บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เด็กแสบ

บทที่ 4 เด็กแสบ

ฝั่งด้านหลี่มี่นางเดินรับลมมาเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางใดทำให้นางเริ่มสับสนว่าที่ที่นางอยู่นี่คือที่ใดกัน เมื่อเดินมาได้สักพักได้ยินเสียงเด็กชายที่ส่งเสียงดังอยู่ด้านหน้า

“เสียงเด็กผู้ชายนี่น่าหรือว่าจะเป็นเจ้าก้อนแป้งนะ ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าจะน่ารักเหมือนในนิยายหรือเปล่า” หลี่มี่รีบย่างเท้าไปด้านหน้าเพื่อพบกับ ‘อ้ายเยว่’ อายุห้าขวบ บุตรชายเพียงผู้เดียวของท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นขาดความรักของผู้เป็นแม่ ทำให้เขาเอาแต่ใจตนเองและไม่ชอบเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะคิดว่านางจะมาแย่งความรักของท่านพ่อไปจากเขา เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้เห็นว่าเด็กชายแก้มตุ้ยนุ้ยอวบอ้วนกำลังรังแกสัตว์อยู่นางรีบเข้าไปห้ามทันทีไม่อยากให้เด็กชายนิสัยเสียไปกว่านี้

“หยุดนะ! นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เด็กชายหยุดรังแกสัตว์พร้อมหันไปมองที่มาของเสียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนเด็กชายมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที

“ชิ! ข้าคิดว่าใครที่แท้ก็คนที่มาแย่งท่านพ่อไปจากข้า มีสิทธิ์อะไรมาห้ามข้า ไม่ใช่ท่านแม่ของข้าเสียหน่อย” เด็กชายไม่ได้เกรงกลัวแถมยังแสดงท่าทีอวดเก่งใส่นางอีกด้วยซ้ำ

"ตัวแค่นี้ปากเก่งเสียจริงนะ" หลี่มี่อดไม่ไหวกับแก้มตุ้ยนุ้ยและท่าทางอวดดี นางจับแก้มของเด็กชายบีบไปมาอย่างเอ็นดู

" ปล่อยนะอย่าทำเช่นนี้กับข้า แม่นมช่วยข้าด้วยข้าถูกแม่มดใจร้ายรังแก" เด็กน้อยเริ่มร้องโวยวายเสียงดังให้แม่นมที่อยู่ใกล้ ๆ เข้ามาช่วย

"ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าเสียหน่อย แค่ห้ามไม่ให้เจ้าทำในสิ่งที่ผิดเท่านั้นเอง " อ้ายเยว่จ้องมองแววตาที่เต็มไปด้วยความโมโหที่ถูกห้ามมิให้ทำตามใจตน ดวงตาใบหน้าช่างราวกับท่านแม่ทัพถอดแบบมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน

"เช่นนั้นข้าไม่รังแกสัตว์ตัวนั้นก็ได้แต่ข้าจะรังแกท่านแทน" หลี่มี่คิดไม่ถึงว่าเด็กตัวเล็กจะกล้าเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่ไม่ทันที่นางได้เอ่ยอันใดเด็กชายกำลังจะนำไม้ที่อยู่ในมือเมื่อครู่ฟาดเข้าที่ขาของนาง

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! "เสียงดังคำรามจากด้านหลังก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองต่างพากันมองไปยังเจ้าของเสียง เมื่อเด็กชายเห็นสีหน้าสลดลงมองต่ำ

"อ้ายเยว่วางไม้ลงเดี๋ยวนี้!! เจ้าคิดจะทำอันใด" น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยออกมาสุดเสียงเด็กชายรีบโยนไม้ในมือทิ้งอย่างรวดเร็ว

"ข้ามิได้ทำอันใดนะท่านพ่อ เพราะนางนางเข้ามารังแกข้าก่อน ข้าจึงป้องกันตัวเท่านั้น" นิ้วน้อย ๆ ของเขาชี้มาทางหลี่มี่ นางเอียงคอฉงนใจเพราะเมื่อครู่มิใช่นางหรอกหรือที่กำลังถูกรังแกเหตุใดเด็กน้อยคนนี้ถึงเอ่ยออกมาเช่นนี้ เพราะไม่ชอบนางสินะ ในนิยายฉากนี้ดูเหมือนเยิ่นเม่ยเม่ยจะถูกเด็กชายใช้ไม้ทุบตีที่ขาจนล้มลง แม้ท่านแม่ทัพเดินผ่านมาเขาหาสนใจไม่แต่คราวนี้แตกต่างออกไปเพราะนางจะไม่ยอมให้เด็กชายรังแกนางได้อีก

“อะไรกัน.. บุตรชายของท่านแม่ทัพกำลังโกหกนะเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าต่างหากกำลังโดนรังแก เหตุใดถึงมาใส่ความข้าเช่นนี้” เทียนหลันเซ่อมองทั้งสองสลับกันไปมาก่อนจะถอนหายใจตัดสินใจในเรื่องนี้

“เอาล่ะ ๆ เรื่องนี้อ้ายเยว่เองก็ผิดแต่เขาเองยังไม่ได้ทำอันใดให้เจ้าบาดเจ็บ” เขาบอกกับหลี่มี่เพื่อหยุดต่อว่าอ้ายเยว่ในเรื่องนี้ ส่วนเด็กชายเมื่อเห็นท่านพ่อเข้าข้างตัวเองก็ยิ้มอย่างดีใจก่อนจะแอบแลบลิ้นใส่หลี่มี่ราวกับว่าตนเองเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

“ส่วนเจ้าอ้ายเยว่เจ้ามิควรทำเช่นนี้กับสตรีนางนี้ เพราะต่อจากนี้ไปนางคือท่านแม่ของเจ้าหากเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้าจะสั่งลงโทษให้เจ้าอ่านหนังสืออยู่ในแต่ห้องห้ามออกมาเดินเล่นเข้าใจหรือไม่? แม่นมพาคุณชายไปกินอาหารเช้าเถิดและช่วยห้ามปรามเวลาที่เขาจะรังแกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยด้วยเพราะทุกชีวิตมีล้วนมีหัวใจ เจ้าเข้าใจที่ข้าเอ่ยออกมาหรือไม่อ้ายเยว่” ซาลาเปาก้อนโตใบหน้าบูดบึ้งเมื่อถูกท่านพ่อของตนตำหนิ หลี่มี่ที่มองอยู่ก็พอใจไม่น้อยที่เขาสั่งสอนบุตรชายด้วยเหตุผล

“ขอรับท่านพ่อจากนี้ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านพ่อ”

"ดีเช่นนั้นเจ้าไปกินอาหารเช้าเถิด จะได้ไปร่ำเรียกับท่านอาจารย์" เทียนหลันเซ่อเอ่ยบอกกับบุตรชายแม่นมรีบเข้ามาพาตัวคุณชายไปที่ห้องของเขา ตอนนี้ที่ตรงนี้เหลือเพียงหลี่มี่กับท่านแม่ทัพ นางไม่อยากสู้หน้าเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจึงหันหลังกำลังเดินหนีอย่างเงียบ ๆ แต่ก็ถูกเขาจับได้

“ฮูหยินจะรีบไปที่ใดหรือ" และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะจับได้แล้วว่านางกำลังจะหลบหน้า

"ข้าไม่ได้จะไปทางใดเพียงเห็นดอกไม้ที่อยู่ทางด้านนั้นสวยงามดีเจ้าค่ะเลยจะไปดูสักหน่อย แฮะ แฮะ"

"คิดว่าเจ้าจะหนีหน้าข้าเสียอีก เรื่องดอกไม้เอาไว้ก่อนเถิด เช้านี้เรามีเรื่องที่จะต้องทำเสียก่อน " แม่ทัพมองนางด้วยสายตาหื่นกระหายจนทำให้หลี่มี่ถอยหลังหนีอีกรอบ

" เมื่อคืนนี้ท่านทำเอาข้าแทบไม่ได้พักยังต้องการอีกหรือเจ้าคะ? ข้าปวดระบมไปทั้งตัว" หลี่มี่รีบแสร้งทำเป็นปวดเนื้อปวดตัวแต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

"นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไรกัน เรื่องที่ข้าบอกว่าต้องทำคือการที่เจ้าเข้ามาอยู่ในจวนของข้าในฐานะฮูหยินเช้านี้เจ้าต้องไปยกน้ำชาให้ท่านแม่ของข้านะสิ หรือว่าข้าจะเปลี่ยนไปพาเจ้ากลับไปที่ห้องดี เมื่อคืนนี้ข้ายังไม่พอใจเลยท่านแม่คงเข้าใจหากข้ากับเจ้าอยากจะใช้เวลาร่วมกันอีกสักหน่อย " เทียนหลันเซ่อเอ่ยพลางขยับกายใช้แขนขวากอดหลี่มี่มาข้างกายจะพานางเดินกลับไปที่ห้อง

"ข้าว่าท่านพาข้าไปยกน้ำชาจะดีกว่า ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ของท่านไม่พอใจที่ลูกสะใภ้อย่างข้าทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องตั้งแต่ครั้งแรก " หลี่มี่รีบกล่าวชวนเขาไปที่ห้องของท่านแม่ของเจ้าจะดีกว่ากลับห้องของตน เพราะนางเชื่อว่าอย่างไรเขาไม่ปล่อยให้นางรอดไปอีกแน่ ๆ

"ฮูหยินข้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าตามเจ้า มาเถิดห้องท่านแม่เดินผ่านสวนดอกไม้ด้านหน้าก็ถึงแล้ว" เทียนหลันเซ่อโอบไหล่ของนางให้เดินตามตนเองไป

"เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านแม่ทัพช่วยนำมือของท่านออกจากตัวของข้าก่อนได้มั้ยเจ้าคะ? ในเรือนของท่านสาวใช้มากมายไหนจะทหารของท่านอีก ข้าอายเจ้าค่ะ" หลี่มี่พยายามปัดมือของเขาออกแต่ทว่าเขากลับกอดนางแน่นมากกว่าเดิม

"เจ้าจะอายทำไมไม่มีผู้ใดกล้ามองเจ้ากับข้าหรอกนะ รีบเดินมาเถิดหากเจ้าชักช้าข้าเกรงว่าข้าอาจจะเปลี่ยนเส้นทาง" หลี่มี่รีบเดินย้ำเท้าทันทีที่เขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น ห้องของท่านแม่อยู่ห่างจากเรือนของท่านแม่ทัพไม่ไกลมากหลี่มี่สำรวจระหว่างทาง ทางไปที่เรือนของท่านแม่สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้มากมายหลายชนิด ในเรือนของท่านแม่ทัพช่างกว้างใหญ่ แต่ละเรือนจะถูกแบ่งแยกออกจากกัน เรือนที่หลี่มี่อยู่จะมีห้องของท่านแม่ทัพห้องของหลี่มี่ห้องโถงห้องทำงานของท่านแม่ทัพ ส่วนห้องของอ้ายเยว่อยู่อีกคนละหลัง หลี่มี่เดินไปพลางครุ่นคิดจะทำอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าของท่านแม่ในนิยายนางไม่ชอบขี้หน้าเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะเป็นเพียงบุตรสาวของรองแม่ทัพไม่ได้มียศสูงศักดิ์อะไร แต่นางก็มิอาจขัดใจบุตรชายได้ ตลอดเวลาที่อยู่ในจวนแห่งนี้นางก็มักจะยุแยงให้บุตรชายหรือแม้กระทั่งหลานชายเกลียดเยิ่นเม่ยเม่ยเพราะอยู่คนละระดับชั้นกัน อีกอย่างนางมีสตรีที่จัดเตรียมไว้ให้ลูกชายของนางไว้ก่อนหน้าแล้ว จึงทำทุกวิถีทางกำจัดเยิ่นเม่ยเม่ยไปให้พ้น ยิ่งคิดหลี่มี่ยิ่งกังวลถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว

"เฮ้อ!.." เทียนหลันเซ่อที่โอบนางเดินเคียงข้างได้ยินเข้าเห็นสีหน้ากังวลของนางจึงเอ่ยออกมาเพื่อปลอบให้นางเลิกกังวล

"ฮูหยินเจ้ากังวลหรือที่จะได้พบท่่านแม่ของข้าในวันนี้ เจ้าทำใจให้สบายเถอะนะ ท่านแม่แม้จะดูดุนิดหน่อยแต่ท่านแม่เป็นคนดีมีเหตุผลเจ้าเลิกกังวลเถิดดูสิคิ้วเจ้าขมวดจนติดกันไปหมดแล้ว"

'คนดีมีเหตุผลอะไรกัน ฉันเป็นคนแต่งย่อมรู้ดีกว่าท่านเยอะ ชิ!! ' หลี่มี่คิดในใจก่อนจะยิ้มร่าออกมา

"เจ้าค่ะ " เพื่อแสร้งให้เขารู้ว่านางมิได้เกรงกลัวแถมเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่

ทั้งสองเดินผ่านสวนดอกไม้มาก็พบเรือนประดับตกแต่งอย่างสบายตาสะอาดสะอ้าน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเทียนหลันเซ่อปล่อยแขนออกจากตัวของนาง เดินนำหน้าเข้าไปด้านในเมื่อสาวใช้เห็นรีบเข้ามาหาทันที

"ท่านแม่ทัพมาหาฮูหยินผู้เฒ่าหรือเจ้าคะ"

"ใช่แล้ว ท่านแม่อยู่ที่ใด"

"ฮูหยินผู้เฒ่ามีแขกอยู่ที่ห้องโถงเจ้าค่ะ"

"มีแขกหรือ ไม่เป็นไรเจ้าช่วยไปเตรียมน้ำชามาให้ข้าที ข้าจะพาฮูหยินไปยกน้ำชาให้ท่านแม่" สาวใช้เงยหน้ามองหลี่มี่ก่อนจะโค้งตัวลงน้อมรับคำสั่งของท่านแม่ทัพ

"เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะรีบนำไปให้นะเจ้าคะ" หลี่มี่รู้สึกได้สายตาทุกคนในเรือนต่างก็พากันมองนางด้วยสายตาแปลก ๆ

"เจ้ามองสาวใช้มีเรื่องอันใดหรือ จริงสิเจ้าเองยังไม่มีสาวใช้คอยดูแลเข้าพบท่านแม่ข้าจะให้ท่านแม่จัดการเรื่องนี้ให้มาเถิดห้องโถงอยู่ด้านนี้ "เขาพานางเดินไปทางซ้ายมือไปยังห้องโถงใหญ่

"ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ" เอ่ยเสร็จนางก็เดินตามหลังเขาไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel