บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ดอกรักเบ่งบาน

ตอนที่ 3 ดอกรักเบ่งบาน

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากเดือนก็เลื่อนไปเป็นปีและความสัมพันธ์ของมาริคกับจัสมินก็ยิ่งแน่นแคว้นมากยิ่งขึ้น จากความเป็นเพื่อนจึงเลื่อนขึ้นมาเป็นคนรักและหญิงสาวก็รักชายหนุ่มมากขึ้นทุกทีจนลืมว่าตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ส่วนมาริคเองก็หลงรักหญิงสาวจนถอนตัวไม่ขึ้น ถึงกับบอกให้บิดาไปขอถอนหมั้นกับคู่หมั้นของตนเพราะตนได้เจอกับผู้หญิงที่ตนเองรักแล้ว

และในคืนนี้มาริคได้นัดจัสมินออกมาทานอาหารเย็นในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง และเขาตั้งใจว่าจะขอหมั้นหมายเธอเอาไว้ก่อนแล้วพอเรียนจบก็จะไปขอหมั้นหมายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ชายหนุ่มคิดอย่างกระหยิ่มในใจก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วกุมกล่องแหวนเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น และเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวก่อนจะเอ่ยเรียกเบาๆ

“จัสมิน... ”

จัสมินละสายตาจากภาพทิวทัศน์ในยามค่ำคืนของเมืองเคมบริดจ์แล้วหันมาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม “คะ?”

“ช่วงเวลาที่คุณคบกับผมมาคุณคิดว่าผมเป็นคนยังไงบ้างครับ”

หญิงสาวอมยิ้มแล้วมองสบตากับเขาก่อนจะตอบออกมาจากความรู้สึกที่อยู่ลึกๆข้างใน “คุณเป็นคนดีมากค่ะ แล้วก็เสมอต้นเสมอปลายตลอด ตั้งแต่เราคบกันมาฉันมีความสุขมากค่ะ”

“ผมเองก็มีความสุขมาก และคิดว่าผมได้เจอกับผู้หญิงที่ผมรอคอยมาตลอดชีวิตแล้ว” มาริคคลี่ยิ้มกว้างแล้วพูดต่อ “และคนคนนั้นก็คือคุณ คุณจะรังเกียจผมหรือเปล่า ถ้าผมจะบอกว่า...ผมรักคุณ”

จัสมินนิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินคำสารภาพรักจากชายหนุ่ม มันทำให้เธอดีใจและตื้นตันอย่างมีความสุข และคิดว่าเธอจะไม่กลัวอะไรอีกแล้วถ้ามีเขาอยู่เคียงข้าง และจะขอแต่งงานกับผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าบิดาของเธอจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

มาริคหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่ในกระเป๋าเสื้อออกมาก่อนจะเปิดมันออก ทำให้เห็นแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กๆ 1 เม็ด ส่องแสงวาววับเล่นกับแสงไฟจากโคมไฟระย้าที่อยู่บนเพดาน และนั่นก็ทำให้หยดน้ำตาของจัสมินไหลลงอย่างไม่รู้ตัวด้วยความปิติยินดี จากนนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วใช้มือปาดหยาดน้ำตาของเธอออกก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ผมรักคุณ ที่รัก แหวนวงนี้เป็นเหมือนตัวแทนความรักของผมที่มีต่อคุณ”

มาริคดึงมือข้างซ้ายของหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะบรรจงสวมแหวนแทนใจลงไปบนนิ้วนางอย่างนุ่มนวล

“มาริค...ฉันก็รักคุณค่ะ ฉันจะเก็บรักษามันเอาไว้อย่างดีที่สุด” เธอยิ้มให้เขาทั้งน้ำตาก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม และมาริคเองก็กอดหญิงสาวเอาไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ

วังหลวง แคว้นบารัส

สุลต่านอาชาฟถึงกับประทับไม่ติดกับเก้าอี้เมื่อพระโอรสของพระองค์โทรมาบอกว่าได้เจอกับผู้หญิงที่ตนเองรักแล้ว และจะแต่งงานกับเธอผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ในฐานะที่พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ปกครองแคว้นนี้ พระองค์จะเสียคำสัตย์ที่ให้ไว้กับสุลต่านการีฟซึ่งเป็นเพื่อนรักของตนเองไม่ได้เพราะได้ลั่นวาจากันเอาไว้แล้วว่าจะให้ลูกของทั้งสองฝ่ายแต่งงานกัน

