๒.๔ น้ำผึ้ง(ไม่)หวาน
อีกสิบนาทีต่อมาก็ถึงคิวการเข้าตรวจรักษาของสายน้ำผึ้ง หญิงสาวเข้าไปในห้องตรวจโดยมีจอมทัพช่วยประคองเข้าไป เหมือนดั่งว่าเธอเป็นคนเจ็บที่เดินเองไม่ได้ก็ไม่ปาน หมอใช้เวลาซักประวัติและตรวจไม่นานเท่าใดนัก สายน้ำผึ้งก็ถูกสั่งให้ขึ้นเตียงและฉีดยาหนึ่งเข็ม จอมทัพยอมรับในความใจเด็ดของเธออยู่พอสมควร เพราะตอนฉีดยาสายน้ำผึ้งแค่ทำหน้าเหยเกนิดเดียวเท่านั้น ไม่ได้แสดงความกลัวใดๆ ออกมาให้เห็นเลย
“คนไข้เป็นไข้หวัด ตัวร้อนเพราะมีไข้สูง ความจริงบางเคสต้องนอนโรงพยาบาล แต่สำหรับคุณสายน้ำผึ้งหมอฉีดยาให้แล้ว ช่วงนี้ญาติต้องคอยดูแลนะครับ ถ้าตัวร้อนก็ให้เช็ดตัว ห้ามอาบน้ำ กินยาตามที่หมอจัดให้ เดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้นตามลำดับครับ” แพทย์ที่ทำการรักษาหันไปทางจอมทัพหลังจากที่ฉีดยาให้สายน้ำผึ้งเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณครับหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ รอรับยาที่ด้านนอกได้เลยครับ”
หลังจากออกมาข้างนอก จอมทัพก็เป็นคนรับยาและจ่ายเงินค่ารักษาให้เสร็จสรรพ ก่อนจะพาภรรยาสาวไปขึ้นรถของเขาอีกครั้ง ส่วนตัวเองเดินเลยไปซื้อโจ๊กซึ่งตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลนัก
“หยีขอโทษนะคะที่รบกวนคุณ พี่วิไลไม่น่าโทร.หาคุณเลย” สายน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ หลังจากที่จอมทัพออกรถมาได้พักหนึ่ง
“ถ้าเธอไม่รบกวนฉัน แล้วเธอจะรบกวนใคร หรือว่าเธอมีสามีอยู่ที่อื่นให้รบกวนอีก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ หยีไม่ได้มีใคร เพียงแต่หยีเกรงใจที่ทำให้คุณภูเสียเวลาส่วนตัว”
“ถ้าเกรงใจฉันจริงๆ ก็นั่งเงียบๆ ซะ ไม่รู้หรือไงว่าเสียงเธอมันน่ารำคาญ”
จอมทัพเหมือนจะดุแต่เสียงเขาฟังไม่ดุเท่าที่ควรในความรู้สึกของสายน้ำผึ้ง ทว่าเธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกตามที่เขาต้องการ หญิงสาวนั่งมองทางเงียบๆ ตอนนี้ตึกรามบ้านช่องต่างๆ สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ หากเธอไม่ป่วย ตอนนี้เธอคงกำลังทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านอาหารเหมือนเช่นทุกวันแล้ว
รถยุโรปยี่ห้อดังยังแล่นไปเรื่อยๆ คนขับขับรถเงียบๆ ท่าทางการขับรถของเขาดูสบายๆ แม้การจราจรจะค่อนข้างติดขัดก็ตาม เสียงเพลงภาษาต่างประเทศในท่วงทำนองหวานซึ้งเปลี่ยนไปเพลงแล้วเพลงเล่า ชวนให้คิดว่าเจ้าของรถคงจะโรแมนติกไม่เบา แต่ความจริงแล้วกลับสวนทางโดยสิ้นเชิง ชั่วขณะหนึ่งสายน้ำผึ้งหันไปมองเสี้ยวหน้าคมคร้ามของสามีอย่างอดไม่ได้ เธอแทบจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ แม้จะเคยเห็นรูปผ่านข่าวออนไลน์มาบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยเท่ากับภีมภัทร หรือเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยสนใจเขาอย่างจริงจังก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้เป็นสามีของเธอทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย แม้ว่าในเรื่องหลังเขาจะไม่เต็มใจสักนิดก็ตาม
