ตอนที่ 4 ของขวัญชิ้นพิเศษ
ตอนที่ 4 ของขวัญชิ้นพิเศษ
มาริคกลับมาถึงบ้านพักของตนเองก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นกระเป๋าใบใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องโถงภายในบ้าน ทำให้คิ้วเรียวดำขมวดเข้าหากัน ก่อนจะหันไปถามองครักษ์หนุ่มที่เดินเข้ามารับเสื้อโค้ดจากเขา
“กระเป๋าของใครกัน...ซาชาม”
“เจ้าหญิงมาริดาพระเจ้าค่ะ”
“นางมาทำไม” คิ้วหนาของชายหนุ่มยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น
“ไม่ทราบพระเจ้าค่ะ” องครักษ์หนุ่มตอบ แล้วหันไปมองทางห้องรับแขกซึ่งปรากฏร่างบางของมาริดากำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานส่งมาให้กับเจ้าชายหนุ่ม
“ถวายพระพรเพคะ เสด็จพี่มาริค” มาริดาย่อตัวต่ำลงแล้วยืดขึ้นดังเดิม
“มาริดา...เธอมาที่นี่ทำไม?” เขามองหน้าญาติสาวอย่างไม่ไว้วางใจ
“คิดถึงมั้งเพคะ” หญิงสาวตอบหวาน แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่บึ้งตึงของชายหนุ่มก็รีบพูดต่อ “คือว่าเสด็จลุงทรงเป็นห่วงเสด็จพี่เพราะเห็นว่าที่บ้านหลังเนี่ยมีแต่ผู้ชายก็เลยให้หม่อมฉันซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีความละเอียดและรอบคอบมากกว่ามาช่วยดูแลไงเพคะ”
“ไม่จำเป็น พี่มีซาชามอยู่แล้ว และพี่ก็โตเป็นผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาดูแล” น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นอย่างไม่พอใจพร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาค้นคว้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อเขาพอจะเดาได้แล้วว่าญาติสาวของเขามาทำอะไรที่นี่
“เสด็จพ่อส่งเธอมาเพื่อขัดขวางความรักของพี่ใช่ไหม?”
“ทำไมเสด็จพี่คิดว่าเสด็จลุงจะทำเช่นนั้นล่ะเพคะ” หญิงสาวย้อนถามและยังทำสีหน้าเรียบเฉย
“ก็เพราะพี่บอกกับเสด็จพ่อไปว่าเจอผู้หญิงที่ต้องการจะแต่งงานด้วยแล้ว เพราะฉะนั้นเธอยอมรับมาดีๆดีกว่าว่าเสด็จพ่อสั่งให้เธอมาทำอะไรบ้าง?” มาริคทำสีหน้าบึ้งตึงและเคร่งเครียดจนมาริดาต้องหุบยิ้มลงแล้วยอมรับความจริง
“หม่อมฉันยอมรับก็ได้เพคะว่าเสด็จลุงใช้ให้หม่อมฉันมาขัดขวางเสด็จพี่กับคนรัก”
“นึกแล้วไม่ผิด เธอรีบกลับไปเสียก่อนที่พี่จะโมโหไปมากกว่านี้” พูดจบกรามทั้งสองข้างของราชนิกูลหนุ่มก็ขบเข้าหากันแน่นเพื่อระงับความโกรธของตนเอง
“เดี๋ยวสิเพคะ ฟังหม่อมฉันก่อนอย่าเพิ่งทรงกริ้ว” หญิงสาวรีบเข้าไปดึงแขนของเขาเอาไว้แล้วพูดต่ออย่างรวดเร็ว “หม่อมฉันเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เสด็จลุงสั่งให้มาทำและเข้าใจความรู้สึกของเสด็จพี่ดี แต่ทรงลองคิดดูสิเพคะว่าถ้าหม่อมฉันไม่รับปากว่าจะมา เสด็จลุงก็คงจะส่งผู้หญิงคนอื่นมาแทนแล้วเรื่องก็จะยิ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีกนะเพคะ แล้วหม่อมฉันก็เห็นด้วยกับความคิดของเสด็จพี่ที่ว่าคนเราจะแต่งงานกันก็ต้องมีความรัก และการที่น้องมาที่นี่ก็ถือว่าเป็นผลดีนะเพคะ”
