บ้านเดิมจะไม่ได้เงินจากหยูเจี้ยนอีกต่อไป
ค่ำคืนแรกของการทะลุมิติมาที่นี่ ค่อนข้างทำให้เธอต้องใช้ความคิดกว่าที่จะได้ปิดตานอนหลับ จู่ๆ ก็เผลอขยับมือจนกระดิ่งที่ข้อมือสั่นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เหมือนว่าเธอสั่นกระดิ่ง และก็มีน้ำผุดออกมาจากบ่อน้ำตามความต้องการ และถ้าตอนนี้เธอจะลองสั่นกระดิ่งอีกครั้งเพื่อขอที่นอนกับผ้าห่มใหม่และเสื้อผ้าสำหรับตนเองและเด็กๆ แบบนั้นมันจะได้หรือเปล่านะ
ทั้งที่กำลังจะนอนหลับไปแล้ว แต่หยูเจี้ยนยังดันตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เพื่อที่จะลองสั่นกระดิ่งและขอสิ่งที่อยากได้ในรวดเดียว เหมือนว่ามันจะค่อนข้างไม่เป็นผล หรือว่าข้อมือกระดิ่งนี่จะมีข้อจำกัดบางอย่างในการใช้งาน หรือบางครั้งพรุ่งนี้ เธออาจลองบางอย่างอีกครั้งถึงจะรู้ได้ว่าข้อจำกัดนั่นคืออะไร
ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาตญาณการเป็นแม่ของเธอหรือเปล่า เช้านี้หยูเจี้ยนถึงลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เธอหยิบข้าวกับไข่ไปสองฟอง อาหารเช้าวันนี้คงต้องเป็นโจ๊กใสไข่ง่ายๆ อย่างไรแล้วปกติเด็กสองคนนั้นก็ได้รับอาหารแค่วันละหนึ่งมื้อ นั่นคือปริมาณอาหารที่มากสุดที่เด็กๆ จะได้รับ
ไม้ฟืนที่มีอยู่ในบ้านเริ่มจะน้อยลงแล้ว เห็นว่าวันนี้เธอควรที่จะจ่ายเงินค่าจ้างสำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตามความทรงจำ เขาเป็นเด็กที่รับจ้างหาฟืนในหมู่บ้าน แน่นอนว่าค่าจ้างก็หลายเหมาอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายแล้ว หยูเจี้ยนตัดสินใจที่จะจ้างเด็กหนุ่มคนนี้เหมือนร่างเดิมเอาเสียจะดีกว่า
ตอนนี้เธอก้มลงสนใจการติดไฟมากกว่า ภายในห้องครัวหลังจากทำความสะอาดง่ายๆ ไปเมื่อวานนี้เหมือนว่าวันนี้เอง จะยังต้องทำความสะอาดให้ละเอียดมากกว่านี้ อย่างไรแล้วพื้นที่ ที่ใช้สำหรับการประกอบอาหาร มันควรที่จะสะอาดมากกว่านี้เอาเสียสักหน่อย แต่มันคงหลังจากที่ต้องทานอาหารมื้อเช้าไปเสียก่อน ไม่ใช่แค่ทำความสะอาดห้องครัวเพียงเท่านั้น วันนี้หยูเจี้ยนวางแผนที่จะเก็บผ้าห่มกับที่นอนของเด็กๆ ออกมาซักและตากแดดให้มันสะอาด ที่นอนที่เป็นสีดำจากเหงื่อไคลมากขนาดนั้น ไม่รู้ว่าจะสะสมสิ่งสกปรกอะไรเอาไว้บ้าง
เมื่อคืนเธอเลยอยากของเครื่องนอนกับเสื้อผ้าสำหรับลูกๆ และก็ของตัวเองอย่างไรล่ะ แม้ว่าร่างเดิมจะมีเสื้อผ้าใหม่หลายชุด แต่เสื้อผ้าสีจัดจ้านแบบนั้นเธอคงไม่ได้มีความกล้าที่จะสวมใส่เดินออกไปไหนมาไหน
ข้าวขาวถูกใส่กับน้ำจำนวนหนึ่ง การทำโจ๊กค่อนข้างที่ต้องใช้เวลา ระหว่างนี้ หยูเจี้ยนจัดการลำเลียงพวกหม้อกระทะออกไปวางเอาไว้แถวบ่อน้ำ เธอต้องการที่จะทำความสะอาดพวกหม้อกระทะให้สะอาดเอี่ยมอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะเดินกลับเข้าบ้านถึงได้เห็นว่าเป็นพี่สะใภ้รองที่ยืนมองทุกการกระทำของเธอมาจากบ้านใหญ่ สะใภ้รองคนนี้เข้ากันไม่ค่อยได้กับคนอื่นๆ จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีนิสัยที่แตกต่างจากร่างเดิมเท่าไหร่นัก โชคดีที่สะใภ้รองอาจดีกว่าสักหน่อยที่เธอค่อนข้างที่จะรักลูกสาวของตัวเองมากกว่าร่างเดิมที่เอาแต่รังเกียจและทุบตีเด็กๆ
เธอไม่ได้สนใจสายตาดูแคลนนั่นเท่าไหร่นัก จะว่ากันตามจริงเป็นชีวิตของเธอต่างหากที่น่าอิจฉามากกว่าคนอย่างสะใภ้รอง หากแต่แม่สามีไม่มอบเงินให้ ก็ไม่มีทางที่จะได้ใช้จ่าย เป็นโชคดีของเธอ ที่ก่อนหน้านี้ร่างเดิมขอแยกบ้านออกมาจากบ้านใหญ่ เพราะฉะนั้นเงินเดือนที่สามีส่งมาไม่ต้องถูกส่งไปกองกลาง
อีกอย่างเพราะเป็นแบบนี้ สะใภ้รองถึงค่อนข้างที่จะเกลียดหยูเจี้ยน มีการพูดออกมาโดยตรงหลายครั้ง ว่าหยูเจี้ยนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างถึงที่สุด
หยูเจี้ยนรีบวิ่งกลับเข้าบ้านไปดูหม้อโจ๊กที่เปื่อยได้ที่ หลังจากปรุงรสกับเกลือและน้ำตาล เธอก็ตอกไข่ไก่ตีให้เข้ากันก่อนที่จะใส่เข้าไปเป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนที่จะยกมันลงจากเตาอย่างเร่งรีบ น่าเสียดายถ้ามีผักชีสักเล็กน้อยมันน่าจะดีกว่านี้ เพียงพึมพำไม่นานผักชีก็โผล่ออกมาวางตรงหน้า ครั้งนี้ หยูเจี้ยนมั่นใจไม่ผิด ว่าการขอสิ่งของจากข้อมือ สามารถทำได้ตอนกลางวันเท่านั้น หลังจากนั้นเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนก่อนที่จะขอเครื่องนอนสามชุด พวกผ้าห่มหมอนที่นอน และเสื้อผ้าสำหรับเธอและลูกทั้งสองคน เพียงไม่นานข้าวของทั้งหมดก็วางตรงหน้า ถ้าเป็นแบบนี้เท่ากับว่าเธอไม่ต้องเหนื่อยกับการทำความสะอาดที่นอนสกปรกๆ พวกนั้นอีกต่อไปแล้ว
อย่างแรกเธอรื้อฟูกนอนที่บางยิ่งกว่าบางของตนเองออกไป ก่อนที่จะเอาที่นอนที่น่าจะเรียกได้ว่าที่นอนปิกนิกมาปูแทน ผ้าห่มหนึ่งผืนให้หมอนหนึ่งใบของเธอ
ได้ยินเสียงเด็กทั้งสองคนออกจากห้องนอน และน่าจะออกไปล้างหน้าแล้วในตอนนี้ หยูเจี้ยนรีบหอบเอาที่นอนกับผ้าห่มออกไปเปลี่ยนให้เด็กๆ และรื้อพวกที่นอนเก่าออกมา สิ่งที่กำลังกังวล เธอจะเอาของเก่าพวกนี้ไปทิ้งที่ไหนดี หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ต้องตกใจ เมื่อกระดิ่งเหมือนจะดูดที่นอนเก่าเข้าไปด้านใน มีกระดิ่งวิเศษแบบนี้คิดจะทำอะไรก็ง่ายขึ้นสินะ
หยูเจี้ยนเดินออกมาจากห้องนอน อาผิงมองแม่อย่างไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่แย่งความสนใจจากพวกเขาไปได้น่าจะเป็นกลิ่นอาหารหอมๆ ที่ลอยไปทั่วบ้านในตอนนี้
"แม่เข้าไปเปลี่ยนที่นอนกับผ้าห่มใหม่ให้ ส่วนของเก่าทิ้งมันไปหมดแล้ว เข้าไปดูก่อนว่าชอบหรือเปล่า รีบๆ เข้าไปดูล่ะ จะได้รีบออกมากินอาหารเช้า"
หยูเจี้ยนเดินไปในครัวเพื่อจะตักโจ๊กสำหรับเด็กๆ ระหว่างนี้เธอให้พวกเขาสำรวจที่นอนใหม่ของเขาไปก่อน ดูจากรอยยิ้มของพวกเขาแล้ว เด็กๆ น่าจะตื่นเต้นไม่น้อย ที่จริงในห้องเธอยังมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กๆ อีกคนละห้าชุด แต่เธอขอจัดการอาหารเช้าก่อนถึงเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ ออกมาให้พวกเขาหลังจากนี้
"แม่คะ เครื่องนอนพวกนั้นแม่ให้พวกเราคนละชุดเลยหรือคะ แบบนั้นมันจะดีหรือ"
อิ้นผิงวิ่งออกมาหาแม่อย่างประหลาดใจ เครื่องนอนใหม่แถมสีสันสวยงาม และมันยังนุ่มเอาเสียมากๆ ขนาดนั้น เธอเชื่อว่ามันต้องเป็นสินค้าที่มีราคาแพงเอาเสียมากๆ ถึงเธอจะชอบ แต่ก็ยังรู้สึกว่าของพวกนั้นมันดีเกินกว่าที่จะให้พวกเธอใช้งาน
"คนละชุดกับอาเหมาดีแล้ว อีกหน่อยอาผิงก็โตขึ้นเรื่อยๆ เธอจะไปนอนเบียดกับน้องชายตลอดไปมันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก เรียกอาเหมาออกมากินอาหารเช้าก่อน แม่มีเสื้อผ้าใหม่สำหรับทั้งสองคนด้วย"
อาผิงมองใบหน้าของแม่ที่ยังคงเป็นแบบเดิม แม้ว่าแม่ไม่ได้พูดจาไพเราะจนน่าประหลาดใจ แต่การกระทำที่ค่อนข้างเอาใจใส่เธอแบบนี้ แทบไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้เท่าไหร่
"ค่ะ"
อาผิงไปตามอาเหมาออกมากินอาหารเช้าตามคำสั่งแม่ วันนี้แม่ถึงกับทำโจ๊กจากข้าวขาวใส่ไข่ และยังโรยผักชีหอมๆ อีกด้วย อาเหมาไม่แน่ใจว่าทั้งหมดที่คือความฝันหรือเปล่า เมื่อวานเขาก็ได้กินข้าวสวยหุงสุกกับไข่เจียวที่มีน้ำมันเยิ้มๆ แถมเมื่อครู่ก็มีที่นอนใหม่กับพี่สาวคนละชุด มาถึงตอนนี้โจ๊กข้าวขาวใส่ไข่หอมๆ ชามใหญ่ก็อยู่ตรงหน้าพวกเขา
"มาแล้วก็เริ่มกินอาหารได้แล้ว"
เด็กๆ นั่งกินโจ๊กหอมๆ ตรงหน้าอย่างมีระเบียบ อาเหมาแม้ว่าจะอายุสี่ขวบครึ่ง แต่เขาค่อนข้างระมัดระวังในตอนกินอาหารมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน เหตุเพราะกลัวว่าหากทำอะไรผิดพลาดลงไป จะทำให้ถูกทำโทษได้อีกครั้ง
หลังจากที่โจ๊กถูกกวาดลงท้องทั้งสามคนเรียบร้อย ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข วันนี้จะสิ้นสุดลง พี่ชายกับแม่ของร่างเดิมถึงกับมาหาเธอที่บ้าน พวกเขามองชามโจ๊กที่ถูกเด็กไร้ประโยชน์สองคนนั้นกวาดลงท้องไป รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ลูกสาวเลี้ยงดูเด็กสองคนนั้นสุขสบายจนเกินไป
"แม่ พี่ใหญ่มาที่นี่ทำไมกัน"
แม่ของร่างเดิมรักลูกชายมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย จุดประสงค์การมาวันนี้เพื่อขอเงินจากลูกสาวคนเล็ก เพื่อที่จะเอาเงินในส่วนนั้นไปซื้อเสื้อผ้าใหม่สำหรับหลานชายอย่างหยูถัง
"แหม แม่แค่จะมาขอเงินจากแก อย่างที่รู้ว่าหยูถังกำลังจะเข้าเรียน และยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้า หวังพึ่งแค่อาหญิงเล็กของหลานเท่านั้น"
อาผิงมองใบหน้าน้องชาย ก่อนที่จะมองว่าครั้งนี้แม่จะยอมมอบเงินให้บ้านยายไปอีกหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เงินส่วนนั้นควรที่จะเก็บเอาไว้ให้เธอที่เป็นลูกสาวหรือการเรียนของอาเหมาในอนาคตมากกว่า
หยูเจี้ยนมีใบหน้าที่น่าเกลียด เมื่อได้ยินคนเป็นแม่ร้องขอออกมาหน้าไม่อายแบบนั้น คนพวกนี้เอาเปรียบเธอมากเกินไปจนคิดเอาเสียว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
"ฉันเสียใจจริงๆ ที่ครั้งนี้ฉันช่วยเหลืออะไรพี่ชายกับแม่ไม่ได้ สามีรู้เรื่องที่ฉันให้เงินแก่บ้านเดิมหมด เขาส่งจดหมายมาบอกแก่ฉันว่าจะไม่ส่งเงินให้ฉันจนกว่าเขาจะกลับมา ว่าแต่วันนี้แม่มีเงินให้ฉันยืมสักสามหยวนหรือเปล่า ที่บ้านไม่มีอะไรให้กินแล้ว"
เพียงแค่รู้ว่าลูกสาวที่เคยทำตัวเป็นประโยชน์ วันนี้กลับไร้ประโยชน์กับตัวเองอย่างสิ้นเชิงต่อไป ทั้งแม่และพี่ชายทั้งก่นด่า และบอกว่าเธอแต่งงานออกไปแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาวุ่นวายกับบ้านเดิมได้อีก
"แต่แม่คะ ไหนแม่บอกว่าฉันคือลูกสาวแม่อย่างไรล่ะคะ และเงินที่ฉันให้ที่บ้านไปมันมากกว่าสามหยวนด้วยซ้ำไป"
หยูเจี้ยนแสร้งร้องไห้เสียใจ ทว่าคนเป็นแม่กับพี่ชายไม่ได้สนใจ และกำลังจะเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
"วันหลังไม่ต้องไปที่บ้านอีก เธอแต่งงานแยกออกมาแล้วก็เท่ากับว่าเป็นคนนอก"
ในที่สุดวันนี้ค่าชุดของหยูถังก็ไม่ได้ แถมอาสาวยังกลับมายืมเงินจากพวกเขาอีกตั้งสามหยวน ไม่มีอะไรที่น่าหงุดหงิดไปมากกว่านี้อีกต่อไปแล้ว เด็กๆ ทั้งสองคนนั้นเหมือนจะสวมใส่ชุดใหม่นั่นยิ่งชวนให้ลุงใหญ่ของพวกเขาหงุดหงิดใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
"ไหนบอกว่าไม่มีเงิน และเสื้อผ้าใหม่บนตัวพวกไร้ประโยชน์นี่คืออะไร"
"ก็มันสิทธิ์ของฉัน ฉันแต่งงานออกมาแล้วอย่างที่พี่บอก"
"แกตั้งใจไม่ให้เงินแก่ฉัน "
"ใช่ และถ้าคิดจะทำอะไรฉันโปรดคิดให้ดี อิ้นหยวนสามีฉันคงไม่ยอมเรื่องนี้ง่ายๆ แน่ ที่ผ่านมาฉันคิดว่าฉันกตัญญูมากพอแล้ว"
ทั้งสองแม่ลูกเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก หยูเจี้ยนเป็นคนที่หัวอ่อนมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ แต่ทั้งสองก็ต้องคิดถึงอิ้นหยวนไว้ในใจหลายส่วน พวกเขาไม่กล้าทำอะไรมากนักนอกจากถอยออกไป