“ข้าจะทำอย่างไรดีนะ” เขาเดินวนไปวนมาพร้อมกับเม้มริมฝีปากหนาเข้าหากันและคิ้วหนาก็ขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด และต่อมาไม่นานเขาก็หยุดชะงักฝีเท้าแล้วยกมุมปากขึ้นเมื่อคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้แล้ว จากนั้นสุลต่านอาชาฟก็ก้าวไปที่ประตูพร้อมกับออกคำสั่งทันที

“อัสชา ไปตามมาริดามาพบข้าเดี๋ยวนี้”

“พระเจ้าค่ะ” องครักษ์ประจำตัวรับคำสั่งก่อนจะโค้งต่ำแล้วถอยออกไปเพื่อทำตามรับสั่ง แต่ยังไม่ทันที่อัสชาจะก้าวพ้นประตูออกไป ร่างเพรียวบางของเจ้าหญิงมาริดาก็เดินคลี่ยิ้มหวานเข้ามาในห้องนั้นเสียก่อน พร้อมกับมองหน้าผู้เป็นลุง

“เสด็จลุงทรงรับสั่งหาหลานหรือเพคะ หลานได้ยินแว่วๆ”

“ใช่ เจ้ามาก็ดีแล้ว ลุงมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับเจ้า นั่งก่อนสิ” อาชาฟบอกแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟา ส่วนอัสชาก็รีบถอยออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่

“มีเรื่องอะไรสำคัญหรือเพคะ ท่าทางเสด็จลุงดูมีลับลมคมในพิกล” มาริดาถามขึ้นหลังจากเดินมานั่งลงข้างๆกับผู้เป็นลุงเรียบร้อยแล้ว

“ใช่ เจ้าคงรู้แล้วนะว่ามาริคจะต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งมาราคัต แต่เขากลับหนีไปเรียนต่อเสียดื้อๆ”

“เพคะ ทราบแล้วเพคะ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่เสด็จลุงจะพูดกับหลานยังไงเพคะ?” เธอถามพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“เกี่ยวสิ เพราะว่าตอนนี้มาริคกำลังคบอยู่กับผู้หญิงคนนึ่ง และหลงรักจนหัวปักหัวปรำ แต่ลุงไม่ต้องการให้ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาเป็นสะใภ้ที่วังนี้” อาชาฟบอกถึงจุดประสงค์ของตนเอง

“ตายแล้ว นี่เสด็จพี่มาริคไปรักผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง ชั่งไม่ห่วงเกียรติของตนเองบ้างเลย” มาริดาทำเสียงสูงอย่างไม่พอใจ แต่ที่เธอไม่พอใจก็คือมาริคไปรักผู้หญิงคนอื่น เพราะเธอเองก็รักญาติหนุ่มเช่นเดียวกัน และหลงรักมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กแล้ว แต่ทว่าญาติหนุ่มกลับไม่สนใจในตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็เป็นปมทำให้มาริดาเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้กับญาติหนุ่มของเธอ

“ลุงต้องการให้เจ้าไปขัดขวางและทำลายความรักของทั้งคู่ ทำยังไงก็ได้ให้มาริคเกลียดผู้หญิงคนนั้นให้มากที่สุด เจ้าทำได้ไหม?” อาชาฟมองหน้าหลานสาวอย่างรอคำตอบ

“เสด็จลุงทรงวางพระทัยได้เลยเพคะ หลานจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเพคะ เสด็จลุงรอฟังข่าวดีได้เลยเพคะ” เธอบอกกับผู้เป็นลุงอย่างมั่นใจ และนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการจากใจจริงๆ

เมืองเคมบริดจ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

อูซาลลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวที่อยู่ในชุดแซกสีขาวสั้นแค่เข่า พร้อมกับเลิกคิ้วสูง “ท่านพี่จะออกไปไหนเหรอ แต่งตัวสวยเชียว”

“จะไปดูหนังแล้วก็ไปทานข้าวกับมาริค ไปด้วยกันไหม” จัสมินเดินยิ้มเข้ามาหาน้องชายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ไม่ล่ะ เชิญท่านพี่ตามสบาย น้องเบื่อ ไม่อยากออกไปไหน” ชายหนุ่มบอกแล้วทำหน้าเซ็งๆ

“หึ หึ เธอเนี่ยนะรู้จักคำว่าเบื่อด้วยไม่น่าเชื่อ พี่เห็นเธอออกนอกบ้านแทบทุกวัน ถ้าไม่ใช่กลางวันก็เป็นตอนกลางคืน” จัสมินเลิกคิ้วสูงพร้อมกับหัวเราะอย่างขำๆ

“น้องรู้สึกเบื่อๆยังไงก็ไม่รู้ มันบอกไม่ถูก” อูซาลตอบเสียงเรียบแล้วมองเลยไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของพี่สาวก่อนจะพูดปนยิ้มๆว่า “แล้วท่านพี่ละ น้องเห็นแหวนวงนั้นมาหลายวันแล้ว ไม่คิดจะบอกน้องชายบ้างเลยหรือว่ามันหมายความว่ายังไง?”

