บทย่อ
จู่ๆ จิ่งชิงก็ทะลุมิติไปเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ตอนแรกนางกะว่าพอหาพ่อของเด็กในท้องเจอก็จะยกลูกให้กับเขาไป ทว่านานวันเข้า นางกับตกหลุมรักลูกสาวที่คลอดออกมาเอง จนต้องตกกระไดพลอยโจนไปแต่งงานกับพ่อของลูก
1 แม่เลี้ยงเดี่ยว
ตอนที่ 1 แม่เลี้ยงเดี่ยว
“ปล่อยข้านะ!!! ข้าขอร้องล่ะ… ท่านปล่อยข้าไปเถอะ”
“…..”
เหยียนซูหรานดิ้นรนเอาตัวรอด นางอ้อนวอนร้องขอชายที่บุกเข้ามาในห้องนอนของนางในยามวิกาลที่มืดมิด
แต่! ชายผู้นั้นกลับไม่เปิดปากกล่าวสิ่งใด เขาเพียงแต่แย่งชิงสิ่งล้ำค่าจากนางครั้งแล้ว ครั้งเล่า ก่อนจะหายเข้าไปในกลีบเมฆ ปล่อยให้นางต้องทนรับความอัปยศอดสูนั่นไว้เพียงลำพัง…
เฮือก!!
หญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าสีขาวตัวบาง สะดุ้งตื่นกลางดึกเนื่องจากฝันร้าย นางนั่งชันเข่ากุมขมับ ยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“เฮ้อ… นี่ก็นานแล้วนะ! ที่ข้าต้องมาแบกรับหน้าที่เป็นแม่ของลูก …ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่!!”
เหยียนซูหราน (จิ่วชิง) ที่ได้มาครอบครองร่างนี้ บ่นพึมพำท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา
ซูหรานลุกขึ้นไปรินน้ำชาใส่ถ้วย พลางแย้มหน้าต่างบานเล็กรับเอาสายลมเย็นๆ เข้ามา เพื่อให้มันช่วยพัดพาความหม่นหมองออกไปให้หมดสิ้น
“ในฝัน… ใบหน้าของชายคนนั้นไม่ชัดเจน ไม่สิ! เรียกว่ามองไม่เห็นใบหน้าของเขาเลยยังจะดีเสียกว่า แล้วแบบนี้ข้าจะหาพ่อของเจ้าก้อนกลมนี่เจอได้อย่างไร”
เหยียนซูหรานยืนจิบชาชมจันทร์พลางคิดถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
………………………………………………………..
หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ในช่วงดึกของวันนั้น เหยียนซูหรานก็ถูกขับออกจากตระกูลด้วยเหตุผลที่ว่า นางไม่รักนวลสงวนตัว
หญิงสาวร้องไห้ขอความเมตตาจากท่านย่า ที่เป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียว เพราะพ่อกับแม่ของนางได้ล้มตายไปนานแล้ว
แต่ท่านย่าของนางทำได้เพียงแค่ตัดใจ แล้วไล่นางออกจากจวนเหยียน เพราะเกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลด่างพร้อย
“ท่านย่า… ดูสิเจ้าคะ! ซูหรานนางทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้ไปแล้ว นางยังอยากจะอ้อนวอนร้องขออันใดอีก หากข้าไม่เอะใจและตื่นขึ้นมา พวกเราคงไม่รู้ว่านางแอบพาชายหนุ่มมาหลับนอนด้วยเป็นแน่”
เหยียนเสี่ยวหลาน ลูกสาวของเมิ่งเทียน (พี่ชายของพ่อซูหราน) กล่าววาจาเสียดสีทิ่มแทงใจ
“มิใช่นะเจ้าคะ ข้าไม่ได้…”
เหยียนซูหรานร้อนรนอยากจะอธิบายว่าตนหาใช่คนเช่นนั้นไม่ แต่เสี่ยวหลานก็รีบพูดตัดบทนางไปเสียก่อน
“เฮอะ! เจ้าทำเรื่องงามหน้าไปแล้วยังจะมาตีหน้าเศร้าอันใดอยู่อีก เก็บมารยาของเจ้าเอาไว้ใช้กับผู้ชายเสียเถอะ”
เหยียนซูหรานได้ฟังเช่นนั้นนางถึงกับหน้าชา นางหาได้พาชายใดเข้ามาพลอดรักไม่ แต่เป็นชายคนนั้นต่างหากที่เข้ามาขโมยครั้งแรกของนางไปนับครั้งไม่ถ้วน
“ฮึก… ท่านย่า หลานไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆ”
ซูหรานที่นั่งห่อตัวด้วยผ้าห่มอยู่กับพื้น เอื้อมมือหวังจะจับชายกระโปรงผู้เป็นย่า แต่ท่านย่าก็ถอยหลังไปสองก้าว แล้วสะบัดแขนเสื้อแรงๆ ก่อนจากไป
“รีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปจากตระกูลเหยียนซะ อย่าให้ความร่านนนน!! ของเจ้า! มาทำให้พวกเราเปื้อนเสนียดตามไปด้วย ไปสิ! รีบเก็บของของเจ้าแล้วเร่งออกไปจากที่นี่เสีย อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตาพวกข้าอีก เฮอะ! ต่ำตมจริงๆ”
เหยียนเสี่ยวหลานคว่ำปากลงแล้ววิ่งตามหลังท่านย่าของนางไป
ซูหรานที่เจ็บปวดไปทั้งกายใจ ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า บนใบหน้างามในยามนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและความขุ่นเคืองใจ
………………………………………………………..
