๒.๓ น้ำผึ้ง(ไม่)หวาน
ขณะนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ผู้คนเริ่มกลับจากทำงาน หอพักจึงมีคนเดินเข้าเดินออกค่อนข้างพลุกพล่าน หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มให้คนรู้จัก แต่ก็ไม่ได้ทักทายเหมือนเคย
“อ้าวหยี วันนี้ไม่เห็นลงมาข้างล่างเลย นี่จะออกไปทำงานแล้วเหรอ” วิไลพรเจ้าของหอพักซึ่งเป็นคนอัธยาศัยดีถามขึ้นเมื่อสายน้ำผึ้งเดินผ่านหน้าสำนักงานชั้นล่าง
“เปล่าค่ะ...วันนี้หยีลา พอดีหยีไม่ค่อยสบายน่ะค่ะพี่วิไล”
“นั่นน่ะสิ พี่ก็ว่าหน้าซีดๆ แล้วนี่กินข้าวกินยาหรือยัง”
“ยังค่ะ หยีกำลังจะออกไปซื้อค่ะ”
“ไปไหวเหรอ ให้พี่ขับรถพาไปไหม” วิไลพรถามอย่างเป็นห่วง
“ไหวค่ะพี่วิไล ขอบคุณนะคะ”
สายน้ำผึ้งพยายามฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้วิไลพรเป็นกังวล จากนั้นก็เดินผ่านหน้าหญิงวัยสี่สิบต้นๆ ไป หากทว่าแค่เดินออกนอกชายคาหอพักก็เกิดอาการหน้ามืดอย่างกะทันหันทำให้เซถลาจนเกือบจะล้ม ดีว่าวิไลพรตาไว จึงวิ่งเข้ามาช่วยประคองไว้ทัน
“เป็นอะไรน่ะหยี”
“หยีหน้ามืดค่ะพี่วิไล”
“พี่ว่าแล้วว่าหยีต้องไม่ไหว ดูสิตัวร้อนยังกะไฟ ขึ้นไปพักที่ห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่พาไป”
“ขอบคุณค่ะ”
เสียงหวานที่ตอนนี้แหบแห้งได้แต่เปล่งออกมาเบาๆ แล้วปล่อยให้วิไลพรช่วยประคองกลับขึ้นห้อง เพราะร่างกายอ่อนแอเต็มที ทันทีที่ถึงห้องร่างบางก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลง คิ้วกระตุกเป็นพักๆ เนื่องจากถูกอาการปวดศีรษะเล่นงาน
“หยีมีญาติหรือแฟนไหม พี่จะได้โทร.บอกให้มาอยู่เป็นเพื่อน” วิไลพรถามอย่างเป็นห่วงเพราะดูเหมือนว่าสายน้ำผึ้งกำลังไข้ขึ้นสูง แต่ตอนนี้หญิงสาวเหมือนจะหลับไปแล้ว เจ้าของหอพักจึงหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถือวิสาสะเปิดกระเป๋าเงินของสายน้ำผึ้ง เห็นนามบัตรของจอมทัพอยู่ในนั้น วิไลพรจึงรีบจัดการโทร.บอกเขาทันทีเพราะเห็นว่านามสกุลเดียวกับนามสกุลในบัตรประชาชนใหม่ของสายน้ำผึ้ง
“สวัสดีค่ะ นั่นคุณจอมทัพใช่ไหมคะ” วิไลพรพูดทันทีที่จอมทัพรับสาย
“ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ดิฉันวิไลพรนะคะ เป็นเจ้าของหอพัก เอาโทรศัพท์หยีโทร.มาหาคุณเพราะมีเรื่องด่วนค่ะ”
“ครับว่าไปเลย”
“พอดีตอนนี้หยีไม่สบายหนักค่ะ ไข้ขึ้นสูงมาก คุณช่วยมาดูหยีหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ขอบคุณครับที่โทร.มาบอก” จอมทัพซึ่งเพิ่งจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จรีบวางสาย คว้าเอากุญแจรถแล้วบึ่งไปยังหอพักของสายน้ำผึ้งทันที
เมื่อไปถึงวิไลพรก็พาเขาขึ้นไปยังห้องของสายน้ำผึ้ง ทันทีที่เห็นสภาพภรรยาสาวนอนซมอยู่บนเตียง เขาก็ไม่รอช้า รีบปรี่เข้าไปทรุดตัวนั่งลงข้างเตียง พร้อมกับยกมือขึ้นอังหน้าผากมนทันที
“สายน้ำผึ้ง”
ไออุ่นที่ถ่ายทอดมาจากมือแข็งแรงและร่างสูงที่นั่งอยู่แนบชิด ทำให้หญิงสาวพยายามฝืนตัวเองลืมตาขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังก้มลงมาและรู้ว่าเป็นใคร เธอก็ขยับปากเรียกชื่อเขาอย่างเป็นอัตโนมัติ
“คุณภู...”
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ปวดหัว ปวดตัวไปหมดเลยค่ะ”
“เดี๋ยวฉันพาไปหาหมอนะ”
“หยีไม่ไปหรอกค่ะ กินยาเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“บ้าชะมัด ป่วยขนาดนี้ยังจะหัวดื้ออีก คงต้องให้หมอฉีดยาสักเข็มสองเข็มล่ะเธอถึงจะเลิกอวดดี”
จอมทัพพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะช้อนเอาร่างบางขึ้นไว้ในอ้อมแขน พาลงไปขึ้นรถ แล้วขับไปยังคลินิกซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดทันที
ตอนที่ไปถึงคนไข้ยังค่อนข้างหนาตา หลังจากแจ้งชื่อทำบัตรผู้ป่วยแล้วยังต้องรอคิว สายน้ำผึ้งนั่งสะบัดร้อนสะบัดหนาวอยู่ตลอดเวลา จอมทัพจึงขยับไปนั่งใกล้ๆ แล้วยกมือขึ้นโอบไหล่เล็กเอาไว้ เพื่อให้เธอคลายหนาว
“อย่าค่ะคุณภู เดี๋ยวจะติดไข้จากหยี”
“เงียบเถอะน่า ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก” จอมทัพทำเสียงดุใส่ ซ้ำยังเอามืออีกข้างกดศีรษะของเธอให้เอียงไปซบไหล่ของเขาอีกต่างหาก
“คนจะเก่งกว่าเชื้อโรคได้ยังไงคะ”
“คนที่แข็งแรงเชื้อโรคทำอะไรไม่ได้หรอก มันทำร้ายได้แต่คนอ่อนแอเท่านั้นล่ะ ว่าแต่เธอเถอะไปทำอีท่าไหน ถึงได้นอนซมแบบนั้น ช่วงนี้ร่างกายอ่อนแอหรือไง ไปทำอะไรมาล่ะ หรือว่าเป็นเพราะคืนก่อน”
คำถามของจอมทัพทำให้คนที่ตัวร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนกว่าเดิม หัวใจที่เต้นเนือยๆ อยู่ก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นเต้นแรงระรัว ไม่คิดว่าเขาจะยั่วเย้าเช่นนั้นทั้งที่ยังทำหน้าเคร่งขรึมอยู่แท้ๆ
“คงไม่ใช่หรอกค่ะ” สายน้ำผึ้งตอบอุบอิบ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนถาม
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะ เพราะฉันก็ไม่ได้ทำอะไรหักโหมกับเธอมากนี่ แค่รอบเดียวเอง”
ประโยคนั้นเขาก้มลงกระซิบเบาๆ แต่สายน้ำผึ้งก็ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ เลยพานทำหน้าไม่ถูกเอาดื้อๆ สุดท้ายก็ได้แต่หลุบตามองมือตัวเองเท่านั้น เมื่อหญิงสาวไม่ตอบโต้ บรรยากาศระหว่างเธอกับเขาจึงถูกความเงียบเข้าครอบงำ ทว่ารอบๆ ตัวก็ยังมีเสียงคนไข้อื่นๆ กับญาติคุยกันพอให้ได้ยิน