5 ป้าจางป่วย
ตอนที่ 5 ป้าจางป่วย
ตกเย็นมาเหยียนซูหรานก็เอาของมาส่งคืนป้าจาง เพื่อที่จะรอรับค่าจ้างวานตามเดิม แต่รอแล้วรอเล่าป้าจางก็เงียบนิ่ง นางจึงชวนบุตรสาวเดินไปดูในตัวบ้านของท่าน และพบว่าป้าจางนอนสลบอยู่ข้างห้องครัว
“เกิดอะไรขึ้น!!!”
เหยียนซูหรานรีบเดินไปดูป้าจางที่นอนอยู่ในท่าตะแคงพร้อมกับบุตรสาว
“ท่านแม่ป้าจางยังหายใจอยู่เจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอ๋อยื่นมือไปที่จมูกป้าจางแล้วร้องบอกมารดาของตน
“เสี่ยวเอ๋อ ลูกไปนำอ่างน้ำกับผ้าเช็ดหน้ามาสักผืน แม่จะพยุงป้าจางไปที่เตียงนอนก่อน”
ซูหรานบอกลูกสาวพร้อมกับค่อยๆ อุ้มป้าจางไปที่เตียงอย่างช้าๆ
‘หืมม ซูหรานนางแข็งแรงขนาดอุ้มหญิงชราอย่างข้าได้เชียวรึ!’
จางหลิงเยว่ที่แสร้งทำเป็นหลับถึงกับคาดไม่ถึง แต่นางก็อมยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะว่าวันนี้แผนของนางจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
“มาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
เสียงน่ารักสดใสของเสี่ยวเอ๋อดังขึ้น พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่ยกกะละมังไม้ใส่น้ำเข้ามาอย่างทุลักทุเล
“เด็กดีของแม่ เจ้าวางไว้ตรงมุมโต๊ะนั่นเลยนะ”
เหยียนซูหรานหันไปยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะถอดรองเท้าให้ป้าจางและห่มผ้าให้ท่าน
“ท่านแม่ป้าจางเป็นอะไรไปเจ้าคะ ข้าต้องไปตามหมอหรือไม่”
“แม่ดูแล้วป้าจางตัวไม่ร้อน ท่านคงเหนื่อยกับงานมากไป ให้ท่านพักอีกหน่อยเดี๋ยวก็คงตื่นขึ้นมา”
“แล้วเราจะกลับบ้านกันตอนไหนเจ้าคะ ข้าเริ่มหิวแล้ว”
เสี่ยวเอ๋อทำหน้าเซื่องซึมเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้
‘พับผ่าสิ ข้าลืมไปเลยว่าเสี่ยวเอ๋อต้องหิวข้าว’
จางหลิงเยว่ได้แต่นอนนิ่งไม่ขยับ แต่ก็เป็นห่วงว่าเสี่ยวเอ๋อจะหิวจนปวดท้อง ทว่าหากนางตื่นขึ้นมาตอนนี้ สองแม่ลูกนี่ก็คงจะจากนางไป
“งั้นเดี๋ยวแม่ไปทำข้าวต้มให้ดีหรือไม่ ท่านป้าตื่นขึ้นมาก็จะได้กินข้าวต้มร้อนๆ ท่านจะได้สบายท้อง”
เหยียนซูหรานหันไปถามบุตรสาวตัวจ้อย และพบว่านางผงกหัวหงึกๆ แทนคำตอบ
“เช่นนั้นเจ้าอยู่กับป้าจางไปก่อนนะ ประเดี๋ยวแม่มา”
ซูหรานหันไปทางป้าจางแล้วถอนหายใจ
“เจ้าค่ะท่านแม่”
เสียงเล็กๆ ของซินเอ๋อขานตอบ
ซูหรานจึงยิ้มอ่อนแล้วกำลังจะเดินจากไป แต่นางก็หันขวับกลับมาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าจุ่มน้ำบิดหมาดๆ เพื่อนำไปเช็ดหน้าเช็ดมือให้ป้าจางก่อน
“เสี่ยวเอ๋อเช็ดเองเจ้าค่ะ เสี่ยวเอ๋อทำได้”
ซินเอ๋อรีบไปแย่งผ้าผืนนั้นออกมาจากมือมารดา
“ได้ แม่จะให้เจ้าเป็นคนดูแลป้าจาง เช่นนั้นแม่ไปทำข้าวต้มก่อน”
“เจ้าค่ะ”
ซินเอ๋อยิ้มกว้างแล้วนำผ้ามาจุ่มน้ำอีกครั้ง แต่ด้วยความที่นางยังเด็กอยู่จึงบิดน้ำออกได้ไม่ดีนัก เวลาเช็ดหน้าให้ป้าจางจึงทำให้หน้าของท่านเปียกชุ่มไปทั่ว
‘เห้อ เสี่ยวเอ๋อน้อเสี่ยวเอ๋อ ตัวเท่าลูกสุนัขแต่ก็รู้จักช่วยแม่ทำมาหากิน แถมยังดูแลคนแก่เป็นอีก เสียดายจริงๆ ที่ข้าไม่มีหลานสาว’
จางหลิงเยว่คิดถึงหลานชายของนางขึ้นมา แต่ก็ต้องปล่อยวางไปในที่สุด เพราะหลานๆ ของนางต่างก็อยู่กันในตัวเมือง หากจะให้ยายแก่ๆ อย่างข้า ไปอุดอู้อยู่แต่ในบ้านหลังเล็กๆ นั่น ข้าขออยู่ในชนบทแบบนี้ยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยข้าจะไปไหนมาไหน หรือเด็ดยอดผักอวบๆ ที่ใดก็ไม่มีคนมาต่อว่า แถมพื้นที่ที่เหมือนกับกรงขังนั่นมันทำให้ข้าหายใจไม่ทั่วท้อง
หญิงชราวัยหกสิบสองปีหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ยิ่งเมื่อเสี่ยวเอ๋อเช็ดตัวให้นางเสร็จแล้วบีบนวดแขนขาให้ นางก็ยิ่งพึงพอใจในตัวหลานสาวคนนี้
‘ดีจริงๆ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีใครมานวดแบบนี้ให้กับข้า’
จางหลิงเยว่รู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมาก หากนางมีลูกสาว ป่านนี้ตนคงไม่ต้องมาทนอยู่กลางป่าเขาเพียงลำพังเป็นแน่ เพราะลูกสาวต้องคอยมาเอาอกเอาใจนาง เหมือนกับเสี่ยวเอ๋อในยามนี้ที่กำลังบีบนวดให้
“เห้อ ป้าจางนี่ก็จริงๆ เลย จะแสร้งทำเป็นหลับไปด้วยอันใด หรืออยากได้ลูกข้ามาเป็นหลานแล้วจริงๆ”
เหยียนซูหรานก่อไฟตั้งหม้อน้ำขนาดกลางเพื่อทำข้าวต้มหมูง่ายๆ พร้อมกับบ่นไม่หยุดปาก
“กินแต่เนื้อมันจะดีอะไร”
พอน้ำในหม้อดินเริ่มร้อน ซูหรานก็ใส่ข้าวสารลงไป ก่อนจะเดินไปริมรั้วแล้วเด็ดเอาตำลึงมาเพื่อเพิ่มสารอาหาร
หลังจากเก็บผักริมรั้วมาได้นางก็ล้างน้ำสะอาดหนึ่งรอบ แล้วเคี่ยวข้าวให้สุก จากนั้นก็ใส่เนื้อหมูชิ้นเล็กๆ ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ ซอสถั่วเหลือง ชิมรสชาติ แล้วใส่ใบตำลึงและยอดตำลึงอ่อนๆ ตามลงไป
“เอาล่ะ ข้าวต้มเสร็จแล้ว”
เหยียนซูหรานถอนหายใจออกมา ข้าวต้มสองถ้วยนี้เป็นท่านเองที่ต้องการมอบให้ข้ากับลูก ดังนั้นข้าจะไม่เกรงใจละนะ
ซูหรานอมยิ้มน้อยๆ และตักข้าวต้มหมูใส่ผัก ถ้วยใหญ่ สามใบวางไว้ในถาด ก่อนจะยกถาดนั้นไปที่ห้องนอนของป้าจางอย่างเร่งรีบ
“มาแล้วเสี่ยวเอ๋อข้าวต้มใส่ผักและหมูชิ้นมาส่งแล้ว”
ซูหรานเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นป้าจางกำลังนั่งมองลูกสาวของตนอยู่ ส่วนซินเอ๋อลูกสาวตัวน้อยของนางก็นอนหลับอยู่ปลายเตียง