พอซูหรานหลุดออกมาจากห้วงความคิดอีกครั้ง นางก็ปิดบานหน้าต่างลงกลอน แล้วกลับไปนอนดังเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้น…
“สาวน้อยตื่นได้แล้วนะ”
เด็กคนนี้นอนขี้เซาจริงๆ ซูหรานอมยิ้มน้อยๆ และเขย่าแขนบุตรสาวให้ตื่นก่อนตะวันขึ้น
“เช้าแล้วหรือเจ้าคะ”
สาวน้อยวัยแปดขวบขยี้ตาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปล้างหน้าบ้วนปาก
“แม่ไปเตรียมมื้อเช้าก่อนนะ วันนี้เราจะไปช่วยป้าจางเก็บใบชา ดังนั้นแม่จะเตรียมมื้อเที่ยงเผื่อไปด้วยเลย”
ซูหรานเห็นว่าบุตรสาวตัวน้อยของนางตื่นขึ้นมาแล้ว นางจึงรีบไปจุดคบเพลิงหน้าบ้าน แล้วเดินไปยังห้องครัวข้างๆ เพื่อหุงหาอาหาร
“วันนี้เราจะไปบ้านป้าจางหรือเจ้าคะ ไหนท่านแม่บอกข้าว่าวันนี้เราจะไปบ้านลุงจง เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนที่ทำงานกันเล่า”
เด็กสาวนามซินเอ๋อที่รู้ความเกินวัยเอ่ยถามมารดา
“ก็ป้าจางหน่ะสิ ท่านบอกว่ามีคนมาสั่งใบชากับท่าน ลูกก็รู้ว่าท่านแก่มากแล้วแถมยังทำงานคนเดียวงกๆ แม่ก็เลยรับปากท่านไป”
ซูหรานหันไปทางประตูบ้านที่มีลูกสาวยืนอยู่และส่งยิ้มหวานให้
“ไปช่วยป้าจางก็ดีเจ้าค่ะ ข้าล่ะไม่ค่อยชอบท่านลุงจงเลย เพราะลุงจงท่านมักมาหยอดคำหวานให้ท่านแม่ และรบกวนเวลาพวกเราทำงานด้วย”
เหยียนซินเอ๋อยกแขนน้อยๆ ขึ้นมากอดอก พลางชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อนึกถึงใบหน้าหื่นกามของท่านลุงจง
“ซินเอ๋อ เจ้าฟังแม่นะ…. ท่านลุงจงถึงเขาจะดูขี้เล่นไปบ้าง พูดไร้สาระไปวันๆ แต่ท่านก็ทำให้เรามีอยู่มีกิน แถมบ้านหลังนี้ก็เป็นท่านลุงจงที่สร้างขึ้นมาให้เราโดยเฉพาะ”
ซูหรานหันไปอมยิ้มแล้วบอกให้ลูกสาวรู้จักสำนึกในบุญคุณ
“เหอะ! ตอนนั้นท่านแม่ไร้ที่พึ่ง จึงได้ต้องมาทำงานใช้หนี้ แต่ตอนนี้ท่านแม่คืนเงินที่ยืมมาจากท่านลุงจงหมดแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ไยท่านต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย”
เด็กสาววัยน่ารักยืนบ่นให้มารดาเหมือนกับคนแก่
เห้อ นี่ข้าเลี้ยงลูกคนหรือลูกเทพกันแน่ ตัวก็เท่าลูกหมาแต่รู้ไปเสียทุกสิ่งอย่างเลยนะ
ซูหรานส่ายหัวพร้อมกับขำขันออกมา
“ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลยนะเจ้าคะ”
เหยียนซินเอ๋อทำท่าทางอ้อนมารดา
“ซินเอ๋อเด็กดี ในยามที่เราลำบากเราก็พึ่งพิงท่าน แต่ในยามที่เราลืมตาอ้าปากได้แล้วจะไม่ทดแทนคุณเลยหรือ แม่สอนลูกให้รู้จักทดแทนบุญคุณ แต่เหตุใดเจ้าถึงใจดำกับท่านลุงจงนัก”
