บทที่ 5 ท่านแม่จะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี้
บทที่ 5 ท่านแม่จะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี้
ภายในห้องโถงมีสตรีสองนางกำลังพูดคุยหารือกัน สตรีที่มีอายุนั่งอยู่ด้านขวาคือ ‘ฟางเหนียง’ มารดาของท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อ กำลังใช้มือลูบหลังสตรีที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมืออย่างอ่อนโยน นางกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเช็ดน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมา ใบหน้าของนางสง่างามไร้ที่ติแถมนางยังเป็นบุตรสาวของท่านใต้เท้าหลิวผู้ที่มีอำนาจนางคือ ‘หลิวอี้เฟ่ย’ สตรีที่มีใจให้แก่ท่านแม่ทัพเทียนหลันเซ่อ
“หลิวอี้เฟ่ยเจ้าหยุดร้องไห้คร่ำครวญเถิดนะ ตอนนี้เทียนหลันเซ่อบุตรชายของข้าได้แต่งฮูหยินเข้ามาแล้ว เราต้องช่วยกันคิดจะทำอย่างไรต่อไปจะดีกว่ามาคร่ำครวญเช่นนี้ "
“ท่านป้าข้าเจ็บตรงนี้เหลือเกินเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าข้าจะได้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพเสียอีก เหตุไฉนท่านแม่ทัพถึงไปคว้าสตรีที่ต่ำต้อยเช่นนั้นมาเป็นฮูหยิน ข้าไม่ดีตรงไหนหรือเจ้าคะ” เสียงเล็กแหลมสะอึกสะอื้นไห้ เอ่ยออกมาอย่างเจ็บช้ำน้ำใจนางรักเทียนหลันเซ่อจากใจจริงแม้ว่าเขาเคยมีภรรยาหรือมีลูกติดนางเองไม่ได้สน คอยมาหามาดูแลมารดาของท่านแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง จนเอาชนะใจของฟางเหนียงได้
“ไม่เลยเจ้าดีทุกอย่าง เหมาะสมกับเทียนหลันเซ่อทุกประการ แต่ที่เขาแต่งงานในครั้งนี้นั้นเพราะเหตุจำเป็น เอาเช่นนี้แล้วกันอย่างไรข้าเองก็มิได้ชอบฮูหยินของเขา ระหว่างที่นางอยู่ที่นี่ข้าจะบีบบังคับให้นางทนไม่ได้และจากที่นี่ไปเองหลังจากนั้นข้าจะให้เทียนหลันเซ่อไปสู่ขอเจ้าดีหรือไม่? ตอนนี้เจ้าหยุดร้องก่อนเถอะนะ”
“จริงนะเจ้าคะ”
“จริงนะสิเพราะเจ้าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นฮูหยินของเทียนหลันเซ่อ” ฟางเหนี่ยงเอ่ยปลอบจนสตรีตรงหน้าหยุดร้องไห้ เช็ดหยาดน้ำตาสักพักนางได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่างเท้าเข้ามา ทั้งสองจ้องมองพบเห็นว่าตอนนี้เทียนหลันเซ่อกำลังเดินเข้ามา หลิวอี้เฟ่ยใบหน้าระรื่นขึ้นเมื่อเห็บบุรุษที่นางเฝ้าถวินหา นางรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้คารวะเขาทันที
“คารวะท่านแม่ทัพ” นางเงยหน้าขึ้นมองพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย
“คุณหนูหลิวอี้เฟ่ยเองหรอกหรือแขกของท่านแม่ ข้าคิดว่าผู้ใด”
“เหตุใดถึงเอ่ยกับหลิวอี้เฟ่ยเหินห่างเช่นนั้นเล่า มิใช่เจ้ารู้ว่านางมาจึงมาหาข้าแต่เช้าหรอกหรือ”
“ท่านแม่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหลิวอี้เฟ่ยมาที่นี่ แต่ที่ข้ามาหาท่านแม่เพราะจะพาฮูหยินมายกน้ำชาให้ท่านแม่ขอรับ” เมื่อได้ยินว่าเขาพาฮูหยินมารอยยิ้มของหลิวอี้เฟ่ยก็จางหายทันที ส่วนหลี่มี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังยังไม่เข้ามาด้านในเมื่อได้ยินชื่อนางร้ายนางเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าสตรีนางนี้จะงดงามเพียงใด รีบเดินเข้ามาคารวะท่านแม่ของเขา