จัสมินยกแหวนบนนิ้วขึ้นมาดูด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อพร้อมกับพูดด้วยความเขินอาย “เป็นของขวัญแทนใจจากมาริคน่ะ ไม่มีอะไรมาก”

“น้องดีใจที่เห็นท่านพี่มีความสุข แล้วจะบอกเสด็จพ่อเมื่อไรเหรอครับ คบกันมาตั้งปีหนึ่งแล้วนะ” อูซาล

มองสบตากับพี่สาวด้วยแววตาตั้งคำถาม และคำถามประโยคนั้นก็ทำให้รอยยิ้มที่เบ่งบานของจัสมินหุบลงทันทีแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่มีความวิตกกังวลขึ้นมาแทนที่ก่อนจะตอบน้องชายด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

“พี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าพี่จะเข้มแข็งพอที่จะกราบทูลกับเสด็จพ่อหรือเปล่า อีกอย่างพี่อยากมั่นใจในตัวของมาริคให้มากกว่านี้อีกนิด”

อูซาลลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งลงข้างๆกับพี่สาว “เรื่องเสด็จพ่อถ้าท่านพี่จะให้น้องช่วยอะไรก็ขอให้บอก น้องยินดีช่วยทุกอย่าง”

“ขอบใจเธอมาก” จัสมินหันมายิ้มเศร้าๆให้กับน้องชาย ก่อนจะมองเลยไปที่หน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน และมันก็ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจอีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินออกไป “พี่ต้องไปแล้ว เขามารับแล้ว”

“เที่ยวให้สนุกนะท่านพี่” อูซาลตะโกนตามหลังพี่สาวไปพร้อมกับรอยยิ้ม

“จ้ะ แล้วจะซื้อขนมมาฝากนะ” จัสมินหันกลับมามองน้องชายแล้วยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูออกไป โดยมีสายตาของผู้เป็นน้องชายมองตามไปจนกระทั่งบานประตูปิดลง จากนั้นเขาก็ถอนใจออกมาอย่างแรง “เฮ้อ...”

“ทรงเป็นอะไรพระเจ้าค่ะ” อาซัมเดินเข้ามาทันได้ยินเข้าพอดีจึงเอ่ยถามขึ้น

“เปล่า แต่มันเบื่อๆเซ็งๆยังไงไม่รู้”

“เมื่อวานยังเห็นสนุกกับชีวิตอยู่เลย แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เบื่อได้ล่ะพระเจ้าค่ะ” องครักษ์หนุ่มหนุ่มขมวดคิ้ว

“ไม่รู้สิ” อูซาลตอบแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหน้ามาประจันหน้ากับอีกฝ่ายแล้วพูดต่อ “วันนี้ฉันอยากควงนายออกไปข้างนอกสักวันได้ไหม?”

อาซัมมองหน้าเจ้าชายหนุ่มพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตกใจในคำรับสั่งนั้น “ทรงหมายความว่าอย่างไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่นิยมไม้ป่าเดียวกันนะพระเจ้าค่ะ”

“เฮ้ย!...ไม่ใช่อย่างที่นายคิด แต่ที่ฉันพูดน่ะฉันหมายความว่าวันนี้นายกับฉันออกไปหาอะไรดื่มกันตามประสาผู้ชาย นายจะไปหรือเปล่า?”

“ถ้าเป็นพระประสงค์กระหม่อมก็ไม่ขัดพระเจ้าค่ะ” อาซัมบอกพร้อมกับอมยิ้ม

“ดี งั้นเราไปกันเลย ไปท่องราตรีตามประสาผู้ชายโสด” อูซาลตบไหล่คนสนิทแล้วโอบไหล่กันออกไป จากนั้นรถยนต์สีดำก็เคลื่อนออกไปจากบ้านพักหลังใหญ่แห่งนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel