บท
ตั้งค่า

9 ท่านห้ามขยับ

ตอนที่ 9 ท่านห้ามขยับ

“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องแต่ง!! สินสอดแม่ก็ส่งไปให้บ้านหลิวหมดแล้ว เหลือแค่ให้เจ้าไปรับตัวนางมาก็เท่านั้น แค่เจ้าสวมชุดนี้ แล้วนำขบวนไปรับนางมาก็จบแล้ว เจ้าทำให้แม่เพียงแค่นี้ไม่ได้หรือ”

“ท่านแม่ท่านอย่าบังคับข้าเลย อย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับนาง”

เหวินถงยังคงยืนกรานหนักแน่น และเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับผู้ติดตาม

“สาส์นรับตำแหน่งจะไปถึงเมืองฉินวันไหน”

ซ่งเหวินถงเอ่ยถามหงเฟยหลง

“อีกสองวันขอรับ”

“เก็บของเถอะ เราจะไปที่เมืองฉินกันวันนี้เลย”

“แล้วท่านจะไม่บอกนายท่านหรือ”

“บอก? หากข้าบอกเจ้าคิดว่าที่ทำงานของข้าจะกลายเป็นอะไร เร็วเข้าเก็บของที่จำเป็นเสีย”

“ขอรับๆ ข้าจะรีบเก็บของให้เร็วที่สุด ไม่ยอมให้หญิงนางนั้นมาพรากความรักอันเด็ดเดี่ยวของท่านไปได้เด็ดขาด”

ผู้ติดตามของซ่งเหวินถงเก็บนั่นนี่ใส่ห่อผ้า จากนั้นทั้งสองก็หลบหนีออกจากบ้านทางประตูหลัง แถมยังตีคนงานด้านหลังจนน่วมและสลบคาที่…

“หากข้าไม่มาที่นี่ ข้าก็คงไม่ได้เจอข่าวสารอันใด”

แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ยังไม่แน่ใจว่าสตรีคนนั้นจะใช่แม่นางเหยียนหรือไม่?

“ท่านมัวนั่งบ่นอะไรอยู่ได้ มานอนเถอะขอรับ พรุ่งนี้ก็จะได้เจอนางแล้วค่อยสอบถามตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

หงเฟยหลงที่นอนหันหลังอยู่เช่นเดิม เอ่ยปากเรียกเจ้านายที่ไม่ต่างจากเพื่อนทั้งๆ ที่ปิดตาลงแล้ว

“บ่นอยู่ได้ น่ารำคาญเสียจริง”

ซ่งเหวินถงถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปเป่าเชิงเทียนแล้วเดินไปนอนที่เตียง

รุ่งเช้า…

ซูหรานตื่นขึ้นมาตามช่วงเวลาเดิม แต่พอนางลืมตาขึ้นมาถึงจำได้ว่าตนหนีหัวซุกหัวซุนมาได้อย่างไร

เห้อ ช่างเถอะๆ อย่างไรก็พ้นมือมารมาได้แล้ว ต่อจากนี้หวังว่าข้าจะเจอทางออกที่ดี

เหยียนซูหรานหันไปทางบุตรสาวที่นอนด้านในแล้วยิ้มน้อยๆ

“เจ้าก้อนกลมในตอนนั้น กลายมาเป็นเด็กสาวที่รู้ความไปเสียแล้ว”

ซูหรานได้แต่นอนมองลูกสาวภายใต้แสงอาทิตย์ที่เริ่มพ้นขอบฟ้า

“อือ…”

ซินเอ๋อส่ายหน้าไปมาพร้อมกับมีเหงื่อผุดบนใบหน้า

“ตัวก็ไม่ได้ร้อน คงไม่ใช่ว่ากำลังฝันร้ายอยู่หรอกนะ”

ซูหรานเอาหลังมือแตะหน้าผากบุตรสาวแล้วเรียกชื่อให้นางได้สติ

“ท่านแม่!! ข้าฝันว่าลุงจงเอามีดแทงท่าน ฮือๆ”

เมื่อลืมตาขึ้นมาได้สาวน้อยก็ร้องไห้จ้า

“โอ๋ๆ เสี่ยวเอ๋อของแม่เจ้าอย่าห่วงไปเลย มันเป็นเพียงแค่ความฝันก็เท่านั้น อีกอย่างตอนนี้เราหนีจากลุงจงมาได้แล้ว ไม่ต้องร้องแล้วนะ”

ซูหรานเห็นบุตรสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยร้องไห้จนน้ำตาท่วมหน้าก็นึกปวดใจ