“ข้าน้อยเยิ่นเม่ยเม่ยคารวะท่านแม่” ฟางเหนียงชักสีหน้าเย็นชาต่างจากที่อยู่กับหลิวอี้เฟ่ยอย่างเห็นได้ชัด
“น้ำชามาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ท่านแม่ทัพให้ไปนำน้ำชาได้เดินเข้ามาทันเวาลาพอดี หลี่มี่อ่านหนังสือมามากพร้อมกับดูซีรี่ส์ฉากนี้จึงเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับนาง ทั้งเทียนหลันเซ่อกับหลี่มี่ได้ยกน้ำชาให้ฟางเหนียงแม้เขาจะไม่ชอบเยิ่นเม่ยเม่ยแต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าบุตรชายของตัวเองต้องเสแสร้งแกล้งทำดี เพราะไม่อยากให้บุตรชายต้องคิดมาก
ไม่นานก็ยกน้ำชาเสร็จ หลี่มี่รู้สึกได้ว่าถูกสายตาของหลิวอี้เฟ่ยจ้องมองอยู่ตลอด เมื่อนางยกน้ำชาเสร็จฟางเหนียงให้ทั้งสองมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“เจ้าทั้งสองมานั่งร่วมโต๊ะดื่มน้ำชาแล้วค่อยไป ข้าจะให้สาวใช้ไปนำของมามอบให้เยิ่นเม่ยเม่ยเพื่อเป็นการต้อนรับนาง” ฟางเหนียงผายมือให้ทั้งสองมานั่งที่เก้าอี้ก่อนจะหันไปมองหน้าสาวใช้ให้ไปนำกล่องสมบัติของนางมาให้
“ขอรับท่านแม่ รีบลุกมานั่งนี่สิ” เทียนหลันเซ่อประคองตัวหลี่มี่ให้ลุกขึ้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตามที่ท่านแม่บอก
“เจ้าค่ะ” หลี่มี่ลุกขึ้นจะมานั่งเก้าอี้ตัวข้าง ๆ หันไปมองหลิวอี้เฟ่ยที่ยืนอยู่จึงเอ่ยชวนให้นางมานั่งด้วยกัน
“เอ่อ…เชิญมานั่งด้วยกันสิเจ้าคะ”
“จริงสิหลิวอี้เฟ่ยเจ้านั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ท่านแม่ทัพสิ ส่วนเจ้ามานั่งใกล้ ๆ ข้า ข้าจะมอบของให้” ฟางเหนียงเอ่ยพลางชี้นิ้วให้หลี่มี่มานั่งใกล้ ๆ ตน นางจึงทำตาม สักพักสาวใช้ได้ยกกล่องไม้สี่เหลี่ยมแกะสลักอย่างสวยงามแค่มองดูผ่านสายตาครั้งเดียวก็รู้ว่ากล่องนั้นน่าจะเป็นกล่องเก็บของมีค่าของฟางเหนียง นางเปิดกล่องออกมาล้วงเอากำไลสีเขียวมรกตมอบให้แก่หลี่มี่ เพื่อเป็นของจวัญตอนรับลูกสะใภ้
“นี่ข้าให้เจ้า”
“ขอบน้ำใจท่านแม่มากเจ้าค่ะ” หลี่มี่รับกำไลจากมือของฟางเหนียงมาถือไว้ แม่ทัพมองดูอย่างมีความสุขที่ท่านแม่ของเขาเอ็นดูนางส่วนหลิวอี้เฟ่ยที่มองอยู่ก็ต้องรู้สึกอิจฉาหากรองแม่ทัพมิได้รับดาบแทนท่านแม่ทัพปานนี้คนที่จะได้รับของนั้นต้องเป็นนนาง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮูหยินหรือทุกอย่างที่เกี่ยวกับท่านแม่ทัพล้วนต้องเป็นของนางทุกอย่าง หัวใจของหลิวอี้เฟ่ยร้อนรุ่มด้วยไฟริษยา
“จริงสิว่าแต่แม่นางหลิวอี้เฟ่ยมาหาท่านแม่แต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องด่วนอันใดหรือไม่? ” เทียนหลันเซ่อหันไปถามสตรีที่นั่งอย่ข้าง ๆ
“ไม่ได้มีเรื่องด่วนอันใดเจ้าคะ ท่านแม่ทัพก็รู้ว่าข้ามาหาท่านป้าอยู่บ่อย ๆ ”
