10 ไปอยู่กับข้า
ตอนที่ 10 ไปอยู่กับข้า
“คุณชาย!!! ข้าเจอแล้วขอรับ”
หงเฟยหลงตะโกนลั่นอย่างตื่นเต้น เพื่อบอกคุณชายของตนที่กำลังชะล้างใบหน้าอยู่
“เจออะไรของเจ้าอีกล่ะ”
“ก็แม่นางที่ท่านตามหามาตลอดเก้าปีนั่นไงขอรับ”
ซ่งเหวินถงเช็ดใบหน้าแล้วเดินเร็วๆ มาที่ประตู
“เป็นนางขอรับ เป็นนางที่ท่านบอกให้ข้าไปถามไถ่”
สิ้นคำพูดของเฟยหลง ซ่งเหวินถงก็ก้าวขาเร็วๆ ออกไป หงเฟยหลงรีบปิดห้องแล้วเดินตามหลังคุณชายของเขาไปทันที
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง ซินเอ๋อเห็นท่านแม่นั่งถอนหายใจเด็กสาวจึงอาสาเดินไปเปิดเอง
“ท่านลุงหน้าหล่อท่านมาหาใครหรือเจ้าคะ”
เสียงเล็กๆ ของซินเอ๋อทักทายเหวินถง
“เจ้าหน้าเหมือนข้ามาก”
ซ่งเหวินถงย่อตัวลงแล้วดึงร่างเล็กๆ ที่คาดว่าจะเป็นบุตรสาวเข้ามากอด
“คนสาระเลว!”
ซูหรานบ่นออกมา ชายหนุ่มที่กำลังโอบกอดลูกสาวอยู่ถึงกับชะงักไป
“เรื่องในคืนนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“ท่านทำไปกี่ครั้งแต่กลับบอกไม่ได้ตั้งใจนี่นะ”
ซูหรานมองค้อนชายหนุ่ม ถึงเขาจะหน้าตาดีมากแค่ไหนแต่การกระทำของเขาในตอนนั้นก็ทำลายศักดิ์ศรีของนางจนย่อยยับ
“ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่าง ข้าจะแต่งเจ้าเข้าตระกูลซ่งของข้า”
“ใครบอกว่าข้าอยากแต่งกับท่านกัน”
หญิงสาวรินชาใส่ถ้วยของตนอย่างไม่สนใจ
ไอ้หล่อมันก็หล่ออยู่หรอก แต่ไม่รู้ว่าเขาขึ้นเตียงกับหญิงอื่นมาแล้วกี่คน ข้าไม่ยอมไปเป็นภรรยาน้อยของใครหรอกนะ
“โถ่นายหญิง ท่านเห็นใจคุณชายของข้าบ้างเถอะขอรับ ครั้งนั้นเป็นเพราะคุณชายของข้าถูกวางยาปลุกกำหนัดถึงได้กลายเป็นเช่นนั้น หลังจากวันนั้นคุณชายก็ไปที่จวนของท่าน แต่มารู้ทีหลังว่าท่านถูกทางบ้านตัดสัมพันธ์ นับแต่นั้นมาคุณชายของข้าก็ตามหาท่านมาโดยตลอดและวันนี้ท่านก็พึ่งหนีงานแต่งมาที่เมืองฉิน คุณชายของข้ายังสะอาดผุดผ่องเช่นเดิมนะขอรับ”
หงเฟยหลงรีบเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าซูหรานแล้วอ้าปากพูดแต่เรื่องดีๆ ออกมา แต่ซูหรานก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเลย นางสนใจชาตรงหน้ามากกว่าชายสองคนนี้เสียอีก
“เด็กคนนี้เป็นลูกของข้าใช่หรือไม่ นางหน้าเหมือนข้ามาก”
เหวินถงอุ้มซินเอ๋อไปนั่งที่โต๊ะและยิ้มกว้างออกมา นี่คือผลผลิตจากคืนวันนั้นอย่างแน่นอน ซ่งเหวินถงยกยิ้มอย่างพอใจ
“ท่านเป็นพ่อของซินเอ๋อหรือเจ้าคะ”
ซินเอ่อดวงตาเป็นประกาย แต่ในยามนี้ซูหรานทำได้เพียงแค่มองบุตรสาวที่ตนเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมโดยไม่ปริปากอันใด
“ใช่ข้าเป็นพ่อของเจ้า”
“เย้! ในที่สุดซินเอ๋อก็มีพ่อแล้ว”
เหยียนซินเอ๋อชูแขนขึ้นฟ้าแล้วกอดบิดาไว้แน่น
“ข้าจะมั่นใจได้เช่นไรว่าเป็นท่าน”
ยุคสมัยนี้ไม่มีอะไรพิสูจน์สายเลือดด้วยสิ หากเขาเป็นแค่คนที่มาแอบอ้างจะทำเช่นไร
“หากเจ้าเป็นนางในคืนนั้นที่ขอร้องอ้อนวอนปานจะขาดใจ และเป็นคนบ้านเหยียน เช่นนั้นก็ไม่ผิดคน”
ซ่งเหวินถงอมยิ้มน้อยๆ
“ท่าน!!”
