๑.๔ ภรรยาที่ไม่รัก
เป็นครั้งแรกที่รู้ซึ้งว่าการอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงเป็นยังไง คราวนี้เป็นเจ้าสาวที่ทำหน้าที่ดูแลเพื่อนเจ้าสาว หลังจากที่เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วอันดามันเมาหนักและมีเธอเป็นคนดูแล
“ไหวมั้ยหยี”
“ไหวจ้ะ มิ้มออกไปหาอาภีมเถอะ เจ้าสาวหายมาอย่างนี้วุ่นวายกันแย่เลย” เธอพยายามจะบอกให้อันดามันหายกังวล ทั้งที่สีหน้าอิดโรยและเสียงอ้อแอ้เต็มที
“แต่มิ้มเป็นห่วงหยีนะ ไม่น่าชวนดื่มเลย” อันดามันอดบ่นตัวเองไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉลองที่มิ้มสละโสดไง”
“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวมิ้มให้คนพาหยีกลับไปนอนพักที่บ้านมิ้มก่อน”
“หยีกลับหอพักก็ได้นะ”
“ไม่ได้เด็ดขาด หยีเมาแบบนี้ มิ้มไม่ยอมให้กลับไปนอนหอหรอก ไปนอนบ้านมิ้มดีแล้ว มิ้มจะได้ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ห้องมิ้มว่าง หยีนอนห้องมิ้มเลยก็แล้วกัน”
ตอนแรกเธอคิดจะปฏิเสธเพราะไม่อยากเป็นต้นเหตุให้อันดามันต้องวุ่นวาย แต่ดูท่าว่าอันดามันจะไม่ยอมง่ายๆ เธอไม่อยากให้อันดามันต้องห่วงหน้าพะวงหลังเลยตกลง เพื่อให้เพื่อนไปทำหน้าที่เจ้าสาวในวันสำคัญโดยไม่ต้องห่วงอะไร หลังจากนั้นอันดามันจึงเรียกคนขับรถและสาวใช้อีกคนให้พาเธอกลับไปนอนพักที่บ้าน
อีกเกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็มาถึงบ้านของอันดามัน โดยมีลุงพงษ์คนขับรถวัยห้าสิบห้ากับส้มลูกสาวของลุงพงษ์นั่งมาเป็นเพื่อน บ้านหลังใหญ่ค่อนข้างจะเงียบเชียบมีเพียงรปภ.ประจำอยู่ที่ป้อมหน้าบ้านเท่านั้น คนในบ้านต่างไปร่วมงานฉลองแต่งงานของเจ้านายทั้งสองคนตามที่ภีมภัทรอนุญาต
“เดี๋ยวส้มขึ้นไปส่งนะคะคุณหยี” ส้มทำท่าจะขยับเข้ามาช่วยประคองเมื่อเธอลงจากรถแล้วทำท่าจะยืนไม่ไหว
“ไม่เป็นไรจ้ะส้ม ส้มแค่บอกว่าห้องมิ้มอยู่ตรงไหนก็พอ”
“อยู่ชั้นบนทางปีกซ้ายของตึกค่ะ ห้องแรกนะคะคุณหยี”
“ขอบใจจ้ะ”
เมื่อรู้ว่าห้องของอันดามันอยู่ตรงไหน เธอก็ก้าวเข้าบ้านทั้งที่แทบจะประคองตัวเองยืนไม่ไหว ไม่คิดเลยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะร้ายแรงถึงเพียงนี้ แต่ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงชั้นบนจนได้ เท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าส้นสูงเดินไปทางปีกซ้ายของคฤหาสน์ตามที่ส้มบอก เปิดประตูห้องแรกเข้าไปก็ต้องรีบปิดแล้วก้าวออกมา เมื่อเห็นว่าเตียงในห้องนั้นมีกลีบกุหลาบโปรยอยู่ บ่งบอกว่าเป็นเตียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาว
“ห้องนี้เป็นห้องหอนี่นา ห้องเก่ามิ้มคงจะเป็นห้องข้างๆ มากกว่า”
เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ ขณะหมุนลูกบิดประตูเข้าไปอีกห้องที่อยู่ติดกัน ทันทีที่เข้าไปในห้องก็ตรงไปยังเตียงกว้างแล้วปีนขึ้นไปนอน โดยไม่ได้สังเกตสักนิดว่าห้องนั้นไม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของผู้หญิงเลย เธอหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน พร้อมกับฝันไปต่างๆ ทั้งเรื่องงาน เลยไปถึงเรื่องที่ได้จูบกับเจ้าชายรูปงาม เขาพาเธอล่องลอยไปในดินแดนอันสวยงาม ก่อนจะกระชากมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงโดยการชำแรกความเจ็บปวดเหมือนร่างจะแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ เข้าสู่กลางกาย ตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกตัวว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง และผู้ชายที่กำลังเคลื่อนขยับอยู่บนร่างของตัวเองก็คือจอมทัพ อาคนเล็กของอันดามันที่เธอเพิ่งจะรู้จักเขาเป็นครั้งแรกเมื่อเช้านี้เอง
พระอาทิตย์ลอยสูงจนเรียกว่าสายโด่งมากแล้ว หากทว่าคนที่เพิ่งจะผล็อยหลับเมื่อใกล้รุ่งสางยังไม่ตื่นจากนิทรา ร่างบางยังคงนอนหลับสนิทบนเตียงแสนนุ่ม ขณะที่คนซึ่งนอนล็อกเอวเอาขาก่ายสะโพกเธอไว้ทั้งคืนตอนนี้อาบน้ำแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนยี่ห้อดังสีซีด สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต ฉีกบุคลิกหนุ่มนักธุรกิจกระจุยกระจาย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนมองและดูเป็นผู้ชายเต็มตัว
มือขาวสะอาดหยิบเอานาฬิกาคู่ใจราคาหลักแสนมาใส่เป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะก้าวไปยังเตียงนอนแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างเตียง
“ตื่นได้แล้วแม่คนขี้เซา”
จอมทัพเขย่าแขนกลมกลึงเบาๆ คาดว่าสายน้ำผึ้งจะปลุกยากเหมือนเมื่อคืน แต่แล้วความคิดนั้นก็ผิดถนัด เพราะร่างบางสะดุ้งและลืมตาตื่นทันทีที่ถูกมือเขาแตะ
“อาภู...เอ่อ...คุณภู”
สายตาที่จ้องมองมายังเขาดูตื่นๆ แต่กลับสามารถกระตุ้นเร้าความรู้สึกบางอย่างจนจอมทัพนึกหงุดหงิดตัวเอง ทว่าไม่มีทางเสียล่ะที่เขาจะยอมตามใจตัวเองอีก ครั้งเดียวก็เสียรู้เกินพอแล้วกับผู้หญิงที่ทำท่าไร้เดียงสาแต่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้อย่างมิดชิด
“ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว จะได้พาไปจดทะเบียนให้มันจบๆ ไป” เขาบอกเสียงห้วนๆ เหมือนที่พูดกับเธอเมื่อคืนนี้ แม้จะรู้สึกกระดากและรู้สึกกังวลที่ได้ยินเช่นนั้น แต่สายน้ำผึ้งก็รู้ว่าตัวเองถอยไม่ได้แล้ว
“คุณภูจะพาหยีไปวันนี้เลยเหรอคะ”
“ถ้าไม่ไปวันนี้แล้วเธอจะไปวันไหนล่ะ ฉันไม่มีเวลาไปหาฤกษ์หายามมาจดทะเบียนหรอกนะ ถ้าอยากเป็นเมียตีทะเบียนของฉันก็ต้องเป็นวันนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเป็น”
“คืออยากขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอพักก่อนจะได้ไหมคะ” เสียงหวานต่อรองเพราะชุดราตรีของเธอไม่เหมาะจะใส่ไปจดทะเบียนสักนิด แม้จะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่มันก็ยับย่นหมดเพราะเมื่อคืนใส่นอนเกือบทั้งคืน จะไม่ได้ใส่ก็ตอนที่เธอถอดมันเหวี่ยงออกจากร่างกายเพราะว่ารู้สึกร้อนเท่านั้นเอง คิดมาถึงตรงนี้ก็อดหน้าแดงซ่านไม่ได้ เพราะเหตุการณ์หลังจากนั้นมันนำมาสู่การที่เธอกับจอมทัพต้องมานั่งคุยกันเรื่องจดทะเบียนในเช้านี้
“จะไปทำไมให้เสียเวลา ใส่ชุดนี้ล่ะ”
“แต่ว่ามัน...”
“ทำไม! จะอายอะไรนักหนา ตอนมีผัวทางพฤตินัยก็ใส่ชุดนี้ไม่ใช่เหรอ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ประกาศให้โลกรู้เลยว่าเพราะชุดนี้แหละที่ทำให้มีผัวเป็นตัวเป็นตน”
“คุณภู!”
วาจาของจอมทัพช่างแสบสันยิ่งนัก สายน้ำผึ้งทั้งอับอายทั้งยอกแสลงในอก เธอไม่ได้อยากมีผัวเป็นตัวเป็นตนแบบนี้เลยสักนิด เรื่องเมื่อคืนมันเป็นอุบัติเหตุ ทำไมเขาถึงไม่ไถ่ถามกันก่อน เอาแต่กล่าวหาว่าเธอเป็นคนมานอนให้ท่า
“อย่ามัวแต่อ้อยสร้อย ฉันไม่ชอบพวกพิรี้พิไรหรอกนะ ไปอาบน้ำซะ ฉันให้เวลาสิบห้านาที ถ้ายังไม่เสร็จ ฉันจะเป็นคนเข้าไปอาบให้เอง หรือว่าจะให้อาบให้ตอนนี้เลย”
ร่างสูงทำท่าจะย่างสามขุมเข้ามาหา
“อย่านะคะ หยีอาบเองได้ค่ะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง รีบลุกจากที่นอนแล้วก้าวเร็วๆ ไปยังห้องน้ำทันที
เสื้อผ้าชุดเดิมถูกถอดออกพาดไว้ที่ราวซึ่งมีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่แล้วผืนหนึ่ง เธอมองหาแปรงสีฟัน ก็เห็นว่ามีแปรงที่ยังไม่ได้ใช้อยู่สองอันจึงหยิบมาอันหนึ่ง จัดการบีบยาสีฟันใส่แปรง แล้วเริ่มลงมือแปรงฟันทันที หลังจากเสร็จจึงพาตัวเองเข้าไปยืนใต้ฝักบัว เปิดน้ำเย็นๆ ให้ชโลมลงมาตามใบหน้าและลำตัว โดยระวังไม่ให้โดนผม เพราะไม่อยากเสียเวลาเช็ดให้แห้ง ซึ่งอาจทำให้จอมทัพไม่พอใจอีก…