2 ข้ากลัวจะขี้เหร่
ตอนที่ 2 ข้ากลัวจะขี้เหร่
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ซูหรานก็เดินจูงมือซินเอ๋อไปทางบ้านป้าจาง และเริ่มการทำงานอย่างขะมักเขม้น จวบจนเที่ยงวันนางกับลูกถึงได้หยุดพักหายใจ
“ซินเอ๋อเป็นเด็กดีจริงๆ นี่หรือเปล่าที่เขาว่า จ้างหนึ่งได้ถึงสอง มิน่าเล่า จงอี้ฟงถึงชอบจ้างวานพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ไปเก็บใบชาที่ไร่บ่อยๆ ”
จางหลิงเยว่ ส่งยิ้มให้กับซินเอ๋อที่คอยช่วยแม่ทำงานตั้งแต่ยังไม่รู้ความ
“ป้าจางก็กล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ซินเอ๋อนางยังเล็กนัก ทำได้แค่ช่วยเด็ดใบอ่อนด้านล่างก็เท่านั้น”
ซูหรานอมยิ้มน้อยๆ แล้วลูบหัวบุตรสาวอย่างเอ็นดู
“ข้าจำได้ว่า ตอนนั้นเจ้ายังอุ้มท้องหางานทำเพื่อแลกกับอาหารอยู่เลย เหมือนผ่านไปเพียงครู่เดียว ซินเอ๋อ ก็โตเสียแล้ว”
“ซินเอ๋อเจ้าไปกินมื้อเที่ยงกับป้าดีหรือไม่ อาหารที่แม่เจ้าเตรียมมาเจ้าคงเบื่อแล้วเป็นแน่ ดูสิ! ข้าพบเห็นเจ้าทีไรก็มีแต่ข้าวกับไข่เหยาะซอส เด็กอายุเท่านี้ควรกินเนื้อด้วยจะได้แข็งแรง มาเถอะซินเอ๋อไปกับป้าจางดีกว่า”
จางหลิงเยว่เดินไปดึงมือซินเอ๋อมา แล้วจูงมือนางออกไปจากไร่ชา
เหยียนซินเอ๋อได้แต่มองกลับไปทางมารดาแล้วทำตาปริบๆ ก่อนจะพบว่าวันนี้แม่ของตนอมยิ้มน้อยๆ
ท่านแม่ไม่ดุข้าเหมือนตอนที่ท่านลุงจงพาข้าไป งั้นแปลว่าวันนี้…ข้าจะได้กินเนื้อแล้วสินะ
ซินเอ๋อเผยรอยยิ้มยินดีออกมาดวงตาน้อยๆ ของนางสั่นไหวไม่หยุด
“รีบตามมาสิ! หรือจะให้ข้าไปจูงมือเจ้ามาเหมือนกับเด็ก?”
ป้าจางหันกลับไปเห็นซูหรานยังยืนนิ่งอยู่กับที่ จึงหันไปเรียกนางเสียงดัง
“เจ้าค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เหยียนซูหรานหัวเราะเบาๆ พลางเดินถือตะกร้าอาหารตามหลังป้าจางไป
“นี่ซูหราน อย่าว่าข้ายังนั้นอย่างนี้เลยนะ ช่วงนี้เจ้าตีตัวออกห่างๆ จากจงอี้ฟงหน่อยก็ดี ช่วงนี้ข้าได้ยินข่าวลือของเขาหนาหูมากเหลือเกิน”
ป้าจางกระซิบบอกซูหราน
“เจ้าค่ะท่านป้า แต่ว่า… พี่จงเขามีบุญคุณต่อข้า…”
“โถ่เอ๊ย… เขามีบุญคุณ! เจ้าก็ลำบากช่วยงานเขามาตั้งหลายปี ตั้งแต่ซินเอ๋อตัวเท่ากระบอกไม้ไผ่จนนางโตป่านนี้แล้ว เจ้าจะยังทดแทนบุญคุณไปถึงเมื่อไหร่ ข้าว่าเจ้ากลัวว่าจงอี้ฟงผู้นั้นจะกำเริบเสิบสาน แล้วมาลงที่เจ้ากับลูกใช่หรือไม่”
ป้าจางกล่าวถ้อยคำทิ่มแทงใจซูหรานออกมา
