทที่ 1
บทที่ 1
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวสารัช บนเนื้อที่นับสิบไร่ในค่ำคืนนี้ คลาคล่ำไปด้วยบรรดามหาเศรษฐีจากทั่วทุกสารทิศของประเทศไทย ที่ได้เดินทางมาร่วมงานวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของเจ้าสัวสารัชผู้มั่งคั่งและเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการธุรกิจ
“สุขสันต์วันเกิดครับเจ้าสัว ขอให้อายุมั่นขวัญยืนครับ”
“มีความสุขมากๆ นะคะ เจ้าสัว”
“ขอให้สุขภาพแข็งแรง อยู่กับลูกกับหลานตลอดไปครับ”
บรรดาแขกเหรื่อที่ทยอยเข้ามาภายในบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงในวันนี้ ต่างก็เข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับเจ้าสัวสารัช
“ขอบใจ...ขอบใจทุกๆ คนมาก เชิญทุกคนตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจกัน อยากดื่ม อยากรับประทานอะไร บอกผมได้เลยครับ”
เจ้าสัวสารัชฉีกยิ้มหน้าบาน ขณะเอ่ยขอบคุณบรรดาเพื่อนฝูง จากนั้นก็หันไปยื่นกล่องของขวัญให้กับภรรยาสาวแสนสวย พร้อมกับกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ดาริน...กล่องเล็กๆ พวกนี้น่าจะเป็นของมีค่า คุณเอาไปเก็บไว้ในเซฟก่อนนะ”
“ค่ะ เจ้าสัว”
ดาริน เป็นภรรยาคนที่สอง ที่เจ้าสัวสารัชแต่งงานด้วยหลังจากภรรยาคนแรกได้เสียชีวิตลง ดารินยังสาวและสวยอีกทั้งอายุอ่อนกว่าเจ้าสัวสารัชเกือบยี่สิบปี ได้พยักหน้ารับคำ พลางรวบรวมของขวัญชิ้นใหญ่ๆ ไปวางไว้บนโต๊ะโชว์ ส่วนกล่องเล็กๆ ซึ่งผู้เป็นสามีคาดเดาว่าอาจจะเป็นของขวัญที่มีมูลค่าแพง ก็แยกใส่กระเป๋าสะพายใบเล็ก ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในห้องนอนตามคำสั่งของเจ้าสัว
ทว่า...ดารินไม่ทันได้เดินออกจากบริเวณที่ยืนต้อนรับแขกพร้อมกับเจ้าสัวสารัช ก็ต้องตะลึงงันเมื่อเห็นเพื่อนรักของสามี ได้เดินเข้ามาในบริเวณงานเลี้ยง ไม่ใช่แค่ชุดราตรีสีน้ำเงินหรูหรายี่ห้อดังในต่างประเทศเท่านั้น ที่ทำให้แขกเหรื่อต้องตกตะลึง แต่มีสิ่งอื่นที่สะกดสายตา ทำให้ดารินและทุกคนต้องเบิกตาโตจ้องมองเป็นสายตาเดียวกันก็คือ ชุดเครื่องเพชรมูลค่า
หลายล้าน ที่แม่เลี้ยงรุจิราได้สวมใส่มาร่วมงานวันเกิดของเจ้าสัวสารัชในค่ำคืนนี้
“สุขสันต์วันเกิดค่ะ เจ้าสัว”
แม่เลี้ยงรุจิรามหาเศรษฐีนีแห่งจังหวัดเชียงใหม่ เอ่ยอวยพรเสียงหวานพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญขนาดใหญ่ให้กับเจ้าสัวสารัชผู้เป็นเพื่อนรัก
“ขอบคุณมากครับ แม่เลี้ยง”
เจ้าสัวสารัชรีบยื่นมือไปรับกล่องของขวัญจากแม่เลี้ยงรุจิรามาถือไว้ ก่อนจะยื่นให้กับภรรยาสาวต่อ
“ขอให้อายุยืนหมื่นๆ ปีค่ะ”
แม่เลี้ยงรุจิราอวยพรต่อกลั้วเสียงหัวเราะร่วน ทำเอาผู้เป็นเจ้าของวันเกิดอดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นเดียวกัน
“อย่าให้ถึงหมื่นปีเลยครับแม่เลี้ยง ขออายุยืนสักร้อยปีก็พอแล้วครับ” เจ้าสัวสารัชหัวเราะเสียงดัง บ่งบอกถึงความสุขใจ ก่อนจะสวมกอดแม่เลี้ยงรุจิราไว้แน่น
“ขอบคุณแม่เลี้ยงที่สละเวลามาร่วมงานวันเกิดของผมครับ”
“แหม...จะไม่มาได้ยังไงละคะ เจ้าสัวอุตส่าห์จองตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจให้ ทั้งขาไปและขากลับ แถมยังให้เกียรติให้ดิฉันเป็นแขกคนพิเศษพักในบ้านของเจ้าสัวด้วย ขืนไม่มาก็เสียน้ำใจแย่สิค่ะ”
แม่เลี้ยงรุจิราสัพยอกยิ้มๆ เจ้าสัวสารัชให้เกียรติมากถึงเพียงนี้ ของขวัญที่นำมาให้เป็นของกำนัลในวันเกิดก็มีราคาค่างวดมากพอสมควร
“ผมไม่อยากให้แม่เลี้ยงไปพักในโรงแรมเพียงลำพัง เลยคิดว่าพักที่บ้านของผมจะดีกว่า เพราะบ้านของผมก็หรูหราไม่แพ้โรงแรมห้าดาว” เจ้าสัวสารัชให้เหตุผลที่ฟังดูดียิ่งนัก
“อันนี้ดิฉันเห็นด้วยค่ะ ใครๆ ก็รู้ว่าบ้านของเจ้าสัว สวยและหรูหราที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้”
แม่เลี้ยงรุจิราเอ่ยตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง แน่นอนว่าการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่มายังกรุงเทพฯ เพื่อร่วมฉลองงานวันเกิดของเจ้าสัวสารัชในวันนี้ เจ้าสัวได้จองตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจให้กับเธอ แถมยังให้พักในคฤหาสน์หลังหรู ซึ่งไม่เคยอนุญาตให้เพื่อนคนไหนมานอนพักอาศัยแม้แต่คนเดียว ในเมื่อเพื่อนรักให้เกียรติมากถึงเพียงนี้ จะไม่มาอวยพรวันเกิดก็คงไม่ได้แล้ว
“เชิญแม่เลี้ยงทางนี้ดีกว่าครับ เพื่อนๆ ร่วมรุ่นมากันเกือบครบแล้ว พวกเขากำลังรอแม่เลี้ยงอยู่ครับ” เจ้าสัวสารัชผายมือเชื้อเชิญ
และแม่เลี้ยงรุจิราก็พยักหน้ารับ ก้าวเดินตามแรงประคองของเจ้าสัว “ค่ะ เจ้าสัว ดิฉันก็อยากเจอเพื่อนๆ เหมือนกันค่ะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไม่รู้ว่าแต่ละคนสบายดีไหม”
“ถ้ายังงั้นเชิญเลยครับ”
ขณะประคองให้แม่เลี้ยงรุจิราเดินไปหาบรรดาเพื่อนๆ เจ้าสัวสารัชก็ไม่ลืมหันมามองภรรยาสาว พร้อมกับทำปากขมุบขมิบส่งสัญญาณให้ภรรยาเอากล่องของขวัญบางกล่องไปเก็บไว้ในตู้เซฟ รวมทั้งกล่องของขวัญที่ได้รับจากแม่เลี้ยงรุจิราด้วย
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้าสัวสารัชเต็มไปด้วยความครึกครื้น มีวงดนตรีออร์เคสตราชุดใหญ่เพื่อให้สมกับฐานะของเจ้าภาพ มาบรรเลงขับกล่อมภายในงานเลี้ยง และด้วยแขกเหรื่อที่เชิญมาร่วมงานเกือบสามร้อยคน ทำให้เด็กเสิร์ฟจากโรงแรมต่างก็ทำงานมือเป็นระวิงและเสิร์ฟไม่ทัน กระทั่งต้องเกณฑ์คนรับใช้ในบ้านมาช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารด้วย
“ฮาคิม...มาเล่นด้วยกันไหม นาราเบื่อจังเลย ไม่มีใครเล่นกับนาราสักคน”
คุณหนูนารากรในวัยสิบขวบเดินไปกระตุกต้นแขนของเพื่อนเล่นของเธอ และด้วยอีกฝ่ายตัวค่อนข้างสูงใหญ่ตามแบบฉบับของลูกครึ่ง ทำให้หนูน้อยต้องเงยหน้าขึ้นมองในตลอดเวลาที่เอ่ยขอร้องเขา
‘ฮาคิม ฟาซิสส์’ เด็กหนุ่มลูกครึ่งตุรกี-ไทยในวัยสิบหกปี หลุบสายตามองเพื่อนเล่นต่างวัย ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ เพื่อเป็นการปฏิเสธ
“ไม่ได้หรอกครับ คุณหนูนารา ผมไปเล่นกับคุณหนูในตอนนี้ไม่ได้ ผมต้องไปช่วยพี่ๆ เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มให้กับแขกในงานเลี้ยงครับ”
