ตอนที่ 2 รักแรกพบ
ตอนที่ 2 รักแรกพบ
สัปดาห์แรกของการเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์ วาร์ด เป็นไปอย่างเรียบร้อย และเมื่อมีเวลาว่างจัสมินก็จะเข้าไปหาความรู้เพิ่มเติมในห้องสมุดของมหาลัยวิทยาลัย ซึ่งที่นี่ก็เป็นแหล่งรวบรวมหนังสือจากทั่วโลกเอาไว้เหมือนกับอยู่ที่นี่ที่เดียวแล้วได้เดินทางไปรอบโลกจริงๆ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวเพลิดเพลินจนลืมเวลาที่จะกลับบ้าน พอมารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทำให้เธอต้องรีบเก็บหนังสือเข้าที แต่พอก้าวถอยหลังออกมาจากชั้นวางหนังสือก็ต้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อหลังของเธอชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
“อุ๊ย!”
และเมื่อจัสมินหันไปมองแล้วเห็นว่าเป็นผู้ชายก็รีบถอยห่างออกมาแล้วกล่าวขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวัง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ทันระวังเหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” มาริคคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวสวยตรงหน้าอย่างตะลึงงัน
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่เป็นไร” จัสมินยิ้มตอบน้อยๆและมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง “เอ่อ...ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินเลี่ยงออกไป
มาริคมองตามหลังของหญิงสาวไปจนลับสายตา ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเขาพร้อมกับพูดขึ้น “ซาชามฉันอยากรู้จักผู้หญิงคนนี้”
“ได้ครับ” ซาชามรับคำสั้นๆแล้วโค้งต่ำให้ก่อนจะถอยออกมาโดยไม่ต้องรอให้เจ้านายหนุ่มต้องสั่งการอะไรเพิ่มอีก
มาริคอมยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันกลับมามองทางทิศที่หญิงสาวผู้นั้นเดินหายไปและพลางคิดในใจว่า เขาตัดสินใจถูกที่มาเรียนต่อที่นี่ จนทำให้ได้มาเจอกับหญิงสาวสวยที่ถูกใจเขาแบบนี้
และแล้วในวันรุ่งขึ้นมาริคก็ได้รู้ว่าหญิงสาวที่เจอในห้องสมุดมีชื่อเรียงเสียงไรและเรียนอยู่ที่คณะไหน และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมามาริคก็มาดักรอพบหญิงสาวที่หน้าตึกเรียนเกือบทุกวัน แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงจะคอยหลบหน้าเขาทุกครั้งที่เจอหน้ากันและมีท่าทางหวาดระแวงในตัวของเขาด้วย จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าหญิงสาวคงรังเกียจในตัวเขา และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ในวันนี้มาริคต้องมานั่งเก็บตัวอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดเงียบๆ จนกระทั่งซาชามคนสนิทของเขาเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเขาพร้อมกับพูดขึ้น “วันนี้เจ้านายไม่ไปพบคุณจัสมินเหรอครับ”
“ไม่ นายก็เห็นว่าจัสมินไม่ชอบฉัน แถมยังทำท่าทางเหมือนรังเกียจและขยะแขยงฉัน แล้วแบบนี้นายยังจะให้ฉันไปหาเธออีกเหรอ” มาริคเงยหน้าขึ้นมองคนที่เป็นทั้งเพื่อนและบอดี้การ์ด
“เจ้านายคิดจะยอมแพ้เหรอครับ”