ความคิดของสายน้ำผึ้งเกี่ยวกับจอมทัพสะดุดลง เมื่อหันไปมองทางอีกทีแล้วรู้สึกไม่คุ้น ทำให้ต้องเอ่ยปากถาม แม้ก่อนหน้านี้เขาจะสั่งให้เธอเงียบ
“นี่มันไม่ใช่ทางกลับหอพักหยีนี่คะคุณภู”
“ก็ใครว่าใช่ล่ะ นี่มันทางไปคอนโดฯ ของฉัน”
“ไปทำไมคะ คุณภูจะแวะไปเอาของเหรอคะ”
“เปล่า...เมื่อกี้เธอไม่ได้ยินหมอบอกหรือไงว่าให้ฉันดูแลเธออย่างใกล้ชิด ห้องเธอเล็กเท่าแมวดิ้นตาย จะให้ฉันนอนเบียดเธอบนเตียงเล็กๆ นั่นน่ะเหรอ”
คำพูดของเขาทำให้สายน้ำผึ้งหน้าแดงระเรื่อ ดีว่าในรถมืดมากจอมทัพจึงไม่เห็นว่าเธอมีปฏิกิริยาอย่างไรกับการพูดจาแบบขวานผ่าซากของเขา
“คุณภูไม่ต้องดูแลหยีหรอกค่ะ หยีอยู่คนเดียวได้”
“ฉันก็ไม่ได้อยากดูแลเธอหรอกนะ เพียงแต่รอบหน้าฉันไม่อยากรับโทรศัพท์ว่าให้ไปเก็บศพเธอ”
“หยีไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ หยีหัวแข็งรับรองว่าจะไม่ตายให้เป็นภาระคุณ” สายน้ำผึ้งสวนกลับอย่างโกรธๆ
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอน่ะเป็นพวกเด็กอวดดี”
“แล้วคุณภูล่ะคะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นพวกผู้ใหญ่ปากจัด”
“เธอนี่เวลาถูกยั่วให้โกรธก็ร้ายใช้ได้เหมือนกันนะ หรือว่านี่ต่างหากที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ” แทนที่จอมทัพจะโกรธเขากลับรู้สึกขบขันและสนุกที่ได้พูดจายั่วเย้าให้เธอโกรธ
“คุณภูใจร้ายกับหยีก่อนนี่คะ”
“งั้นถ้าฉันดีกับเธอ เธอก็จะดีกับฉันใช่ไหม”
“ค่ะ” สายน้ำผึ้งตอบสั้นๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะมาไม้ไหน
“เอาเป็นว่าในระหว่างที่เธอป่วย เราสงบศึกกันชั่วคราวก็แล้วกัน เธอกับฉันจะอยู่กันอย่างสันติที่คอนโดฯ ของฉัน ตกลงไหม”
“ตกลงก็ได้ค่ะ แต่คุณภูจะไม่ทำอะไรหยีมากไปกว่าให้หยีไปอยู่กับคุณภูชั่วคราวใช่ไหมคะ” ถามอย่างอดหวั่นใจไม่ได้
“ฉันไม่ได้หื่นกามถึงขนาดจะอึ๊บคนป่วยหรอกนะ และถึงเธอไม่ป่วยฉันก็ไม่คิดจะทำเหมือนกัน เคยบอกแล้วนี่ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีก”
“ค่ะ...ขอโทษที่ถาม หยีลืมไปว่าคุณภูไม่เต็มใจจะข้องเกี่ยวกับหยีอยู่แล้ว”
ประโยคนั้นดูเจียมเนื้อเจียมตัวจนคนฟังหัวใจกระตุก คราวนี้สายน้ำผึ้งเงียบเสียงลงโดยอัตโนมัติ โดยที่เขาไม่ต้องบอกแต่อย่างใด พยายามข่มกลั้นความรู้สึกน้อยใจทั้งปวงเอาไว้อย่างมิดชิด เพราะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด เพราะจุดเริ่มต้นระหว่างเขากับเธอมันเกิดจากความเข้าใจผิด ไม่ได้เกิดจากความรักแต่อย่างใด