เป็นจริงดั่งที่ป้าจงกล่าวมา ข้ากลัวว่าหากวันหนึ่งข้าไม่ยอมช่วยเหลือเขา เขาอาจจะมาก่อกวนตนและลูกได้ ยิ่งพักหลังๆ จงอี้ฟงผู้นี้ก็ไล่ต้อนสาวงามเข้าห้องอย่างกับว่าหิวโหยมากมาย แต่จะทำเช่นไรได้ข้ายังต้องเก็บเงินอีแปะอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะไปซื้อบ้านในแถบที่อยู่อาศัยเดิม
ดังนั้น ข้าก็ทำได้เพียงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป แม้ว่าพี่จงเขาจะให้เงินน้อยกว่าเจ้าอื่นๆ ก็ตาม
“เจ้าไม่พูดเช่นนั้นก็แปลว่าข้ากล่าวได้ถูกต้อง เอาเถอะ! ช่วงหลังๆ มานี้ มีคนสนใจใบชาของข้ามากอยู่ ข้าจะบอกจงอี้ฟงเอง ว่าต้องการให้เจ้ามาช่วยงานสักพัก เท่านี้เจ้าก็จะอยู่อย่างสบายใจไปซักระยะหนึ่ง”
ป้าจางถอนหายใจพลางลูบหัวซินเอ๋อ
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ ท่านใจดีกับซินเอ๋อของข้าจริงๆ”
ซูหรานก้มหัวลงเล็กน้อย นางส่งยิ้มไปทางบุตรสาวที่หน้าตาโดดเด่นไม่แพ้ผู้ใด
“ข้าเห็นแก่ซินเอ๋อได้อย่างไร ข้ากำลังจะขุนนางให้อ้วนกลมต่างหาก ดูสิ ตัวเล็กอย่างกับตะเกียบ ข้าวปลาได้กินอิ่มหรือไม่”
ป้าจางเอ่ยแซวซินเอ๋อ
“ท่านแม่ให้ซินเอ๋อกินไข่กับผักลวกทุกวันเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่บอกข้าว่ามันมีประโยชน์มากมาย”
เหยียนซินเอ๋อตอบไปตามที่มารดาสอนสั่ง
“หึ! มันมีประโยชน์ก็จริงอยู่ แต่เนื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน ทานเข้าไปเยอะๆ กินอันนี้ด้วยสิ มันอร่อยมากเลยใช่ไหมล่ะ”
ป้าจางส่งเสียงขัดใจแล้วมองไปทางซูหราน มีประโยชน์อะไรกัน แม่ของเจ้าประหยัดจนแทบจะกินข้าวกับเกลือแล้วไม่เห็นหรือ
หญิงวัยชราคีบเนื้อหมูเนื้อปลาใส่ถ้วยให้ซินเอ๋อ และบอกว่ากินอย่างอื่นด้วยก็ดี
เหยียนซูหรานรู้ว่าป้าจางกำลังตำหนิตน แต่นางก็ทำได้แต่อมยิ้มน้อยๆ แล้วกินอาหารทีละคำอย่างไม่เรื่องมาก
ข้ารู้ว่าท่านแม่พยายามเก็บเงิน แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านแม่จะเอาเงินไปทำอันใดตั้งมากขนาดนั้น หากข้ามีพ่อเหมือนคนอื่นๆ คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่ๆ เหยียนซินเอ๋อได้แต่แอบลอบมองมารดาเป็นพักๆ
ท่านแม่ก็รู้ว่าท่านลุงจงเป็นคนไม่ดี เหตุใดท่านไม่ยอมตีตัวออกห่าง หรือว่าจะเป็นดังที่ป้าจางกล่าวมา ท่านแม่กลัวว่าท่านลุงจงผู้นั้นจะมาทำร้ายพวกเรางั้นหรือ?
เด็กสาววัยแปดปีได้แต่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“กินเยอะๆ เจ้าพึ่งกินไปแค่ไม่กี่คำ อย่าบอกป้านะว่าเจ้าอิ่มแล้ว”
ป้าจางคีบเนื้อใส่ถ้วยใบเล็กของซินเอ๋อ ซินเอ๋อมองไปทางมารดาที่ยังคงกินผักต้มกับไข่ต้มอยู่เช่นเดิมก่อนจะพูดว่า
“ซินเอ๋อชอบกินผักเจ้าค่ะ กินเนื้อมากไปเดี๋ยวจะพุงแตกเอา”
เมื่อซินเอ๋อพูดจบป้าจางก็ขำพรวดออกมา
ซินเอ๋อจะเป็นเด็กดี ไม่กินของคนอื่นมากไป ข้าจะทำแบบท่านแม่ตั้งใจทำงานเก็บเงินให้มากๆ และประหยัดอดออม
“ซินเอ๋อใครบอกเจ้าเช่นนี้”
ป้าจางลูบหัวเด็กน้อยก่อนจะหันไปทางซูหราน แต่ซูหรานก็ส่ายหน้าเชิงบอกว่าไม่ใช่นางนะ
“ข้าเห็นท่านแม่ชอบกินผักแล้วงามมาก หากข้ากินเนื้อเยอะๆ บางทีอาจจะขี้เหร่กว่าเดิม”
ซินเอ๋อรีบตอบป้าจางไปด้วยท่าทางใสซื่อ
“โถๆ เจ้ายังเล็กนักกินเนื้อให้มากๆ โตขึ้นมาค่อยกินผักก็ยังไม่สาย”
ป้าจางอมยิ้ม ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้เรียนรู้ที่จะพูดคำอ่อนหวานเหมือนมารดาของนาง
เสียดายจริงๆ หากข้ามีลูกชายวัยพอเหมาะคงจะจับซูหรานมาเป็นสะใภ้ไปแล้ว แต่ลูกของนางดันแต่งงานออกเรือนไปกันหมดแล้ว จางหลิงเยว่ส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์
“หลังจากพวกเจ้ากินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วก็พักก่อนเถอะ รอให้แดดร้อนๆ คลายลงพวกเจ้าค่อยไปเก็บใบชาต่อ”
ป้าจางหันไปบอกเด็กสาวตัวเล็ก เมื่อซินเอ๋อได้ยินว่าจะได้พักนานๆ นางก็รีบพยักหน้ารัวๆ ทันที
“งั้นข้าจะขอกลับบ้านไปซักผ้าสักหน่อยนะเจ้าคะ”
ซูหรานกลืนอาหารลงคอแล้วพูดไป
“ได้ๆ งั้นให้ซินเอ๋ออยู่เป็นเพื่อนข้า ข้าจะพานางไปให้อาหารสัตว์ทางด้านโน้น”
“ซินเอ๋ออยากไปดูเจ้าตัวใหญ่”
สาวน้อยที่ได้ยินว่าป้าจางจะพาไปดูวัวหมูในคอก นางก็ร้องยินดีออกมา
“เช่นนั้นก็รบกวนป้าจางแล้วเจ้าค่ะ”
ซูหรานเห็นเจ้าตัวน้อยยิ้มร่านางก็พยักหน้าตอบรับทันที
“เจ้ากินอิ่มแล้วก็กลับไปเถอะ ดูสิ อาหารดีๆ มีมากมายก็ไม่กิน เสียแรงที่ข้าทำมาเผื่อเจ้าตั้งเยอะ ไหนๆ เจ้าก็จะกลับบ้านแล้วห่ออาหารพวกนี้กลับไปด้วยเลยก็แล้วกัน”
ป้าจางโบกมือไล่ซูหรานก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินนำซินเอ๋อไปอีกทาง
“ข้าไม่อยากพึ่งพาใครแล้ว หากยังต้องพึ่งพิงท่านอีกข้าคงจะไปไหนไม่ได้”
เหยียนซูหรานไม่อยากตามตอบแทนบุญคุณใครอีก นางจึงรักษาระยะห่างจากผู้อื่นเอาไว้ ถึงจะรู้ว่าพวกเขาเต็มใจช่วยเหลือ แต่ทุกอย่างมันไม่เคยที่จะได้มาฟรีๆ ดูจากพี่จงคนนั้นก็รู้แล้วว่านางต้องเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะชดใช้หนี้สินจนหมด และนางยังต้องทำงานในราคาที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาตั้งหลายปี หากนางรับความช่วยเหลือผู้อื่นมาแล้วเป็นเช่นนี้ สู้นางยืนด้วยลำแข้งตนเองยังจะดีเสียกว่า
ซูหรานเก็บอาหารของป้าจางไปไว้ในห้องครัวตามเดิม แน่นอนว่านางก็อยากกินเนื้อเช่นกัน แต่หากต้องมาตามตอบแทนกันทีหลังคงไม่มีทางจบสิ้นเป็นแน่