บทที่ 2
หนูน้อยนารากรทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เพื่อรอเวลาที่ฮาคิมทำงานเสร็จและมาเล่นกับเธอตามสัญญา แต่นั่งรอได้ไม่ถึงสิบนาที ก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจกับน้ำเสียงเค้นเรียกจากผู้เป็นแม่เลี้ยง
“นารา! มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้!”
ดาริน ภรรยาของเจ้าสัวสารัช และเป็นแม่เลี้ยงของนารากร ไม่ได้เค้นถามปากเปล่าเท่านั้น เธอเข้าไปคว้าต้นแขนของหนูน้อยแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ด้วย
หนูน้อยนารากรนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เพราะถูกบีบต้นแขนเต็มแรง ร่างเล็กถลาตามแรงกระชากของแม่เลี้ยง สีหน้าและแววตาเผยความหวาดกลัวให้เห็นขณะเอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อ...นารา...รอ...รอฮาคิมค่ะ คุณแม่”
“รอมันทำไม”
ดารินกระชากถามเสียงดัง เมื่อไม่มีใครอยู่ได้ยินและเห็นการกระทำของเธอที่ปฏิบัติต่อลูกเลี้ยง ก็ไม่จำต้องเล่นละครตบตาเพื่อแสร้งทำเป็นรักและเอ็นดูนารากร เพราะในความเป็นจริงแล้ว เธอเกลียดลูกเลี้ยงคนนี้เข้ากระดูกดำ ยิ่งเธอไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้ ก็ยิ่งเกลียดลูกติดของสามีมากเท่านั้น
“ฮาคิม...จะมาเล่นกับ...นาราค่ะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบยังคงแฝงไปด้วยความหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็พยายามบิดต้นแขนให้พ้นจากอุ้มมือของแม่เลี้ยงดาริน ซึ่งจิกเล็บลงบนต้นแขนของเธอจนเจ็บระบมไปหมด
“ไม่ต้องรอมัน ไอ้ฮาคิมมันต้องไปช่วยคนอื่นเสิร์ฟเครื่องดื่ม เสิร์ฟอาหารให้กับแขก
จนกว่างานเลี้ยงจะเลิก จากนั้นมันต้องเก็บโต๊ะ ทำความสะอาดรอบๆ บ้านด้วย มันไม่มีเวลามา
เล่นกับใครทั้งนั้น และถ้าขืนมันอู้งานเพื่อมาเล่นไร้สาระกับแก มันจะโดนฟาดหลังลาย!”
เอ่ยถึงบทลงโทษให้นารากรต้องหน้าซีดเผือดด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแล้ว ก็เค้นเสียงไล่ลูกเลี้ยง โดยไม่ลืมขู่ให้หนูน้อยต้องหวาดกลัวด้วย
“กลับขึ้นไปบนห้องได้แล้ว อย่าลงมาเดินจุ้นจ้านให้ฉันเห็นอีก รออยู่ในห้องจนกว่าป้าแก้วจะขึ้นไปตามให้มาเป่าเค้กกับคุณพ่อ ถ้าไม่เชื่อฟัง รู้ใช่ไหมว่าจะเจอยังไง”
“ค่ะ...ค่ะ คุณแม่”
หนูน้อยนารากรพยักหน้ารับคำรัวเร็ว ไม่มีคิดขัดคำสั่งแม้แต่นิดเดียว หวาดกลัวกับคำขู่จนลนลาน ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด
“ไปได้แล้ว”
ไม่ได้ออกคำสั่งปากเปล่าเท่านั้น แต่ดารินได้ตบเต็มแรงไปบนแผ่นหลังของหนูน้อยนารากร จนร่างเล็กหัวคะมำไปข้างหน้าเกือบล้มลง