“ฮาคิมก็ให้คนอื่นเสิร์ฟสิ แล้วฮาคิมไปเล่นกับนารา”
หนูน้อยนารากรเอ่ยต่อรอง ตีสีหน้าหงิกหน้าหงอไม่พอใจ เมื่อฮาคิมไม่ตามใจเธอ และไม่ไปเล่นด้วยกันเหมือนที่ผ่านๆ มา
ฮาคิมมองคุณหนูนารากรอย่างอ่อนใจขณะส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยบอกถึงเหตุผลที่ตนเองไม่สามารถไปเล่นกับเธอได้
“ตอนนี้ผมไปเล่นกับคุณหนูนาราไม่ได้จริงๆ ครับ แขกของเจ้าสัวมีเป็นร้อยและกำลังเดินทางมาเรื่อยๆ พนักงานเสิร์ฟมีแค่ไม่กี่สิบคน ผมต้องมาช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่ม ไม่เช่นนั้นจะถูกเจ้าสัวด่าเอาได้”
หนูน้อยนารากรหันไปมองบรรยากาศภายในงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ซึ่งสิ่งที่ฮาคิมพูดมานั้นไม่มีผิด มีแขกมาร่วมอวยพรวันเกิดของบิดาเธอค่อนข้างมาก จนพนักงานเสิร์ฟทำงานไม่ได้หยุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนูน้อยก็ยังอยากให้ฮาคิมมาเล่นกับเธออยู่ดี
“ทำไมไม่จ้างคนมาเยอะๆ ฮาคิมจะได้ไม่ต้องออกมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม และไปเล่นกับนาราแทน”
ฮาคิมลอบหายใจยาวกับเสียงบ่นอุบของคุณหนูตัวเล็ก มือข้างหนึ่งผละจากถาดเงินที่กำลังถืออยู่ ก่อนจะแกะมือเล็กของหนูน้อยนารากรให้พ้นจากต้นแขนของตน
“ผมต้องไปเสิร์ฟเครื่องดื่มแล้วนะครับ ถ้าช้ากว่านี้จะถูกคุณดารินด่าได้”
ใบหน้าของหนูน้อยนารากรถอดสีเล็กน้อยกับคำพูดของฮาคิม มือเล็กทิ้งลงข้างลำตัว ก้มหน้าลงด้วยความเสียใจที่อีกฝ่ายไปเล่นกับเธอไม่ได้
“นาราเหงา ไม่มีใครอยู่เล่นกับนาราสักคน แต่ฮาคิมไปทำงานต่อเถอะ นาราขึ้นไปดูการ์ตูนในห้องนอนคนเดียวก็ได้”
น้ำเสียงตัดพ้อของหนูน้อยนารากร ทำให้ฮาคิมซึ่งก้าวเดินไปข้างหน้าได้สองสามก้าวแล้วต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ พอหันมาเห็นสีหน้าอันเศร้าสลด ตาแดงๆ เหมือนเจ้าตัวกำลังจะร้องไห้ ก็ต้องถอนหายใจลึก ก่อนจะเดินย้อนกลับมาหาหนูน้อยพร้อมกับเอ่ยบอกว่า
“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเสิร์ฟเครื่องดื่มรอบนี้เสร็จแล้ว ผมจะมาเล่นกับคุณหนูนารานะครับ”
คำพูดของฮาคิมช่วยให้หนูน้อยนารากรคลี่ยิ้มออกมาได้ ร่างเล็กถลาเข้าไปใกล้ พลางเอื้อมมือไปจับต้นแขนของฮาคิมแล้วเขย่าด้วยความดีใจขณะเอ่ยย้ำ
“จริงหรือฮาคิม คุณจะมาเล่นกับนาราจริงๆ ใช่ไหม”
ฮาคิมพยักหน้ารับ “ครับ คุณหนูรอผมอยู่แถวๆ นี้ก็แล้วกันครับ”
“ค่ะ นาราจะรอฮาคิมนะ” คุณหนูนารากรรีบรับคำรัวเร็ว เพราะกลัวว่าฮาคิมจะเปลี่ยนใจไม่มาเล่นกับเธอ ดั่งที่อีกฝ่ายได้รับปากไว้
ฮาคิมพยักหน้ารับอีกครั้งพร้อมกับอมยิ้มให้กับคุณหนูนารากรด้วย และขณะหมุนตัวเดินออกจากบริเวณดั่งกล่าวเพื่อไปทำหน้าที่ของเด็กเสิร์ฟ เด็กหนุ่มก็ลอบถอนหายใจยาวเมื่อความจริงปรากฏอยู่แก่ใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงตากลมโตที่จ้องมองเขาด้วยแววตาชื่นชม หรือเพราะรอยยิ้มหวานๆ ของหนูน้อยที่ขยันยิ้มให้กับเขา ซึ่งทำให้ไม่เคยปฏิเสธความต้องการของคุณหนูนารากรได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว