๑.๕ ภรรยาที่ไม่รัก
สายน้ำจากฝักบัวโปรยละอองลงมาอย่างต่อเนื่อง สายน้ำผึ้งใช้โอกาสนั้นปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไปชั่วขณะ การจดทะเบียนสมรสไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย แม้เธอจะบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เธอก็ยังมีครอบครัว มีพ่อแม่ที่ต้องห่วงใยความรู้สึก ตอนนี้เธอยังคิดไม่ออกว่าจะบอกพ่อกับแม่อย่างไร ในเมื่อการจดทะเบียนสมรสของเธอกับจอมทัพไม่ได้เกิดจากความรัก มันไม่ค่อยแฟร์สำหรับจอมทัพนักหรอกที่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักอย่างเธอ สายน้ำผึ้งจึงตัดสินใจได้ในตอนนั้นว่า บางทีเร็วๆ นี้เธออาจจะหย่าให้เขา โดยที่ตอนจดทะเบียนก็ใช้คำนำหน้าชื่อและนามสกุลตัวเองเช่นเดิม เพราะสมัยนี้กฎหมายเปิดช่องให้เลือกได้ หลังจากหย่าก็คงไม่มีปัญหาอะไร เธอก็ยังเป็นคนคนเดิมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากร่างกายและความรู้สึกบางอย่างเท่านั้น
“สายน้ำผึ้งเสร็จหรือยัง!”
เสียงเคาะกับเสียงเรียกดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ ทำให้มือเล็กต้องรีบปิดฝักบัว แล้วขยับไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพันร่างไว้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่จะส่งเสียงตอบ ประตูห้องน้ำก็ถูกผลักเข้ามา ทั้งๆ ที่เธอล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว แต่เมื่อเหลือบไปเห็นกุญแจในมือของจอมทัพก็ไม่สงสัยว่าเขาเข้ามาได้อย่างไร
“หยีเสร็จแล้วค่ะ กำลังจะแต่งตัว คุณภูออกไปก่อนสิคะ” สายน้ำผึ้งรีบบอก อายจนตัวแดงเมื่อต้องมายืนพันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวต่อหน้าเขา
“มันเลยสิบห้านาทีมาแล้ว ออกไปแต่งตัวข้างนอก” เขาพูดกับเธอเสียงห้วนๆ อีกตามเคย
“หยีไม่สะดวกที่จะแต่งตัวต่อหน้าคุณภูค่ะ”
“เมื่อคืนเธอก็แต่ง จะมาอายอะไรกันตอนนี้”
“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่คะ”
“ไม่เหมือนยังไง ในเมื่อตอนนั้นกับตอนนี้เธอก็เป็นเมียฉันแล้วเหมือนกัน”
คำพูดแกมรำคาญของจอมทัพทำเอาแก้มนวลร้อนผ่าว อยากจะหาคำพูดดีๆ มาพูดกับเขา เพื่อให้เขาออกไปจากห้องน้ำและเปิดโอกาสให้เธอได้แต่งตัว แต่ยังไม่ทันได้คิดและได้พูดอะไร ร่างสูงที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ก็ถึงตัว ตวัดร่างของเธอลอยหวือขึ้นไปในวงแขนแข็งแรงของเขาเช่นเดียวกับที่ทำเมื่อคืน ทำเอาสายน้ำผึ้งต้องร้องวี้ดออกมาด้วยความตกใจ
“ว้าย!”
“หยิบเอาเสื้อผ้าของเธอ” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ปล่อยหยีลงเถอะนะคะคุณภู หยีจะเดินออกไปเอง” หญิงสาวพยายามต่อรองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หวังจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่จอมทัพก็ยังทำหน้าขมึงดังเดิม
“หุบปากและทำตามที่ฉันสั่ง ไม่อย่างนั้นฉันจะหักคอเธอ”
จอมทัพดุอีกพลางขู่เสียงเข้ม ความอ่อนหวานของเธอไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด นั่นทำให้สายน้ำผึ้งรู้ว่าไม่ควรดื้อกับเขาในตอนนี้ มือเล็กจึงรีบคว้าเอาเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนราวมาถือไว้ เธอได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะอุ้มร่างบางพาเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้ววางลงอย่างไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด
“แต่งตัวซะสายน้ำผึ้ง คราวนี้ฉันให้เวลาเธอไม่เกินห้านาที ฉันหิวมากแล้ว ถ้าห้านาทีเธอแต่งตัวไม่เสร็จ ฉันจะลากเธอลงไปข้างล่างทั้งอย่างนี้ล่ะ”
เสียงดุๆ ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากวางร่างบางลงแล้ว เขาถอยไปยืนเอามือกอดอกจับจ้องมองเธอไม่วางตา เป็นอีกครั้งที่สายน้ำผึ้งรู้สึกว่าจอมทัพไม่ได้แค่ขู่ เมื่อกี้เขาก็เอาจริงด้วยการบุกเข้าไปในห้องน้ำแล้วอุ้มเธอออกมา ดังนั้นหญิงสาวจึงจำต้องข่มความอาย หยิบเอาชุดชั้นในมาสวม ก่อนจะปลดผ้าเช็ดตัวออก แล้วสวมชุดราตรีเป็นอันดับสุดท้าย หยิบหวีของเขามาหวีผมอย่างเร่งรีบเป็นลำดับสุดท้าย โดยไม่ยอมทาครีมทาแป้ง
“หยีเสร็จแล้วค่ะ”
“ดี...”
จอมทัพพูดว่า ‘ดี’ เพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินนำออกจากห้องลงไปชั้นล่าง ทำให้สายน้ำผึ้งต้องรีบเดินตามเพราะกลัวเขาจะดุเอาอีก แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเผชิญหน้ากับความอับอายอีกครั้ง เมื่อสายตาของคนในครอบครัวจอมทัพมองมายังเธอเป็นตาเดียว ตอนนี้ในห้องโถงด้านล่างอยู่กันเกือบครบทั้งปณิธาน อารยา อธิส และป้าช้อย ขาดก็แค่อันดามันกับภีมภัทรเท่านั้น
ในขณะที่สายน้ำผึ้งไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง จอมทัพก็ทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้นต่อหน้าทุกคน ด้วยการขยับมายืนข้างๆ แล้วยกมือขึ้นโอบเอวเล็กอย่างสนิทสนม
“มีอะไรอยากถามหรือเปล่าครับ ผมให้คนละหนึ่งคำถาม” เขาทำท่าขี้เล่นเป็นกันเองและเปิดเผยในยามอยู่ต่อหน้าพี่ชาย พี่สะใภ้ หลานชาย และแม่บ้านวัยกลางคน ราวกับเป็นคนละคนกับคนที่ทำหน้าดุใส่เธอเมื่อครู่นี้
“เกิดอะไรขึ้นตาภู ทำไมแกถึงไปยืนกอดหนูหยีแบบนั้น” คำถามนั้นพี่ชายเป็นคนเริ่มก่อน
“ก็นี่เมียผม ทำไมผมจะกอดไม่ได้ล่ะครับพี่ปณิธาน”
“แกว่าอะไรนะ!”
ไม่ใช่เฉพาะปณิธานที่ทำท่าตกใจ ทั้งอารยาและป้าช้อยก็พลอยทำสีหน้าตกใจแกมงุนงงไปด้วย มีเพียงคนเดียวที่นั่งฟังเฉยเฉยๆ ได้ก็คืออธิสนั่นเอง
“พี่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ สายน้ำผึ้งเป็นเมียผม เมื่อคืนเรานอนด้วยกัน นี่ก็กำลังจะพาไปจดทะเบียนครับ” จอมทัพตอบง่ายๆ ในขณะที่สายน้ำผึ้งอายจนไม่รู้จะอายยังไง
“จริงเหรอหนูหยี” คราวนี้ปณิธานหันมาถามเพื่อนลูกสาวเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะ...” สายน้ำผึ้งได้แต่ตอบเบาๆ แต่คนที่มีความยุติธรรมอย่างปณิธานมองเหตุการณ์ออกว่า เรื่องที่ตัวเองได้รับรู้อยู่ตอนนี้จะต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ ในเมื่อตนเห็นว่าผู้หญิงที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆ น้องชายเป็นเด็กที่มีความประพฤติดีมาตลอด
“พี่ไม่เห็นด้วยนะภูที่จะทำอะไรมักง่ายแบบนี้ ถ้าภูรักหนูหยีจริงๆ ควรจะต้องจัดการให้ถูกต้องตามประเพณี”
“ก็แล้วใครว่ารักล่ะครับ ตอนได้กันก็ได้ง่ายๆ ตอนแต่งจะทำให้ยุ่งยากทำไมครับ อีกอย่างผู้หญิงสมัยนี้ก็คิดแต่เรื่องทิป...ผมหมายถึงเรื่องเงินน่ะครับ”
“หยีไม่ได้คิดจะแต่งงานกับคุณเพราะเรื่องเงินนะคะ” สายน้ำผึ้งรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างเดือดเนื้อร้อนใจ ไม่ต้องการให้คนในบ้านของเขาเข้าใจเธอผิดๆ เธอรู้ว่าจอมทัพจงใจพูดแบบนั้นเพื่อแก้แค้นที่เธอบีบบังคับให้เขารับผิดชอบ
“เธอกำลังจะบอกกับทุกคนว่าที่แต่งงานกับฉันก็เพราะรักฉันอย่างนั้นใช่ไหม” จอมทัพย้อนถามเสียงหยันๆ ทำเอาสายน้ำผึ้งถึงกับอึ้ง
“หยี…”
“เอาเป็นว่าทุกคนสบายใจแล้วนะครับ สายน้ำผึ้งรักผม ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ จะพาเมียไปทานข้าวแล้วก็จดทะเบียน”
จอมทัพพูดแค่นั้นก็จูงมือของสายน้ำผึ้งออกจากบ้าน โดยมีสายตาสี่คู่มองตามด้วยความรู้สึกที่ยังงุนงงและตั้งรับไม่ทัน
“นี่มันเกิดอะไรคะคุณ เราจะทำยังไงดีล่ะคะ” อารยาเปรยกับสามีอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“ผมเองก็ยังงงๆ อยู่ แต่เราคงต้องปล่อยเลยตามเลย ตาภูโตแล้ว เราคงก้าวก่ายอะไรไม่ได้”
“หวังว่าความน่ารักของหนูหยีจะชนะใจตาภูได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือหนูหยี”
“ผมก็หวังเช่นนั้น”
นั่นคือคำพูดที่ปณิธานคิดว่าดีที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้ น้องชายของเขาอายุย่างสามสิบสี่ เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท กุมกิจการหลายร้อยล้านอยู่ในมือ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว แม้การจดทะเบียนสมรสครั้งนี้จะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่เขาก็หวังว่าจอมทัพจะไตร่ตรองและประคองชีวิตคู่ให้ดีที่สุด