“นั่นสิ เพราะมีหลิวอี้เฟ่ยมาคอยดูแลข้ากับอ้ายเยว่ทำให้เราทั้งสองไม่เหงาเวลาที่เจ้าไม่อยู่ นับว่าหลิวอี้เฟ่ยมีบุญคุณกับแม่ยิ่งนัก” ฟางเหนียงรีบเยินเยอความดีความชอบให้นางอย่างออกหน้าออกตา
“โธ่ ท่านป้าเรื่องแค่นี้หาใช่บุญคุณไม่ข้าล้วนทำด้วยใจนะเจ้าคะ” หลี่มี่ที่นั่งฟังอยู่ก็ต้องแสยะยิ้มมุมปาก
‘ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขรุ่ย เสนอตัวให้ท่านแม่ทัพอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉันจะไม่ยอมหรอกนะเพราะในนิยายเยิ่นเม่ยเม่ยคิดว่าหลิวอี้เฟ่ยดีกับตนแต่ที่ไหนได้ นางแค่แสร้งทำเป็นดีด้วยแต่โยนความผิดทุกอย่างให้ เฮอะ! คอยดูเถอะฉันจะไม่ยอมให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนในเนื้อเรื่องหรอก’ หลี่มี่คิดในใจก่อนจะฉีกยิ้มคว้ามือไปจับมือของหลิวอี้เฟ่ยจนนางสะดุ้งตกใจ
“ช่างมีบุญคุญยิ่งนัก ช่างเป็นสตรีที่งดงามทั้งใบหน้าและจิตใจต้องขอบคุณแม่นางหลิวอี้เฟ่ยที่ดูแลแม่สามีกับบุตรชายแสนน่ารัก แต่ต่อจากนี้แม่นางคงไม่ต้องลำบากแล้ว เพราะข้าเป็นฮูหยินเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพเป็นสะใภ้ เป็นท่านแม่ของคุณชายอ้ายเยว่ต่อจากนี้ทุกอย่างในจวนนี้ข้าจะดูเองมิให้คุณหนูหลิวอี้เฟ่ยต้องมาลำบากอีกแล้ว” ใบหน้าของฟางเหนียงกับหลิวอี้เฟ่ยพลันเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าเยิ่นเม่ยเม่ยจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่นางก็ยังคงยิ้มรับพร้อมลูบมือของหลี่มี่คืน
“ฮูหยินที่ข้าทำมิใช่ความลำบากอันใด ข้าล้วนเต็มใจข้าเห็นท่านป้าเป็นดั่งท่านแม่ของข้า เห็นคุณชายอ้ายเยว่เป็นดั่งบุตรชายหากท่านมิให้ข้ามาคงยากเพราะข้าต่างผูกพันธ์”
‘อะไรกัน! นี่ฉันพูดไปขนาดนี้แล้วยังดึงดัน เหอะสมกับเป็นนางร้ายจริง '
“นั่นสิ แม้ว่าแม่นางหลิวอี้เฟ่ยจะเป็นผู้อื่นแต่ข้าเองก็มองนางเป็นบุตรสาวของข้า เจ้าไม่ต้องกังวลเทียนหลันเซ่อหากเจ้าหมดธุระก็จงพาฮูหยินเจ้ากลับไปเถอะ ข้ามีเรื่องจะต้องพูดคุยกับหลิวอี้เฟ่ยต่อ” เทียนหลันเซ่อที่นั่งมองเหตุการณ์เขากอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองการแสดงของหลี่มี่อย่างขบขัน
“ขอรับท่านแม่ ข้าว่าจะขอกลับหลังจากที่ยกน้ำชาเสร็จแต่เห็นว่าฮูหยินพูดคุยเข้ากันได้ดีกับหลิวอี้เฟ่ยข้าจึงยังไม่เอ่ยขอออกไป เช่นนั้นข้าขอตัวฮูหยินกลับห้องพักก่อนนะขอรับ” ฟางเหนียงโบกมือไล่บุตรชายออกไปอย่างเหนื่อยหัวใจ
“รีบ ๆ ไปเถิด”
“ท่านแม่ข้าขอตัวไปพักก่อนนะเจ้าคะ เพราะเมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าพักเลย ร่างกายกำยำเรี่ยวแรงก็มากมายสมกับเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ ต่อจากนี้ท่านแม่จะไม่ต้องเหงาอีกเป็นแน่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าไม่นานท่านแม่อาจจะได้อุ้มหลานคนที่สองแน่ ๆ ข้าขอลานะเจ้าคะท่านแม่ คุณหนูหลิวอี้เฟ่ย” ก่อนลาหลี่มี่ก็มิลืมที่จะเอ่ยคำพูดที่ทำให้หลิวอี้เฟ่ยดวงตาร้อนพราว ส่วนเทียนหลันเซ่อกลับถูกใจยิ่งนัก