หนูน้อยนารากรรีบวิ่งกลับเข้าไปภายในคฤหาสน์ ตรงไปยังห้องนอนของตนเองโดยไม่คิดชีวิต พอเข้ามาในห้องนอนได้แล้ว ก็นั่งตัวสั่นเทาไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำอยู่บนเตียงนอน มือเล็กทั้งสองกอดร่างของตัวเองไว้ ใบหน้าของหนูน้อยซีดเผือดไร้สีเลือด นับได้ว่าวันนี้โชคดีหนักหนา ที่ไม่ถูกแม่เลี้ยงทำร้ายเหมือนที่ผ่านๆ มา
เมื่ออยู่ตามลำพัง และความหวาดกลัวที่มีต่อแม่เลี้ยงเริ่มลดลงแล้ว หนูน้อยนารากรก็เดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆ แง้มผ้าม่านออก เพื่อมองไปยังบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของบิดา และก็ได้เห็นฮาคิมทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟ เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มทั่วงานเลี้ยงไม่มีหยุดแม้นาทีเดียว
“ฮาคิม นาราขอโทษที่ไม่ได้อยู่รอคุณ”
หนูน้อยนารากรพึมพำด้วยความเสียใจ ก่อนจะเดินลากเท้ากลับมายังเตียงนอน พอทิ้งตัวลงบนเตียงได้แล้วก็ยกมือปิดใบหูทั้งสองข้าง เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงดนตรีอันครึกครื้น ทุกคนเต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน แต่เธอกลับต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวกับคำคาดโทษจากผู้เป็นแม่เลี้ยง
ทางด้านของฮาคิม เมื่อเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับบรรดาแขกเหรื่อได้หยิบเครื่องดื่มหลากหลายชนิดบนถาดเงินจนหมดแล้ว ก็รีบเดินกลับมายังจุดนัดพบที่ได้นัดกับคุณหนูนารากรไว้ แต่เมื่อเดินมาถึงบริเวณดั่งกล่าว ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง เพราะไม่เห็นนารากรแล้ว
“อ้าว...คุณหนูนาราหายไปไหนแล้ว” ฮาคิมพึมพำกับตนเอง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงกับเสียงที่เค้นดังมาจากข้างหลังของตน
“ไอ้ฮาคิม เมื่อไรจะไปเสิร์ฟเครื่องดื่ม ไม่เห็นหรือยังไงว่าแขกรอเครื่องดื่มอยู่ ถ้าฉันได้ยินแขกบ่นว่าแกบริการไม่ดี ไม่ได้รับเครื่องดื่ม พรุ่งนี้แกกับแม่ของแกโดนหนักแน่”
ดารินชี้นิ้วด่าและคาดโทษขี้ข้าอย่างฮาคิม เพราะรู้ว่าฮาคิมจะมาเล่นกับนารากร เธอจึงดักรอเพื่อเล่นงานคนรับใช้คนนี้
“ครับๆ ผมจะไปเสิร์ฟเครื่องดื่มเดี๋ยวนี้ครับ”
ฮาคิมรับคำและรีบทำตามคำสั่งในทันที ทั้งนี้เพราะเขาไม่ต้องการให้มารดาถูกทำโทษ แน่นอนว่าหากมีการลงโทษเกิดขึ้น มารดาของเขาจะถูกดารินทำร้ายด้วยการตบตี และหักเงินเดือนที่ได้รับอันน้อยนิดด้วย ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
ฮาคิมเดินกลับไปยังบริเวณที่จัดเตรียมเครื่องดื่ม พลางลอบถอนหายใจยาวขณะมองคนรับใช้คนอื่นๆ รวมทั้งมารดาของเขาด้วย ซึ่งทุกคนทำงานมือเป็นระวิงแทบไม่ได้หยุดพัก แขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงของเจ้าสัวสารัชมีมากนับร้อย แต่คนรับใช้กลับมีแค่เพียงหยิบมือ ทำให้พวกเขาต้องทำงานไม่มีหยุด ไม่มีเวลาพัก ไม่มีแม้กระทั่งเวลาที่จะดื่ม
น้ำด้วยซ้ำไป