“ดียังไง” เขาถามเสียงห้วนพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก และเมื่อเห็นอีกฝ่ายรอฟังอยู่มาริดาจึงพูดต่อ “ก็ถ้าหม่อมฉันรายงานให้เสด็จลุงทรงทราบถึงข้อดีของคนรักของเสด็จพี่ บางทีเสด็จลุงก็อาจจะเปลี่ยนพระทัยยอมให้เสด็จพี่แต่งงานกับเธอก็ได้ แต่ถ้าเสด็จพี่จะส่งหม่อมฉันกลับก็ตามพระทัยนะเพคะ แต่หม่อมฉันคิดว่าเสด็จลุงคงจะไม่ยอมลามือจากเรื่องนี้ง่ายๆแน่และอาจจะส่งใครมาอีก แล้วคราวนี้เสด็จพี่กับคนรักของเสด็จพี่จะต้องลำบากแน่ๆ” มาริดาให้ความเห็นและเหลือบหางตามองไปทางชายหนุ่มที่กำลังใช้ความคิด และครู่ต่อมามาริคก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไร
“เอาล่ะที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล พี่จะยอมให้เธออยู่ที่นี่ก็ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เสด็จพ่อส่งใครมาอีก แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องรายงานแต่สิ่งที่ดีๆในตัวของคนรักของพี่ให้เสด็จพ่อรับทราบเท่านั้น”
“ตกลงเพคะ” มาริดาคลี่ยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนจะถามต่อ “แล้วเมื่อไรหม่อมฉันถึงจะได้เจอคนรักของเสด็จพี่ล่ะเพคะ”
“เธอได้เจอแน่เพราะว่าคืนพรุ่งนี้พี่ได้ชวนจัสมินมาฉลองวันเกิดของพี่ที่นี่ เธอมาก็ดีจะได้ช่วยพี่จัดเตรียมสถานที่ด้วย”
“ได้สิเพคะ” มาริดาพยักหน้ารับก่อนจะมองสังเกตแววตาที่วาววับของญาติหนุ่มเมื่อพูดถึงหญิงคนรัก “ดูท่าทางเสด็จพี่จะรักเธอมากเลยนะเพคะ” หญิงสาวอมยิ้ม และถึงแม้ว่าภายนอกของเธอจะยิ้มอย่างรื่นเริงแต่ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยเพลิงแค้น
“ใช่ พี่รักจัสมินมาก และจะขอแต่งงานกับเธอคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม” ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่หนักแน่นของชายหนุ่มยืนยันได้ว่าเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก และนั่นก็ทำให้เปลวงเพลิงแห่งความโกรธแค้นของมาริดาลูกโชนขึ้น หญิงสาวลอบเม้มริมฝีปากเข้ากันและกำมือแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ความไม่พอใจของตนเองเอาไว้ แล้วปั้นหน้าคลี่ยิ้มหวานให้กับญาติหนุ่ม
“เสด็จพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพคะหม่อมฉันเชื่อว่ารักแท้ย่อมชนะทุกอย่างได้”
“ขอบใจเธอมาก อ้อ...แล้วถ้าอยู่ต่อหน้าจัสมินห้ามใช้คำราชาศัพท์พวกนี้เด็ดขาด”
“ทำไมล่ะเพคะ” มาริดาเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ
“ทำตามที่พี่บอกก็แล้วกันไม่ต้องถามมาก” มาริคบอกพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจที่ญาติสาวกลายเป็นคนที่ขี้สงสัย
“เพคะ” หญิงสาวรับคำแล้วเก็บความสงสัยของตนเองเอาไว้
“งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อน แล้วถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกซาชามได้เลย เขาจะเป็นคนจัดการให้” พูดจบมาริคก็เดินขึ้นชั้นบนไปโดยมีแววตาของมาริดามองตามหลังไป
“หม่อมฉันจะต้อนรับคนรักของเสด็จพี่ให้เต็มที่เลยเพคะ รับรองว่าเธอจะประทับใจไม่รู้ลืมแน่ๆ” แววตาแห่งความชิงชังของหญิงสาวฉายแววขึ้นพร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเหี้ยมเกรียม
เจ้าชายอูซาลเดินผิวปากลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างคนอารมณ์ดี ก่อนที่จะหยุดชะงักฝีเท้าลงตรงหน้าห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นพี่สาว
“อูซาล”
“ครับ” เขาหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่สาวแล้วนั่งลงข้างๆ
“วันนี้ว่างหรือเปล่า?”
“ว่างครับ จะมีก็แค่ไปส่งรายงานให้ ดร.สมิธ เท่านั้น ท่านพี่มีอะไรหรือครับ?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะชวนไปซื้อของให้ใครคนหนึ่งน่ะ” หญิงสาวบอกอย่างเขินอายและแก้มทั้งสองข้างก็แดงระเรื่อขึ้น ทำให้อูซาลรู้ได้ทันทีว่าพี่สาวของเขาจะซื้อของให้ใคร จึงไม่คิดถามต่อได้แต่เพียงส่งยิ้มอย่างรู้ทันไปให้พี่สาว
“ได้สิครับ พี่สาวขอร้องทั้งที ต่อให้มีนัดสำคัญก็ต้องยกเลิกไปก่อน ความจริงน้องก็พอจะรู้จักร้านที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง รับรองได้ว่าสิ้นค้าของเขามีคุณภาพและนำแฟชั่นทุกชิ้น”
“ขอบใจมาก”
“งั้นเดี๋ยวน้องรีบไปส่งรายงานก่อนแล้วจะรีบกลับมา”
“จ้ะ” จัสมินพยักให้ จากนั้นเจ้าชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม
ภายในร้านขายนาฬิกาชื่อดังของเมือง สองพี่น้องกำลังช่วยกันเลือกนาฬิกาข้อมือของผู้ชายที่หญิงสาวตัดสินใจว่าจะซื้อไปให้เป็นของขวัญให้กับชายคนรัก โดยมีเจ้าของร้านซึ่งมีอายุราวๆ 50 ปี ยืนแนะนำสินค้าอยู่ใกล้ๆ
“ถูกใจหรือเปล่าครับ รุ่นนี้ก็สวยดีนะครับ”
“ยังเลือกไม่ได้เลยค่ะ ขอดูอีกสักหน่อยนะคะ” จัสมินหันมาส่งยิ้มให้
“มีที่ดูทันสมัยกว่านี้ไหมครับ” อูซาลหันมามองหน้าเจ้าของร้านพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
เจ้าของร้านทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบ “มีครับ ตามผมมาทางนี้เลยครับ” พูดจบเขาก็รีบเดินนำหน้าทั้งคู่ไปที่เคาเตอร์ด้านใน ก่อนที่จะเดินอ้อมไปทางด้านหลังเคาเตอร์ ส่วนสองพี่น้องก็นั่งลงที่หน้าเคาเตอร์
“รอสักครู่นะครับ” เจ้าของร้านบอกแล้วก็เดินหายไปทางประตูด้านหลังร้าน จนกระทั่งอีก 5 นาทีต่อมาเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องสีแดงในมือ 2 กล่อง ก่อนจะวางลงตรงหน้าของสองพี่น้อง
อูซาลหยิบกล่องทางด้านขวามือขึ้นมาเปิดก่อน แล้วจึงเอื้อมมือไปเปิดกล่องทางด้านซ้ายมือแล้วเอามาวางเทียบกัน ทำให้เห็นว่านาฬิกาเรือนแรกมีตัวเรือนเป็นสีเงิน หน้าปัดเป็นรูปวงกลม ตัวอักษรด้านในบ่งบอกถึงยี่ห้อที่มีชื่อเสียงและราคาที่น่าจะแพงพอสมควร ส่วนอีกเรือนหนึ่งหน้าปัดจะเป็นรูปหกเหลี่ยม
จัสมินมองอย่างพิจารณาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาปรึกษากับน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆ “เรือนไหนดีล่ะอูซาล สวยทั้งคู่เลยพี่เลือกไม่ถูกจริงๆ”
“ท่านพี่ตัดสินใจเองดีกว่า มันจะได้มีค่ามากที่สุดสำหรับคนรับ” ชายหนุ่มกระซิบบอกเบาๆก่อนจะอมยิ้มให้พี่สาว ซึ่งจัสมินเองก็ยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะก้มลงพิจารณานาฬิกาทั้ง 2 เรือนอีกครั้งเพื่อตัดสินใจเลือกซื้อ
ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าสาวสวยอีกคนเดินเข้ามาในร้านและตรงมาที่หน้าเคาเตอร์ซึ่งสองพี่น้องนั่งอยู่ แล้วหันไปมองนาฬิกาที่อยู่ในตู้โชว์ก่อนจะเลื่อนสายตามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่นาฬิกาสองเรือนบนเคาเตอร์ซึ่งจัสมินกำลังเลือกอยู่ หญิงสาวคนนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้วพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
“ขอโทษนะคะ ขอดูบ้างได้ไหมคะ”
จัสมินหันมามองพร้อมกับส่งยิ้มให้และเลื่อนกล่องนาฬิกาไปทางหญิงสาวผู้มาใหม่ “เชิญค่ะ”
“ไปให้เขาดูทำไมล่ะ เรายังเลือกไม่ได้เลยนะ” อูซาลกระซิบบอกพี่สาว
“ก็เรายังเลือกไม่ได้เลยน่ะสิพี่ถึงให้เขาเลือกก่อน เผื่อว่าเขาจะซื้อขึ้นมา เจ้าของร้านจะได้ขายได้อีกเรือน” เธอบอกกับน้องชาย แล้วหันกลับมาทางหญิงสาวอีกคนที่กำลังพิจารณานาฬิกาอยู่
มาริดาเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับยิ้มให้อีกครั้ง “คุณจะเอาทั้งสองเรือนเลยหรือเปล่า”
“อ้อ เปล่าหรอกค่ะ ฉันจะเอาแค่เรือนเดียว แต่ก็ยังเลือกไม่ถูก” จัสมินก้มลงมองนาฬิกาทั้งสองเรือนอีกครั้ง
“คุณจะซื้อให้แฟนหรือคะ” มาริดาอมยิ้มแล้วมองเลยไปที่อูซาลที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของหญิงสาว ทำให้ จัสมินหันไปมองทางน้องชายก่อนจะหันกลับมาที่หญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างขำๆ
“ใช่ค่ะฉันจะซื้อไปให้คนรักค่ะ แต่ไม่ใช่คนนี้หรอกค่ะ คนนี้เขาเป็นน้องชายของฉันเองค่ะ ฉันวานให้เขามาช่วยเลือก แต่ก็ยังเลือกไม่ได้สักที”
“อ้อ เหรอคะ ขอโทษทีนะคะที่เข้าใจผิด” มาริดาหัวเราะเบาๆแล้วพูดต่อ “ฉันเองก็จะซื้อไปให้คนรักเหมือนกันค่ะ”
“เหรอค่ะ ดีจัง แล้วคุณต้องการเรือนไหนคะ” จัสมินถามพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่าย
“อืม....คุณเลือกก่อนดีกว่าค่ะ แล้วฉันจะเอาเรือนที่เหลือเอง เพราะเขาชอบทุกอย่างที่ฉันซื้อให้อยู่แล้ว”
“น่ารักจังเลยนะคะ” จัสมินอดชื่นชมคนรักของอีกฝ่ายไม่ได้ และก้มลงไปหยิบนาฬิกาที่ทีหน้าปัดวงกลมขึ้นมา “งั้นฉันเอาเรือนนี้ก็แล้วกันค่ะ”