“ก็ท่านลุงจงเป็นคนไม่ดี เมื่อวานท่านก็เอาอะไรไม่รู้ไปแทงป้าข้างบ้านจนนางร้องเสียงดัง”
ซินเอ๋อจำได้ว่า ช่วงพักกลางวันนางเห็นท่านลุงจงทำตัวลับๆ ล่อๆ จึงเดินตามไปดู ปรากฏว่าเห็นท่านลุงจงกับท่านป้าคนหนึ่งเข้าไปในกระท่อม ท่านลุงจงเขาบังคับให้ท่านป้าคนนั้นนอนลงที่แคร่ไม้ไผ่ แล้วจับอะไรบางอย่างออกมาจากกางเกงแล้วแทงท่านป้าคนนั้นไปตั้งหลายที
ซินเอ๋อบอกท่านแม่ไปตามที่ได้ยินมา แถมยังบอกว่าท่านลุงจงกับท่านป้าคนนั้นเหมือนจะทะเลาะกัน แต่ก็กอดกันก่อนออกจากกระท่อมด้วย
“ซินเอ๋อ!!!”
พอฟังลูกสาวเล่าจบ เหยียนซูหรานก็ถึงกับยืนขึ้นเต็มความสูงด้วยความตกใจ
“ลูกแม่!! เจ้าได้บอกเรื่องนี้กับใครอีกไหม?”
ซูหรานเดินมาหาลูกสาวแล้วจับไหล่นางเอาไว้แน่น
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกใครเลย”
ข้าทำอะไรผิดไปงั้นหรือ? ซินเอ๋อมองตาท่านแม่ปริบๆ
“เด็กดี… ต่อไปเจ้าห้ามตามท่านลุงจงไปอีกและอย่าอยู่ห่างจากแม่เป็นอันขาด หากท่านลุงรู้ว่าเจ้าไปแอบดูท่าน ท่านจะต้องไม่พอใจเจ้าอย่างแน่นอน และหากท่านเกิดไม่พอใจขึ้นมาเราจะอยู่กันลำบาก แล้วเจ้ารู้หรือไม่! การแอบดูผู้อื่นมันเสียมารยาทขนาดไหน”
เหยียนซูหรานจ้องหน้าบุตรสาวเพราะอยากให้นางรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
“แต่ว่า….”
“เจ้ายังจะแต่อะไรอีก”
ซูหรานขมวดคิ้ว
“เมื่อวาน…นอกเหนือจากข้าแล้วยังมีอีกตั้งหลายคนที่แอบดูท่านลุงจงกับป้าคนนั้น”
ซินเอ๋อเบ้ปาก
หาใช่เพียงนางเพียงคนเดียวไม่ที่อยากรู้อยากเห็น นางก็ไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสียหน่อย เพียงแต่ฟังมาจากปากคนอื่นก็เท่านั้น
ข้าทำอันใดผิดกัน? ขนาดเพื่อนของท่านแม่ก็ยังไปแอบดูด้วยเลย หากเป็นเรื่องที่ไม่ดีแล้วคนอื่นจะอยากรู้ไปทำไม
ซินเอ๋อเอียงคอสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป
“เอาล่ะๆ ซินเอ๋อ เราปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสีย และต่อจากนี้จงอย่าอยู่ห่างจากแม่เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
สาวน้อยนามซินเอ๋อได้แต่ก้มหน้าลงแล้วพยักหน้าหงึกๆ
“เฮ้อ… นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน เด็กตัวแค่นี้ก็รู้จักทำเรื่องไม่ดีเสียแล้ว ข้าก็ว่าข้านิสัยดีพอตัวนะ เป็นไปได้หรือไม่ว่านางได้เชื้อบ้ามาจากผู้เป็นพ่อ”
เหยียนซูหรานได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วเดินกลับไปเตรียมมื้อเช้าต่อ