“ฮาคิม เครื่องดื่มได้แล้วลูก เอาไปเสิร์ฟได้เลย”
พรวลัยเรียกลูกชาย หลังจากรินบรั่นดีใส่แก้วทรงสวยและวางบนถาดเงินเรียบร้อยแล้ว พอเอ่ยบอกลูกชายไปแล้ว ก็รีบรินบรั่นดีใส่แก้วใบอื่นต่อ แขกเหรื่อมีมากซะเหลือเกินจนนางทำงานแทบไม่ทัน
“ครับ คุณแม่”
ฮาคิมรับถาดเงินมาจากมารดา รีบเร่งเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยงอีกครั้ง และขณะทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟคอยบริการเครื่องดื่มให้กับแขกเหรื่อ ก็ไม่ลืมนึกถึงคุณหนูนารากรด้วย
“ขอร้องให้เรามาเล่นด้วยแท้ๆ แต่กลับไม่รอเรา คุณหนูนะคุณหนู”
ขณะบ่นถึงคุณหนูนารากร ฮาคิมก็ไม่ลืมกวาดสายตามองหาเจ้าของดวงตากลมโตทั่วบริเวณงานเลี้ยง เพราะคิดว่านารากรอาจจะมาเล่นซนอยู่ภายในงานเลี้ยงระหว่างรอเขาก็ได้ แต่จนแล้วจนรอด กระทั่งงานเลี้ยงเลิกราก็ไม่พบแม้แต่เงาของคุณหนูนารากร
แม้งานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าสัวสารัชจะเลิกราไปแล้ว ทว่า...งานของคนรับใช้ภายในคฤหาสน์หลังนี้ยังไม่จบสิ้น ทุกคนต้องเก็บกวาดทำความสะอาดทั่วบริเวณจัดงานเลี้ยง และกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาไปรุ่งสาง ทำเอาคนรับใช้ถึงกับหมดเรี่ยวแรงไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“คุณแม่หิวไหมครับ เดี๋ยวฮาคิมทำข้าวต้มให้คุณแม่กินนะครับ”
ฮาคิมเอ่ยถามขณะประคองมารดาเดินกลับมายังห้องพักเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์ เขาและมารดาพักด้วยกันในห้องที่มีพื้นที่กว้างแค่พอวางเตียงนอนและตู้เสื้อผ้าเก่าๆ เท่านั้น
พรวลัยส่ายหน้าปฏิเสธขณะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงเล็ก ที่สามารถนอนได้แค่เพียงคนเดียว “แม่ไม่หิวเลย ฮาคิม แม่เหนื่อยจนไม่มีแรงจะกินอะไรแล้วนอกจากนอนพักเท่านั้น”
แน่นอนว่าการเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดตั้งแต่เช้าตรู่ และคอยดูแลบริการแขกเหรื่อ รวมทั้งเก็บกวาดทำความสะอาดจนสิ้นในยามนี้ ทำเอามารดาของฮาคิมถึงกับหมดแรงเลยทีเดียว
“ถ้ายังงั้นคุณแม่นอนนะครับ”
“จ้ะ ฮาคิมก็รีบนอนนะ ลูกก็เหนื่อยไม่แพ้กัน”
“ครับ เดี๋ยวคุณแม่นอนแล้ว ผมก็จะนอนเหมือนกันครับ”
พรวลัยพยักหน้ารับ พลางล้มตัวลงตามการประคองของลูกชาย เหน็ดเหนื่อยจนไม่มีแรงหยิบผ้าห่มมาคลุมกาย พอหัวถึงหมอนก็หลับในทันทีทันใด
ฮาคิมห่มผ้าให้มารดา ก่อนจะปูผ้าห่มผืนเล็กอีกผืนลงบนพื้นกระเบื้องข้างเตียงนอนของมารดา แม้พื้นกระเบื้องจะแข็งกระด้างมากเพียงใด ไม่ว่าความเย็นเฉียบจากพื้นจะแล่นมาปะทะกายให้สั่นสะท้าน แต่ก็ไม่อาจต้านทานความอ่อนล้าที่เกาะกุมอยู่ทั่วตัวของฮาคิมได้ ทันทีที่ล้มตัวลงนอน เด็กหนุ่มก็ผล็อยหลับแทบจะทันทีเหมือนกัน และหลับลึกโดยไม่รู้ว่ากำลังมีภัยมาถึงตัวในอีกไม่ช้านี้