“ฮึก ข้าจะไม่กลับไปบนภูเขาอีกแล้ว ท่านแม่เราอยู่ห่างๆ ท่านลุงจงกันเถอะนะ”

เหยียนซินเอ๋อที่กลัวว่าแม่จะถูกแทงตายได้แต่ขอร้องมารดา และเข้าไปสวมกอดท่านแน่น

“แน่นอนสิ แม่จะยังไม่กลับไปตอนนี้ เอาเป็นว่าพวกเรามาเริ่มต้นใช้ชีวิตในเมืองฉินนี้กันดีไหม”

ซูหรานลูบหลังบุตรสาวอย่างเอ็นดู

“ดีเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ที่เมืองฉิน”

ซินเอ๋อไม่อยากเดินทางอีกแล้ว การเดินทางช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน แถมข้ายังเด็กนักท่านแม่ก็ต้องมาคอยแบกหาม รอให้ข้าโตกว่านี้ก่อนเถอะ ข้าจะหาเงินช่วยท่านแม่เอง พอถึงตอนนั้นเราจะได้ไม่ต้องไปพึ่งพิงใครให้เขามาตามทวงบุญคุณ

“เด็กดี ในเมื่อเจ้าตื่นแล้วเราไปล้างหน้าบ้วนปากกันเถอะ”

ซูหรานลุกออกมาจากเตียงแล้วเดินไปหน้าห้องพัก นางนำถังน้ำอุ่นที่ทางโรงเตี๊ยมเตรียมมาให้ยกเข้าไปด้านในห้องแล้วปิดประตูเบาๆ

“เสี่ยวเอ๋อเอาแปรงสีฟันกับเกลือมาให้แม่หน่อย”

“เจ้าค่ะท่านแม่”

เสียงเล็กๆ ร้องตอบพลางเดินไปที่เป้ของมารดาแล้วหยิบแปรงสีฟันออกมาสองอัน

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในทุกๆ เช้า ข้ากับท่านแม่จะต้องแปรงฟันด้วยกิ่งไม้ที่นำมาประยุกต์ใช้เสมอ

ท่านแม่บอกข้าว่า หากเราไม่แปรงฟันปากจะเหม็นมาก ดังนั้นแล้ว ท่านแม่จึงทำแปรงสีฟันจากกิ่งต้นหลิวเอาไว้เสมอ ช่วงแรกที่ใช้แปลงอันใหม่ข้าไม่ชอบเลย เพราะมันค่อนข้างแข็งจนเจ็บปากไปหมด แต่พอใช้ไปสักพักกิ่งไม้ที่ถูกท่านแม่ทำเป็นเส้นๆ เอาไว้ถึงได้อ่อนนุ่มลง และไม่นานก็หมดอายุการใช้งานตามกาลเวลา

ข้าสังเกตพบว่าคนบนภูเขาที่ไม่แปรงฟัน มักฟันเหลือง ปากไม่สะอาดเท่าข้ากับท่านแม่ แถมเวลาพวกเขาพูดคุยกันมักจะมีกลิ่นแปลกๆ ลอยออกมา ดังนั้นสิ่งใดที่ท่านแม่ว่าดีข้าจะทำตามอย่างว่าง่าย รวมถึงเรื่องอาบน้ำทุกวันแม้ว่าข้าจะหนาวมากก็ตาม

“มาเร็วเข้า เดี๋ยวน้ำจะเย็นเสียก่อน”

ซูหรานกวักมือเรียกบุตรสาว

“มาแล้วเจ้าค่ะ”

ซินเอ๋อละสายตาจากแปรงสีฟันแล้วหยิบกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ที่บรรจุเกลือออกมาด้วย

“เอากิ่งหลิวจุ่มน้ำก่อนแล้วค่อยจิ้มเกลือ”

ซูหรานบอกบุตรสาว

“ข้าจำได้แล้วเจ้าค่ะ”

ซินเอ๋อรีบพูดแทรกมารดาทันควัน ไม่เช่นนั้นท่านคงจะพูดต่ออีกว่า เวลาแปรงฟันต้องแปรงให้สะอาดทุกซอกทุกมุม ทุกครั้งที่จะแปรงฟันท่านแม่มักพูดคำเหล่านี้เสมอจนข้าจำขึ้นใจ

“ดูท่าเสี่ยวเอ๋อของแม่จะโตแล้วจริงๆ”

ซูหรานพาบุตรสาวล้างหน้า โดยแช่กิ่งต้นหลิวรอไว้ก่อนสักพัก หลังจากล้างหน้าเสร็จสองแม่ลูกก็เริ่มการแปรงฟันทันที

“เป็นเช่นไรฟันแม่สะอาดหรือไม่”

“สะอาดและขาวมากเจ้าค่ะ”

ซินเอ๋อยิ้มตาหยี

ก๊อกๆๆ

ไม่นานหลังจากสองแม่ลูกล้างหน้าเสร็จก็มีคนมาเคาะประตูห้อง

“ใครกันเหตุใดถึงได้มาแต่เช้าเช่นนี้”

ซูหรานหันไปทางประตูแล้วเดินไปด้านหน้า

“ใครหน่ะ”

ซูหรานร้องถามผู้มาหา

“ข้าเป็นผู้ติดตามคนที่ช่วยแม่นางกับลูกไว้เมื่อวานขอรับ”

แอด~

เสียงประตูเปิดออกมา

“มีอันใดหรือเจ้าคะ”

ซูหรานคิดว่าชายคนนั้นใจดีมีเมตตา แต่ที่ไหนได้เขาจะมาทวงบุญคุณจากนางนี่เอง

“เอ่อ ข้ามีนามว่าเฟยหลง แซ่ของข้าคือหง แล้วแม่นาง?”

หงเฟยหลงรีบถามเข้าประเด็นทันที

“ชื่อของข้าคือเหยียนซูหรานเจ้าค่ะ”

ซูหรานตอบไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“ท่านแซ่เหยียนหรือขอรับ!! ใช่ตระกูลเหยียนในเมืองหลวงที่ทำการค้าไม้หรือไม่…”

หงเฟยหลงรีบถามอย่างตื่นเต้น นี่คงไม่ใช่แม่นางที่เจ้านายของเขาตามหามาตลอดเก้าปีหรอกใช่ไหม

“เมื่อก่อนใช่เจ้าค่ะ แต่ข้าถูกขับไสออกมาจากตระกูลแล้ว”

ซูหรานก้มหน้าลงเล็กน้อย นี่เขากำลังซ้ำเติมข้าอยู่งั้นหรือ? ซูหรานขมวดคิ้วเข้าหากัน

“เป็นท่าน! เป็นท่านจริงๆ ด้วย โอ้นายหญิงของข้า!!! ก่อนหน้านี้ท่านไปหลบอยู่ที่ใดมา ท่านไม่รู้หรือว่าคุณชายของข้าแทบจะมุดดินแหวกต้นหญ้าเพื่อตามหาท่านแล้ว ท่านรอข้าประเดี๋ยว ห้ามขยับนะขอรับ ห้ามขยับ!!!”

หงเฟยหลงหันไปชี้ไม้ชี้มือสั่งซูหราน เพราะกลัวว่านางจะเตลิดหนีไปไกล ก่อนจะรีบสับขายาวๆ วิ่งสุดชีวิตออกไป

“ท่านแม่ เราต้องห้ามขยับหรือเจ้าคะ”

เหยียนซินเอ๋อทำตาปริบๆ แล้วยืนค้างอยู่ท่านั้นอย่างใสซื่อ

“เด็กดี เขาแค่บอกว่าให้เรารอก่อน”

“เราต้องรอท่านลุงคนเมื่อครู่หรือเจ้าคะ”

ซูหรานเพียงแค่ลูบหัวบุตรสาวก่อนจะบอกว่า อย่างไรเสียเมื่อวานเป็นเพราะพวกเขาช่วยเราไว้เราถึงได้นอนหลับอย่างสบายใจ อยู่รอเขาสักหน่อยแล้วกัน

หลังจากที่ซูหรานตอบบุตรสาว นางก็ปิดประตูแล้วพาซินเอ๋อไปนั่งที่โต๊ะเพื่อดื่มน้ำ

ชายคนเมื่อครู่บอกว่ามีคนตามหาข้าอยู่ แถมเขาหาข้ามานานกว่าเก้าปี คงไม่ใช่ว่าจะเป็นพ่อของซินเอ๋อหรอกนะ ซูหรานย่นหัวคิ้วเข้าหากัน

ซินเอ๋ออยากเจอพ่อมาโดยตลอด และข้าก็อยากรู้ว่าชายคนนั้นหน้าตาเป็นแบบไหน งั้นก็รอดูไปก่อนแล้วกัน

หวังว่าเขาคงไม่ได้ตัวอ้วน เตี้ย ชราหรอกกระมัง แต่ถึงจะหน้าตาแย่กว่าชายแซ่จง สุดท้ายแล้วเขาก็คงเป็นพ่อของซินเอ๋อ ข้าไม่ควรคาดหวังมากเกินไปสินะ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel