บทย่อ
อะไรกัน!! ฉันทะลุมิติมาอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่งเหรอเนี้ยะ แล้วฉันจะรับมือกับท่านแม่ทัพพร้อมลูกชายแสนซนของเขาอย่างไรช่างน่าปวดหัวเสียจริง เฮ้อ !! บทนำ หลี่มี่สาวน้อยนักแต่งนิยายที่ไม่ได้โด่งดัง เธอหลับระหว่างกำลังแต่งนิยายแต่ทว่าชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปเมื่อเธอลืมตาขึ้นมากลับพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่ง แถมยังมาอยู่ในร่างของนางเอกที่ต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม ไม่ได้การหากเธอจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้เธอจะไม่ยอมตายง่าย ๆ และจะเปลี่ยนแปลงตอนจบของนิยายเรื่องนี้เอง แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือท่านแม่ทัพพร้อมลูกชายของเขา เธอจะทำอย่างไรต่อไปติดตามต่อได้นะคะ นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์หากขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ หรือนิยายเรื่องนี้อ่านแล้วเกิดติดขัดสามารถแนะนำได้นะคะ แต่ขอเป็นคำแนะนำอย่างสุภาพเพราะนักเขียนใจบางมาก ไม่อาจรับคำติชมที่แรงเกินไปได้ ขอบคุณค่ะ
บทที่ 1 ลืมตามาแต่งงาน
บทที่ 1 ลืมตามาแต่งงาน
แคว้นเฉียนเหลียง
ในฤดูใบไม้ผลิท้องถนนเต็มไปด้วยโคมไฟประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ขบวนรถม้าเจ้าสาวที่กำลังเคลื่อนขบวนไปที่เรือนของบุรุษอันเป็นที่รักเพื่อทำพิธีมงคล ผู้คนมากมายต่างพากันออกมายืนดูขบวนรถม้าอย่างตื่นตา ต่างพากันอยากยลโฉมสตรีที่อยู่ในรถม้านั้นจะงดงามเพียงใดถึงได้ครองใจท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่หารู้ไม่ว่าการแต่งงานในครั้งนี้มิเกิดจากความรักแต่เป็นคำขอร้องคำสุดท้ายของคนสนิทผู้มีพระคุณของท่านแม่ทัพฝากฝังบุตรสาวให้ท่านแม่ทัพช่วยดูแลก่อนที่เขาจะตายต่อหน้าต่อตาท่านแม่ทัพเนื่องจากรับดาบแทนท่านแม่ทัพ ก่อนจะชนะการต่อสู้เขาจึงจำใจรับคำขอครั้งสุดท้ายและจะดูแลบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพเป็นอย่างดี จึงเกิดงานมงคลครั้งนี้ขึ้นหลังจากที่ชนะการต่อสู้และพิธีฝังศพเสร็จสิ้น
เจี้ยวจ้าว เจี้ยวจ้าว.. เสียงผู้คนมากมายวุ่นวายเสียงดัง ให้ความรู้สึกรำคาญเสียงที่รบกวนการนอนของนักเขียนไร้ชื่อเสียงที่เอาแต่ทำงานจนเผลอหลับไป
“ทำไมต้องเสียงดังแต่เช้าแบบนี้ด้วยนะ ไม่รู้หรือไงว่ามันรบกวนคนอื่นนะ” แม้ว่าตายังหลับอยู่แต่ปากของเธอก็ยังต่อว่าคนอื่น แต่แล้วเธอก็นึกอะไรบ้างอย่างได้
“เอ๊ะ! เดี๋ยวสิฉันนอนอยู่ในห้องคนเดียวนี่น่าแล้วเสียงคนมากมายมาจากไหนกันนะ” หลี่มี่ลืมตาตื่นขึ้นมาดูก็พบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนอีกต่อไป
“ที่นี่ที่ไหนทำไมฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เอ๊ะ! ทำไมถึงดูคุ้น ๆ เหมือนเกี้ยวในซีรีส์โบราณอย่างนี้นะ” หลี่มี่มองดูรอบ ๆ ก่อนจะสำรวจมองดูเสื้อผ้าของตัวเองก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เพราะชุดที่นางสวมใส่คล้ายชุดงานมงคลนี่น่า แถมใบหน้ายังถูกปกปิดด้วยผ้าคุมสีแดงกำมะหยี่อีกด้วย
“ไม่นะ! คงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดแน่ ๆ ฉันฝันอยู่ ฮ่าฮ่า แต่งนิยายมากจนเก็บมาฝันสินะ เอาล่ะฉันจะหลับตาพยายามตื่นจากฝันนี่ซะ” หลี่มี่คิดว่าตัวเองฝันรีบหลับตาลงเพื่อให้ตัวเองตื่นจากฝันแต่เมื่อนางลืมตามาอีกครั้งนางก็ยังอยู่ที่เดิม เกี้ยวไม่นิ่งคลื้นเคลงไปมาทำให้นางรู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้ฝันอย่างที่คิด
“ทำไม ฉันยังอยู่ที่เดิมกันนะ ฉันไม่ได้ฝันนี่มันไม่ใช่ความฝันแล้วฉันอยู่ที่ไหน หยุดเกี้ยวเดี๋ยวนี้” หลี่มี่ตะโกนออกไปด้านนอกและแล้วเกี้ยวได้หยุดอย่างที่เธอต้องการแต่ทว่าผ้าม่านของเกี้ยวถูกเปิดเข้ามา หลี่มี่ตกใจขยับกายเข้ามาก่อนจะถามว่าเขาเป็นผู้ใด
“อย่าเข้ามานะ ที่นี่ที่ไหนแล้วเอ่อ..คุณเป็นใคร” บุรุษตรงหน้าเริ่มมีสีหน้าแววตาฉงนก่อนจะตอบนางอย่างอ่อนโยน
“ข้าคือสามีของเจ้าอย่างไรล่ะ รีบลงมาเถิดเดี๋ยวเวลามงคลจะเคลื่อน”
“เดี๋ยวสิ! ฉันยังไม่มีแฟนเลยจะแต่งงานได้อย่างไรนี่มันรายการอะไรกันหรือว่าแอบซ่อนกล้องไว้ตรงไหน ไม่เอานะฉันไม่อยากเล่นอะไรแบบนี้” หลี่มี่มองซ้ายมองขวาหากล้องที่ซ่อนไว้ในเกี้ยวแต่หาอย่างไรก็ไม่พบ ในที่สุดบุรุษตรงหน้าไม่รอช้ารีบดึงมือของนางให้เดินลงมาจากเกี้ยวก่อนจะบอกว่าเขาเป็นใคร
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอ่ยอันใด และไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือเข้าพิธีมงคลกับข้าเสียก่อน"หลี่มี่ถูกปิดด้วยผ้าคุมผ้ามิอาจมองเห็นใบหน้าของชายที่จับมือเธอเดินลงมา และไม่รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหน แต่จะให้เธอแต่งกับคนไม่รู้จักได้อย่างไรเธอยืนนิ่งดึงมือตนเองให้หลุดออกจากเขาพร้อมเอ่ยถาม
“จะให้ฉันแต่งกับคนไม่รู้จักได้อย่างไร บอกมาก่อนสิว่าคุณชื่ออะไรแล้วที่นี่ที่ไหน” ชายตรงหน้าคิ้วขมวดเข้าหากันพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ข้าคือแม่ทัพเทียนหลันเซ่อและที่นี่คือเรือนของข้า แคว้นเฉียนเหลียงในเมื่อเจ้ารู้แล้วจงเดินตามข้ามาและห้ามเอ่ยถามอันใดอีกข้าไม่อยากจะตอบให้ชักช้าเสียเวลาทำไมไม่ฉลาดเหมือนท่านพ่อของเจ้าสักนิด” เมื่อหลี่มี่ได้ยินในสิ่งที่เขาเอ่ยมาสติของเธอว่างเปล่าเดินตามเขาไปอย่างไร้วิญญาณ ครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อท่านแม่ทัพหรือว่าจะเป็นชื่อแคว้นคล้ายกับนิยายที่เธอยังแต่งไม่จบและเผลอหลับคาโต๊ะทำงานนี่น่า
‘อย่าบอกนะว่าฉันเข้ามาในนิยายตัวเอง คงไม่หรอกมันน่าเหลือเชื่อเกินไป ฉันต้องเล่นตามน้ำไปก่อนไม่แน่นี่อาจเป็นรายการทีวีอะไรสักอย่างก็ได้’ หลี่มี่คิดในใจเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองกำลังพบเจอแต่แล้วเรื่องที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อกลับกลายเป็นความจริงที่เธอเข้ามาในนิยายตนเองตอนที่มีคนเรียกชื่อให้หลี่มี่คำนับฟ้าดิน
“คุณหนูเยิ่นเม่ยเม่ยคำนับฟ้าดิน”
“คุณหนูเยิ่นเม่ยเม่ยคำนับฟ้าดิน” หลี่มี่ไม่เชื่อหูตัวเองนี่มันชื่อนางเอกนิยายของเธอนี่น่าหรือนี่จะเป็นฉากแต่งงานที่เธอเคยแต่งไว้ในนิยาย หลี่มี่รีบโค้งตัวลงนั่งกับพื้นคำนับฟ้าดินเมื่อกำลังถูกสายตาทุกคนจับจ้องมองเพราะเธอถูกเรียกเป็นครั้งที่สอง
สมองของหลี่มี่กำลังทบทวนไปตอนแรกของนิยาย นี่คือฉากการแต่งงานของเยิ่นเม่ยเม่ยบุตรสาวของรองแม่ทัพ แม้ว่าเรื่องนี้นางจะเป็นตัวเอกแต่นิยายเรื่องนี้หลี่มี่แต่งให้นางเอกถูกรังแกไม่ได้รับความยุติธรรมแถมยังต้องตายเพราะความเข้าใจผิด และยังแต่งเรื่องนี้ยังไม่จบด้วยซ้ำ! เมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดมาอยู่ในนิยายของตัวเองแถมยังเป็นตัวละครที่ถูกกระทำตลอดจนตาย ในเมื่อนางเข้ามาอยู่ในตัวละครนี้นางจะไม่ยอมให้ตัวเองตายเด็ดขาด
‘ฉันไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอก ฉันจะเปลี่ยนแปลงบทนิยายและชีวิตของเยิ่นเม่ยเม่ยเอง’