“ป้าจาง เสี่ยวเอ๋อคงง่วงมากแล้ว ข้าจะพานางกลับไปนอนที่บ้านก่อนนะเจ้าคะ”
ซูหรานอมยิ้มน้อยๆ ถึงจะเสียใจที่ไม่ได้กินข้าวต้มที่ทำเสร็จร้อนๆ แต่นางก็ห่วงว่าลูกสาวจะเพลียจนไม่สบาย
“ข้าวต้มก็ทำแล้ว อยู่กินข้าวก่อนค่อยกลับเถอะ”
ป้าจางผ่อนลมหายใจออกมา ดูท่าแผนการของนางจะล้มเหลวตั้งแต่แรก เพราะเหมือนว่าซูหรานจะไม่ตกใจที่เห็นตนตื่นขึ้นมาเลย
“ข้าว่าพวกเจ้าค้างที่นี่เถอะ อย่ากลับไปเลยมันอันตราย”
ป้าจางร้องทักด้วยความห่วงใย
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ข้าต้องกลับไป”
ซูหรานคิดถึงก้อนเงินที่นางเก็บไว้มาหลายปี หากนางไม่อยู่แล้วมีคนมาแย่งเงินจำนวนนั้นไปนางคงได้แต่ทุกข์ใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อรั้นนัก ลูกสาวเจ้ายังเล็ก เจ้าก็ตัวคนเดียว จะไปสู้ชายชาตรีได้อย่างไร”
จางหลิงเยว่รีบพูดออกมาให้นางคิดตาม
“ข้าดูแลตนเองได้เจ้าค่ะ อีกอย่างหากข้ากับลูกไม่อยู่เขาจะเกิดความสงสัย”
“สงสัยก็สงสัยไปสิ หรือเจ้าจะย้ายมาอยู่กับข้าเลยก็ได้ ข้าอยู่ตัวคนเดียว เดือนๆ นึงลูกก็มาหาแค่ครั้งสองครั้ง มาอยู่เป็นเพื่อนข้าจะไม่ดีกว่าหรือ”
ซูหรานเข้าใจในความหวังดีของป้าจาง แต่ว่านางก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนตามไปด้วย อีกอย่างนางก็คิดไว้แล้วว่า คงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกไม่ถึงเดือนก็คงจากไป ขืนให้ป้าจางมาออกหน้าให้ ต่อไปคนแซ่จงนั่นจะไม่มาราวีป้าจางหรอกหรือ
“ป้าจางข้าตัดสินใจแล้ว”
เหยียนซูหรานอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินไปปลุกลูกสาวให้มาทานข้าวต้มที่อุ่นกำลังดี
“อือ ท่านแม่ข้าหิวข้าว”
ซินเอ๋อลืมตาขึ้นมาก็เอามือลูบหน้าท้องน้อยๆ ของตนเอง
“มาสิซินเอ๋อ ลุกมาทานข้าวกัน”
จางหลิงเยว่กวักมือเรียกเหยียนซินเอ๋อที่พึ่งลืมตาตื่น
“ป้าจางหายแล้วหรือเจ้าคะ”
เสี่ยวเอ๋อทำตาโตอย่างตกใจ หรือจะเป็นเพราะข้านวดให้ท่านป้า ท่านถึงได้ตื่นขึ้นมาได้เร็วขนาดนี้ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เพราะตอนที่ข้านวดให้ท่านแม่ท่านก็บอกว่าสบายตัว
ซินเอ๋อยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
“เราไปทานข้าวต้มร้อนๆ กันเถอะ”
ซูหรานส่งยิ้มหวานให้บุตรสาว
“ท่านแม่ วันนี้เราจะกินข้าวบ้านป้าจางหรือเจ้าคะ”
ซินเอ๋อทำท่าทางสงสัยเพราะปกติท่านแม่มักจะบอกว่ากินข้าวบ้านคนอื่นไม่ดี
“ก็ป้ากินคนเดียวแล้วไม่อร่อยหน่ะสิ วันนี้เลยอยากให้ซินเอ๋อกินข้าวเป็นเพื่อน หรือซินเอ๋อไม่เต็มใจ?”
ป้าจางลูบหัวเด็กสาวตัวน้อยที่ทำหน้าฉงน