ซูหรานตบโต๊ะไม้เสียงดัง เมื่อจำได้ว่าร่างเดิมร้องไห้คร่ำครวญแค่ไหน
หากตอนนั้นเป็นข้า ข้าคงจะขึ้นไปขย่มเขาแทน แล้วงัดไม้เด็ดออกมาให้หมด เขาจะได้ไม่ต้องมาหยามเหยียดข้าว่าอ่อนด้อยเช่นนี้ เสียดายที่คนในคืนนั้นอ่อนต่อโลกมากเกินไป
“เช่นนั้นก็ยืนยันได้แล้วว่านางเป็นลูกสาวของข้า ส่วนหลักฐานก็ชัดเจน นางหน้าเหมือนข้าอย่างกับว่าถอดแบบกันออกมาไม่ผิดเพี้ยน”
ซ่งเหวินถงที่ได้รู้ว่าตนมีลูกสาวที่น่ารักเช่นนี้ก็ยิ้มกว้างออกมา ซินเอ๋อที่ได้พบพ่อครั้งแรกก็กอดคอบิดาไว้แน่น
ชิ! ข้าเลี้ยงลูกตั้งแต่เล็กจนโต ดีหนิที่จู่ๆ จะมาทวงสิทธิ์ในยามนี้
“เจ้าไปอยู่กับข้าเถอะ”
ซ่งเหวินถงกล่าวพร้อมกับมองไปทางหญิงสาว แม้ใบหน้างามในยามนี้จะไม่ผุดผ่องดั่งสาวแรกแย้ม แต่ก็ยังมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย นับว่าคืนนั้นเขาเลือกได้ดี
“ดีเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่กับข้าพึ่งหนีลงมาจากเขา”
ซินเอ๋อรีบฟ้องบิดา
ซูหรานแทบจะสำลักน้ำชาออกมา เด็กคนนี้พอรู้ว่าเขาเป็นพ่อก็แทบจะอ้าปากบอกไปเสียทุกอย่าง ซูหรานได้แต่ท่องพุทโธในใจ
“หนีลงมาจากเขาหรือ!! เพราะอันใด?”
ซ่งเหวินถงทำท่าทางอยากรู้
“เรื่องเป็นแบบนี้เจ้าค่ะ”
เด็กสาววัยแปดปีเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด แม้แต่ตอนที่ลุงจงคนนิสัยไม่ดีคนนั้นไปแทงป้าคนหนึ่ง และรวมถึงการหลบหนีมาในยามวิกาลเมื่อคืน โดยละเอียดยิบ
“เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่าท่านลุงคนนั้น หวังจะแทงแม่ของเจ้างั้นหรือ”
หงเฟยหลงถึงกับกลั้นหัวเราะ นั่นไม่ใช่การฆ่าเสียหน่อยแม่นางเหยียนผู้นี้ก็รู้จักวิธีหลอกล่อเด็กเสียจริง แต่ว่าด้วยรูปลักษณ์ของนางแม้จะผิวคล้ำเล็กน้อยก็เถอะ เป็นใครบนภูเขาก็คงหวังจะเล่นจ้ำจี้กับนางเป็นแน่
เหวินถงกัดฟันจนเป็นสันนูนขึ้นมา ชายหน้าหนานั่นคิดจะมาครอบครองของของข้างั้นหรือ
“ไม่เป็นไรนะเสี่ยวเอ๋อ พ่อของเจ้ามาแล้ว จากนี้พ่อจะดูแลเสี่ยวเอ๋อและแม่ของเจ้าเอง”
ซ่งเหวินถงแอบลอบถอนหายใจและส่งยิ้มให้กับลูกสาว อย่างน้อยๆ เหยียนซูหรานผู้นี้ก็รู้จักเอาตัวรอด ไม่เช่นนั้นข้าไม่อาจคิดถึงผลที่จะตามมาเลย
“ที่ผ่านมาท่านคงลำบากไม่น้อย แต่จากนี้จะมีแต่สิ่งดีๆ นะขอรับ”
หงเฟยหลงยิ้มกว้าง พลางบอกว่าตนจะไปจัดการเรื่องที่พักก่อน เพราะเราจะต้องอยู่ที่นี่อีกหนึ่งวันค่อยออกเดินทาง
“เสี่ยวเอ๋อไม่ชอบเดินทาง ท่านแม่เหนื่อยมากที่ต้องแบกเสี่ยวเอ๋อมาตลอดทาง อีกอย่างเสี่ยวเอ๋อไม่ชอบความมืด”
ซินเอ๋อที่นั่งบนตักของบิดารีบปีนลงมาอย่างไวแล้ววิ่งเข้าหามารดาทันที
“ท่านแม่เสี่ยวเอ๋อไม่ไปไหนแล้ว ได้ไหมเจ้าคะ”
ซูหรานลูบหัวบุตรสาวพลางดึงนางเข้ามากอด
“ได้สิ แต่เราต้องไปหาบ้านเช่าสักหลังก่อนจะได้ทำอะไรสะดวกขึ้น”
ซูหรานอมยิ้มแล้วพูดคุยกับบุตรสาว โดยมีเหวินถงคอยจับตามอง
“หากเจ้าอยากได้บ้านพักเช่นนั้นก็รอหน่อยข้ากำลังทำเรื่องอยู่”
เหวินถงหันไปบอกซูหราน
เหยียนซูหรานระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะถามว่าเขาจะให้นางอยู่ในสถานะใด?
นางไม่ชอบข้อผูกมัด และยิ่งจะไม่ยอมใช้บุรุษร่วมกันกับแม่นางคนอื่น เหวินถงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยกยิ้มแล้วบอกว่า
“นอกจากเจ้า ข้าก็ไม่เคยข้องแวะกับผู้ใดอีก เจ้าวางใจได้”
ซูหรานเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าท่านพูดจริงหรือ เขาก็พยักหน้าตอบ
เป็นไปได้เช่นไรที่ชายผู้นี้ไม่เคยต้องกายหญิงสาวนางอื่น เขาคงไม่ได้เป็นเกย์หรอกใช่ไหม แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะว่าคืนนั้นดูเหมือนเขาเป็นสัตว์ป่าที่หิวโหยมากกว่า
พอนึกถึงความร้อนแรงในคืนนั้นซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกริ่มออกมา
“เจ้ายิ้มแล้วแปลว่าตกลงตามนี้นะ”
พอพิธีแต่งตั้งเสร็จเขาจะได้จัดงานแต่งอย่างเรียบง่ายกับนางเสียที เหวินถงแอบพยักหน้าในใจ
“ดีเลยเจ้าค่ะ ต่อไปท่านพ่อกับท่านแม่และข้าจะได้อยู่ด้วยกันเสียที”
ซินเอ๋อกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจ ถ้าคนในหมู่บ้านบนเขารู้ว่านางมีพ่อแล้วคงจะพากันแห่มายินดีอย่างแน่นอน แต่นางก็ไม่กล้ากลับไปที่ภูเขานั่นอีกเพราะกลัวว่าท่านลุงจงผู้นั้นจะมาฆ่าแม่ของนาง