6 ลุงจงจะแทงท่านแม่
ตอนที่ 6 ลุงจงจะแทงท่านแม่
“เช่นนั้นป้าจางก็ทานเยอะๆ นะเจ้าคะ”
ซินเอ๋อรีบหันไปส่งยิ้มให้ป้าจาง นางปีนลงมาจากเตียงแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ข้างมารดา
“กินเถอะ”
ซูหรานถอนหายใจออกมา หวังว่าป้าจางผู้นี้จะไม่ทำเช่นนี้อีกนะ ข้าเข้าใจว่าท่านเป็นกังวล แต่การกระทำเช่นนั้นไม่เหมาะกับท่านเลยจริงๆ
ซูหรานคิดเห็นภาพที่ป้าจางนอนอยู่กับพื้นแล้วกลั้นขำ
“กลับดีๆ นะ”
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จจางหลิงเยว่ก็มายืนส่งสองแม่ลูกที่หน้าบ้าน
“พรุ่งนี้เจอกันเจ้าค่ะ”
ซินเอ๋อที่จับมือมารดาไว้ยกมือขึ้นอีกข้างเพื่อโบกมือลาป้าจาง
“เฮ้อ แผนล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็ช่างเถอะเพราะสุดท้ายแล้วซูหรานก็ยอมกินข้าวกับข้าสักมื้อ ถือว่าไม่ไร้ค่าที่ข้าแสร้งทำไป”
จางหลิงเยว่เดินกลับเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะไล่จุดเชิงเทียนตามมุมห้อง ในใจกลับรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ทำได้แค่กลับเข้าไปนอนในบ้านตามเดิม
“ท่านแม่เจ้าคะ ป้าจางจะไม่เป็นอะไรอีกใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“เด็กดี ป้าจางของเจ้าท่านแข็งแรงมาก เพียงแต่ว่าวันนี้ท่านทำงานเยอะไปหน่อยก็เท่านั้น”
“ข้าไม่เห็นว่าท่านจะทำอะไรมากเลย ตอนที่เราตากแดดช่วงบ่าย ท่านก็ยังนั่งแทะเมล็ดแตงอยู่เลย”
ซินเอ๋อบ่นไปตามทางอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าเด็กแก่แดด”
ซูหรานอมยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังตกดิน
หลังจากกลับมาถึงบ้านได้ไม่นาน….
“ท่านแม่เราต้องอาบน้ำทุกวันเลยหรือเจ้าคะ คนอื่นๆ ทำไมอาบน้ำทุกสามถึงสี่วันก็ไม่เห็นเป็นไร”
ซินเอ๋อที่นั่งนิ่งให้มารดาถูหลังให้เอ่ยถาม
“คนอื่นก็คือคนอื่น หากแม่ไม่อาบน้ำแล้วนอนกอดเจ้า เจ้าจะรู้สึกดีไหม”
ซูหรานเอ่ยถามบุตรสาว
ซินเอ๋อได้ฟังเช่นนั้นก็คิดตามที่ท่านแม่พูด หากท่านแม่ไม่อาบน้ำแล้วมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเหมือนกับป้าจางและคนอื่นๆ นางก็ไม่อยากนอนใกล้ท่านแม่จริงๆ นั่นแหละ
เมื่อคิดได้ดังนั้นซินเอ๋อจึงส่ายหัวรัวๆ แล้วบอกว่า
“เราต้องอาบน้ำทุกวันถึงจะนอนสบายตัวเจ้าค่ะ”
“ดีแล้ว หากเสี่ยวเอ๋อไม่อาบน้ำ แม่ก็คงต้องแยกที่นอนกับเจ้าแล้วเช่นกัน”
“ท่านแม่ไม่อยากนอนกับเสี่ยวเอ๋อหรือเจ้าคะ”
ซินเอ๋อรีบหันกลับไปถามมารดา
“หากเจ้าไม่ยอมอาบน้ำทุกวัน แม่ก็คงจำใจต้องทำเช่นนั้น”
ซูหรานตอบไปพร้อมกับตักน้ำราดตัวให้บุตรสาว ก่อนจะพานางไปเช็ดตัวแล้วหาเสื้อผ้ามาสวมให้
“เด็กดีนอนรอแม่ตรงนี้ก่อน แม่อาบน้ำเปลี่ยนชุดครู่เดียวเดี๋ยวแม่ก็มา”
“อื้ม เสี่ยวเอ๋อรู้แล้ว”
เด็กสาวพยักหน้าแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มทันทีที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จ
กึกๆ กักๆ
เสียงเหมือนมีคนพยายามเปิดประตูดังขึ้น
“ท่านแม่เจ้าคะ มีเสียงตรงประตูอีกแล้ว”
ซินเอ๋อร้องบอกมารดา
“ไม่มีอะไรหรอกลูก มันก็แค่เสียงลมพัด”
ซูหรานที่พึ่งผลัดชุดเตรียมอาบน้ำร้องบอกลูกสาว ยิ่งเมื่อนางได้ยินเช่นนั้นนางก็รีบชะล้างเนื้อตัวอย่างรวดเร็ว
วันแล้ววันเล่าชายแซ่จงนั่นก็ยังตามรังควานข้าอยู่ได้!!
ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่า ข้าหน่ะไม่ได้คิดอันใดกับเขา ประตูไม้ไผ่นี่ก็ไม่ได้แข็งแรงนัก ดูเหมือนข้าต้องจากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ
ซูหรานมองไปที่กระเป๋าเป้ที่นางเย็บมันขึ้นมาด้วยตนเองแล้วถอนหายใจออกมา
“เสี่ยวเอ๋อ… นี่ลุงจงเองนะ เปิดประตูให้ลุงหน่อยได้หรือไม่”
เสียงของจงอี้ฟงดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของซูหราน นางรีบคว้าเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมใส่ทันทีแม้จะยังไม่ได้เช็ดตัวให้แห้งดีก็ตาม
“ท่านแม่เจ้าคะ ลุงจงมาหาท่านแม่เจ้าค่ะ”
ซินเอ๋อร้องเรียกมารดา
“บอกท่านลุงรอก่อนนะ แม่พับผ้าอยู่”
ซูหรานที่อยู่หลังม่านกั้นเร่งมือสวมใส่เสื้อผ้าพร้อมกับร้องบอกบุตรสาว
“ลุงจง ท่านแม่กำลังพับผ้าอยู่รอสักครู่นะเจ้าคะ”
ซินเอ๋อร้องบอกท่านลุงไป
“อ้อ ได้ๆ ลุงจะรอนะ”
จงอี้ฟงที่เมาเต็มที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่หน้าบ้านซูหราน
‘เก้าปีแล้วนะ ที่ข้าคอยคุ้มครองดูแลเจ้ามา มันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เจ้าต้องตอบแทนข้าเสียบ้าง’
จงอี้ฟงยกยิ้มมุมปาก ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาจะต้องลิ้มรสของซูหรานให้จงได้ ส่วนนางเด็กหัวโขนนั่นแค่ทำให้มันหลับนิดหน่อยก็ได้แล้ว
จงอี้ฟงยืนคิดแผนการอย่างแยบยล ทั้งการจู่โจม การดักทางหญิงสาว แน่นอนว่าซูหรานที่รักลูกมากขนาดนั้นไม่มีทางยอมปล่อยให้ลูกสาวตกอยู่ในกำมือเขาอย่างแน่นอน
“ชู่ว์…”
เหยียนซูหรานเดินออกมาจากม่านกั้น และส่งสัญญาณบอกซินเอ๋อ ก่อนจะรีบเก็บของที่จำเป็นใส่เข้าไปในเป้
เสื้อผ้าสี่ชุดที่พึ่งซักใหม่ถูกพับอย่างดีแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋า เงินอีแปะที่เก็บมาตั้งหลายปีถูกมัดอย่างดีแล้วซุกไว้ในเป้นั่น
เหยียนซินเอ๋อนั่งมองมารดาหยิบนั่นนี่ใส่กระเป๋า แม้แต่ที่จุดไฟ ท่านแม่ก็นำใส่เป้นั่นไปด้วย
หลังจากเก็บของเสร็จ ซูหรานก็กวักมือเรียกบุตรสาวไปด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นที่ที่นางแอบทำประตูลี้ภัยเอาไว้
“ห้าม-พูด-นะ”
ซูหรานชี้ไปที่ปากตนเองแล้วขยับปากช้าๆ ให้ลูกสาวเข้าใจ
ซินเอ๋อพยักหน้าแล้วใส่รองเท้าพร้อมเสื้อคลุมดั่งเช่นมารดา ไม่นานสองแม่ลูกก็เปิดประตูหลัง แล้วเดินก้มตัวย่องออกไปทางหลังรั้วบ้าน
“ท่านแม่”
ซินเอ๋อกระซิบเบาๆ
“ชู่ว์….”