“แล้วนายจะให้ฉันหน้าด้านไปดักรอคนที่ไม่ชอบหน้าฉันยังงั้นเหรอ”
“สำหรับผมแล้วผมคิดว่าของที่มีค่าย่อมได้มาอย่างยากลำบากเพราะฉะนั้นผมไม่ยอมถอยง่ายๆแน่” ซาชามพูดขึ้นเพื่อให้เจ้านายหนุ่มได้คิด
“ยังงั้นเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงพร้อมกับยกมุมปากขึ้น ก่อนจะก้มหน้าลงสนใจกับหนังสือตรงหน้าต่อ ทำให้ซาชามต้องผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆแล้วพูดขึ้นเปรยๆว่า “เมื่อครู่ผมได้ยินเพื่อนๆของคุณจัสมินคุยกันว่าเย็นนี้ที่คณะจะมีงานเลี้ยงปาร์ตี้กัน คุณจัสมินก็คงจะอยู่ด้วย ผมว่าผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวมืดๆค่ำๆมันเสี่ยงกับอันตรายมากนะครับ” พูดจบเขาก็สังเกตปฏิกิริยาของนายหนุ่มอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ใส่ใจในคำพูดของตนเองจึงได้เดินผละออกมาอย่างเงียบๆ
และเมื่อซาชามเดินหันหลังจากไปมาริคก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองตามหลังของลูกน้องคนสนิทไปพร้อมกับใช้ความคิด จากนั้นไม่นานหนังสือตรงหน้าของเขาก็ถูกปิดลงแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องสมุดอย่างรวดเร็ว
งานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ที่คณะของเจ้าหญิงจัสมินจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและเป็นกันเองทำให้ทุกคนสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ และจัสมินเองก็ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหลายคน แต่เมื่อมีงานเลี้ยงก็ย่อมต้องมีวันเลิกรา หลังจากงานเลี้ยงเลิกก็เป็นเวลาที่ดึกพอสมควรแล้วทำให้ราชนิกูลสาวเลือกที่จะขึ้นแท๊กซี่กลับบ้านเองแทนที่จะโทรเรียกให้น้องชายหรือคนรับใช้มารับเพราะนานๆทีที่เธอจะได้เป็นอิสระแบบนี้สักครั้ง แต่แล้วสิ่งที่จัสมินตัดสินใจนั้นมันก็ผิดอย่างมหันต์ เพราะเมื่อเธอเดินเลี้ยวออกมาจากหน้ามหาลัยซึ่งเป็นมุมมืด ร่างบางก็ถูกประกบเข้าทางด้านหลังพร้อมกับมีของแหลมๆทิ่มอยู่ที่แผ่นหลังของเธอทำให้ร่างกายเย็นวาบไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกกลัว
“ส่งเงินและของมีค่ามาให้หมดถ้ายังไม่อยากเป็นผีเฝ้าถนนที่นี่” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าแต่ก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นผู้ชาย แล้วจัสมินก็ยังได้กลิ่นแอลกอฮอล์มาจากร่างสูงที่ยืนอยู่ทางด้านหลังด้วย
“ฉะ..ฉัน..ไม่มี ฉันไม่ได้พกเงินมา” หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกักและพยายามตั้งสติของตนเองเอาไว้
“ไม่เชื่อ รีบเอาเงินออกมา ไม่งั้นมีดอันนี้จะเสียบเข้ากลางหลังของเธอแน่ๆ” เจ้าโจรร้ายบอกพร้อมกับกดปลายมีดแรงขึ้นทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก
“อย่านะ!” เธอร้องอย่างตกใจแต่แล้วก็ต้องรีบหุบปากเงียบกริบทันทีเมื่อได้ยินเสียงขู่จากอีกฝ่าย
“ถ้าเธอร้องฉันจะเฉือดคอเธอซะ” เจ้าคนร้ายเลื่อนมีดมาจ่อที่ลำคอระหง แต่แล้วมันก็ต้องตกใจและหยุดชะงักการกระทำทันทีเมื่อมีเสียงดังขึ้นทางเบื้องหลังของมัน
“แต่ฉันว่าคนที่ไม่มีลมหายใจน่าจะเป็นแกมากกว่า”
และพอเจ้าคนร้ายจะหันไปมองมันก็ต้องใจหายวูบเมื่อปลายกระบอกปืนสีเงินวาวจ่อเข้าที่ขมับของมันและพร้อมจะฝังลูกตะกั่วเข้าไปในหัวสมองได้ทุกเมื่อ
“ถอยออกมาจากคุณผู้หญิงคนนั้นแล้วชูมือขึ้นอย่างช้าๆนะ” มาริคขยับปืนอย่างระมัดระวังและเมื่อเจ้าคนร้ายชูมือขึ้น เขาก็รีบปัดมีดในมือของคนร้ายทิ้งไปก่อนจะฟาดด้ามปืนลงไปบนท้ายทอยของมันเต็มแรง จนร่างสูงนั้นล้มฟุบลงไปนอนสลบอยู่กับพื้น และพอดีกกับที่ซาชามวิ่งเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ เขาจึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาจับตัวคนร้ายไปเข้าตาราง
มาริคเก็บปืนแล้วเดินเข้ามาหาจัสมินที่ยังยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับถามอย่างเป็นห่วง “คุณเป็นยังไงบ้างครับ”
“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณ...เอ่อ...” จัสมินมองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับกล่าวขอบคุณ แต่เธอไม่รู้จักชื่อของเขาจึงเอ่ยชื่อเขาไม่ถูก ทำให้มาริคต้องแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
“ผมชื่อมาริคครับ เราเคยเจอกันแล้วหลายครั้งแต่ผมไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวเองเลย”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณมาริค” หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาเมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายมาอย่างมิตร และยังเป็นผู้มีพระคุณของเธออีกด้วย
“ไม่เป็นไรครับคุณจัสมิน” เขาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยชื่อหญิงสาวออกไป และนั่นก็ทำให้รอยยิ้มของจัสมินหุบลงทันทีและเปลี่ยนเป็นแววตาที่สงสัยแทนก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“เอ๊ะ! คุณรู้จักชื่อฉันด้วยหรือคะ”
“ครับ ผมได้ยินเพื่อนๆของคุณเรียกคุณน่ะครับ” มาริคแก้ตัวเพราะไม่อยากให้หญิงสาวระแวงในตัวของเขา ก่อนจะอาสาไปส่งเธอที่บ้าน “ให้ผมไปส่งที่บ้านนะครับ รับรองว่าผมไว้ใจได้ 100%”
จัสมินมองหน้าชายหนุ่มอย่างคิดไตร่ตรองก่อนจะตัดสินใจตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
มาริคยิ้มอย่างดีใจก่อนจะหันมาสั่งงานกับคนสนิทของตนเอง “เดี๋ยวนายจัดการทางนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะ ฉันจะไปส่งคุณจัสมินที่บ้านแล้วจะย้อนมารับนายทีหลัง”
“ครับ” ซาชามรับคำแล้วลอบอมยิ้ม จากนั้นมาริคก็พาหญิงสาวไปที่รถของตนเองก่อนจะขับออกไป
มาริคพารถยนต์มาจอดลงที่ประตูรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่แล้วหันมาทางหญิงสาวที่นั่งคู่มาด้วยพร้อมกับพูดขึ้น “คุณยังตกใจอยู่อีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” จัสมินยิ้มให้พร้อมกับปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันมาพูดต่อ “ไม่เข้าไปจิบน้ำชาหรือกาแฟหน่อยหรือคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ดึกมากแล้ว มันคงจะไม่เหมาะสม” ชายหนุ่มบอกอย่างสุภาพ ทำให้จัสมินส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ
“นอนหลับฝันดีนะครับ” มาริคคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับอวยพร
“ค่ะ เช่นกันนะคะ” จัสมินยิ้มรับแล้วยกมือโบกลาชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ส่วนมาริคก็เคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้านของหญิงสาว
อูซาลเฝ้ามองท่าทางที่เหม่อลอยของพี่สาวมา 2-3 วันแล้ว และวันนี้ก็เช่นกันเขาเห็นพี่สาวของเขานั่งยิ้มอยู่คนเดียวที่ชิงช้าหน้าบ้าน ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับส่งเสียงกระแอ่มเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรู้ตัว “แอ่ม แอ่ม” จัสมินสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันมามองทางด้านหลัง ก่อนจะคลี่ยิ้มให้น้องชาย
“ตกใจหรือท่านพี่” เขาเดินเข้ามานั่งลงที่ชิงช้าอีกตัว
“นิดหน่อย พอดีพี่กำลังคิดเรื่องงานที่มหาลัยอยู่” หญิงสาวแก้ตัวแล้วหลบสายตาที่มองมาอย่างค้นหาของน้องชาย
“แน่ใจนะว่าคิดเรื่องงานที่มหาลัย ไม่ใช่คิดถึงผู้ชายคนที่ช่วยท่านพี่เอาไว้” ราชนิกูลหนุ่มอมยิ้มพร้อมกับมองหน้าพี่สาว
“เอ่อ...เธอรู้เรื่องด้วยเหรอ” หญิงสาวทำท่าทางอึกอักพร้อมกับยิ้มอย่างเขินๆและใบหน้าเนียนก็แดงระเรื่อขึ้น
“รู้สิ แล้วน้องก็คิดว่าท่านพี่โตแล้ว มีสิทธิ์ที่จะคบหากับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังใคร” อูซาลมองสบตากับพี่สาวพร้อมกับส่งยิ้มให้
“แต่ว่าพี่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว พี่กลัวว่าเสด็จพ่อจะทรงไม่พอพระทัยถ้าทรงทราบเรื่องนี้” เจ้าหญิงสาวบอกอย่างกังวลแล้วหันไปมองพื้นหญ้าด้านหน้าด้วยแววตาเศร้าหมอง
“น้องว่าอย่าเพิ่งคิดไปถึงเรื่องนั้นเลย มันจะทำให้เราไม่สบายใจเปล่าๆ คิดแต่เรื่องที่ดีๆในตอนนี้ก็พอแล้ว”
เขาเอื้อมมือไปกุมหลังมือของพี่สาวอย่างให้กำลังใจ ส่วนจัสมินก็หันมายิ้มให้กับน้องชายพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง
“ขอบใจนะที่เธอเข้าใจพี่และคอยให้กำลังใจพี่อยู่เสมอ”
“ก็เรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นนี่ครับ” อูซาลยิ้มและตบหลังมือพี่สาวเบาๆก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ท่านพี่อย่าเพิ่งวางใจเขาง่ายๆนะครับ ต้องคบกันไปนานๆ ผู้ชายน่ะมักมองผู้หญิงเพื่อหวังผลประโยชน์”
“ขอบใจจ้ะที่เธอเป็นห่วงพี่ ตอนนี้พี่กับเขาก็คบกันแบบเพื่อนยังไม่ถึงขั้นแฟนหรอกจ้ะ รับรองว่าพี่จะไม่เชื่อใจผู้ชายคนไหนง่ายๆนอกเสียจากผู้ชายคนนี้” จัสมินยิ้มกว้างแล้วชี้นิ้วไปที่หน้าอกของน้องชายอย่างแรง ทำให้อูซาลหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปตรงหน้าของพี่สาว
“งั้นวันนี้ผู้ชายคนนี้ขอพาคุณผู้หญิงคนสวยไปออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง จะได้หรือเปล่าครับ”
“ยินดีเป็นอย่างมากเลยค่ะ แต่ว่าต้องไปกันสองคนเท่านั้นนะ” จัสมินอมยิ้มและนึกขำในท่าทางหยอกล้อของน้องชาย
“ได้ขอรับ คุณผู้หญิงคนสวย” อูซาลโค้งต่ำลงอย่างสุภาพ ทำให้ผู้เป็นพี่สาวหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือของน้องชายแล้วลุกขึ้นให้เขาจูงเดินตรงไปที่รถ