ซูหรานส่ายหัวบอกให้ลูกสาวเงียบไปก่อน
ซินเอ๋อจึงได้แต่เดินตามหลังมารดาออกไปทางรั้วบ้านอย่างเงียบๆ แม้ว่าในใจจะมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว
“เจ้าจะพับผ้านานไปไหม หรืออยากให้ข้าขึ้นไปช่วยพับให้”
จงอี้ฟงหัวเราะเสียงดังอย่างพอใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเล่นตัว แต่นี่มันก็เกินไปหน่อย ไม่รู้หรือว่าข้าเฝ้ารอเจ้ามานานมากแล้ว”
อี้ฟงเขย่าตัวบ้านแรงๆ พอได้ยินเสียงของด้านในตกหล่น เขาจึงยกยิ้มออกมา
“ก็ได้ ข้าจะให้เวลาเจ้าเตรียมตัวอีกหน่อย”
จงอี้ฟงที่คิดว่าหญิงสาวยังอยู่ด้านในหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับยกน้ำเมาในกระบอกขึ้นมาดื่มอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความรื่นรมย์
“ท่านแม่ข้าวิ่งไม่ทันแล้ว”
ซินเอ๋อดึงแขนมารดาไว้แล้วพูดออกมาด้วยเสียงเหนื่อยหอบ
ซูหรานยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยนัก นางจึงเอาเป้มาไว้ด้านหน้าแล้วให้บุตรสาวขึ้นมาขี่หลังทันที
“ท่านแม่ฟ้ามืดแล้วท่านจะไปไหน เสี่ยวเอ๋อกลัว…”
เสียงเล็กๆ ร้องไห้ออกมาเบาๆ
“เราต้องไปแล้ว ท่านลุงคิดไม่ดีกับแม่มานาน หรือเจ้าอยากให้ลุงจงมาแทงแม่เหมือนป้าคนนั้น เจ้าไม่กลัวแม่เจ็บหรือ”
ซูหรานหยิบยกคำพูดของลูกสาวในวันนั้นขึ้นมาพูด
“ท่านลุงจะมาแทงท่านแม่หรือเจ้าคะ”
“ใช่! ท่านลุงจะแทงแม่อย่างแน่นอน เด็กดีแม่วิ่งก็เหนื่อยแล้วอย่าพึ่งถามอะไรอีกเลย”
ซูหรานเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น นางลงภูเขาไปอย่างเงียบที่สุดเท่าที่นางจะทำได้
“ท่านแม่เราจะไปที่ใด”
ซินเอ๋อถามมารดา แต่ก็ไร้คำตอบใดๆ
เหยียนซินเอ๋อจึงเข้าใจว่าท่านแม่เหนื่อยมาก และยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามในตอนนี้
“ข้าไม่รอแล้วนะ”
จงอี้ฟงที่ยืนรอหน้าบ้านเกินหนึ่งก้านธูป ถึงกับโยนกระบอกสุราทิ้งไป แล้วก้าวขาท้วมๆ ขึ้นไปชั้นบนและกระชากประตูแรงๆ อย่างหมดความอดทน
“นางกับลูกล่ะ!!”
เมื่อไม่เห็นผู้ใดเลยจงอี้ฟงก็ขมวดหัวคิ้วพร้อมกับแหกปากร้องเสียงดังลั่น
“ห้องก็แคบเช่นนี้แล้วนางจะไปซ่อนที่ใดได้”
จงอี้ฟงพ่นคำไม่น่าฟังออกมาหลายประโยค