บทที่ 3 เกือบไม่รอด
บทที่ 3 เกือบไม่รอด
“คิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวท่านรองแม่ทัพจะดื่มสุราเก่งเพียงนี้ เอาสิหากเจ้าอยากดื่มจงดื่มให้เพียงพอจากนั้นเราจะได้ใช้ช่วงเวลาหอมหวานด้วยกัน” ดวงตาที่มองมายังนางช่างหวานเยิ้ม หลี่มี่คิดหนักทุกอย่างช่างแตกต่างในนิยายยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาตามใจนางจึงรีบรินสุรามอบให้แก่เขาอีกครั้ง
“เช่นนั้นท่านแม่ทัพมาดื่มด้วยกันนะเจ้าคะ จะให้ข้าดื่มผู้เดียวได้อย่างไร”
“ได้สิหากเจ้าป้อนข้า ข้าจะดื่มทุกจอกที่เจ้ารินให้” ความรู้สึกอึดอัดปะทะใบหน้าแต่ทำได้เพียงแสร้งยิ้มให้คนตรงหน้า
‘ตาแม่ทัพบ้าคนนี้ไม่เห็นเย็นชาแต่กลับเป็นท่านแม่ทัพจอมหื่นสินะ เฮ้อ! จะเป็นอะไรก็ช่างขอแค่คืนนี้ฉันต้องผ่านมันไปให้ได้’ หลี่มี่จำยอมยกจอกสุราป้อนไปที่ปากของเขาอย่างจำใจ เขายิ้มกริ่มออกมาอย่างพอใจดื่มสุราที่นางมอบให้จอกแล้วจอกเล่า เมื่อใกล้หมดหลี่มี่จึงตะโกนบอกทหารที่อยู่ด้านนอกไปนำสุรามาอีก ไหแล้วไหเล่าในที่สุดใบหน้าของท่านแม่ทัพเริ่มแดงระเรื่อ ดวงตาหวานเยิ้มเอ่ยวาจาเริ่มติด ๆ ขัด ๆ
“อะไรกันสุราหมดไปขนาดนี้แล้วแต่ท่านแม่ทัพยังนั่งได้อยู่ โชคดีที่เราเองคอแข็งมากพอไม่เช่นนั้นจะเป็นฉันเองที่มอมเหล้าตัวเอง "หลี่มี่คิดในใจมองไปยังท่านแม่ทัพอย่างเหนื่อยใจจู่ ๆ ท่านแม่ทัพได้ลุกขึ้นยืนดึงแขนของหลี่มี่ให้เดินตามเขาไปยังเดินเตียงนอน
“ตอนนี้ควรแก่เวลาแล้ว เรามาร่วมหอกันเถอะฮูหยินน” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาก่อนจะจับหลี่มี่นั่งที่เตียงนอนค่อย ๆ ใช้มืออีกข้างดึงผ้าคุมเตียงลง หลี่มี่ใจสั่นระรัวไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรที่ไม่ต้องเข้าร่วมหอกับเขา
“ท่านทัพข้าว่าวันนี้ท่านเมาแล้วนอนพักดีมั้ยเจ้าคะ ท่านเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว “หลี่มี่รีบคิดหาทางรอดเอ่ยออกมาอย่างกระตุกกระตัก
“เจ้าลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร ข้าคือท่านแม่ทัพใหญ่เพียงเท่านี้มิอาจทำให้ข้าเหน็ดเหนื่อยได้หรอก” เขานั่งก้มตัวมาหานางจับปลายคางเรียวเล็กให้เงยขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเขาก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวมาเพื่อจุมพิต หัวใจของหลี่มี่เต้นแรงหรือนี่นางจะเสียความบริสุทธิ์ให้แก่ท่านแม่ทัพ แต่แล้วทุกอย่างก็นิ่งไปเพราะจู่ ๆ ท่านแม่ทัพกลับทิ้งตัวลงนอนทับหลี่มี่แน่นิ่งไปเพราะฤทธิ์สุรา
“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ” หลี่มี่ที่ถูกทับใช้มือแตะที่แขนของเขาเพื่อดูว่าเขาหลับไปแล้วจริงหรือไม่? แต่เมื่อนางเรียกหลายต่อหลายครั้งไม่มีท่าทีว่าเขาจะตื่น หลี่มี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกก่อนจะดันตัวของเทียนหลันเซ่อให้ออกจากตัวของนาง
“เฮ้อ! คิดว่าจะเสียตัวซะแล้ว ทำไมถึงได้คอแข็งขนาดนี้นะ เล่นเอาฉันเหนื่อยเลย” หลี่มี่ลุกขึ้นจัดแจงให้ท่านแม่ทัพได้นอนอย่างสบายพลางบ่นพึมพำ นางยืนมองดูท่านแม่ทัพที่เมาหลับอยู่บนเตียงกอดอกครุ่นคิด
‘หากจะให้นอนเช่นนี้ เขาจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าฉันมอมเหล้า เอาอย่างนี้ล่ะกัน’ หลี่มี่คิดในใจก่อนจะจัดแจงถอดเสื้อด้านนอกของเขาออก คล้ายเชือกผูกกางเกงเล็กน้อยส่วนนางเองก็ได้ไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนแสร้งว่านางกับท่านแม่ทัพได้ผ่านคืนแรกไปด้วยกันอย่างดุเดือด ที่นอนยับข้าวของกระจัดกระจาย นางไม่ลืมที่จะทำสัญลักษณ์ว่าตนเองเสียความบริสุทธิ์ให้เขาแล้ว นางกัดปลายนิ้วของตัวเองแต้มลงบนผ้าปูที่นอนสีขาว ก่อนจะทิ้งตัวนอนอย่างสบายใจ แค่นี้เขาต้องคิดว่าได้รวมหอกับนางแล้ว
จิ๊บ จิ๊บ ๆ ..
เสียงนกน้อยพรรณนาร้องขานรับกันไปมา หลี่มี่รีบตื่นก่อนที่ท่านแม่ทัพจะรู้สึกตัวนางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ถอดชุดที่สวมใส่ทิ้งลงตะกร้าเพื่อให้สาวใช้นำไปซัก ก่อนจะเดินออกมารับลมมองแสงตะวันที่กำลังโผล่ขึ้นบนฟากฟ้าอย่างงดงาม
“แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าช่างอบอุ่นจริง ๆ เลย เรื่องที่เกิดขึ้นราวกับความฝันแต่มันกลับเป็นความจริงซ่ะงั้น” หลี่มี่มองถอดสายตาเฝ้าทบทวนคิดเรื่องราวของนิยายเรื่องนี้ว่านางจะต้องพบเจออะไรอีก
ฝั่งด้านเทียนหลันเซ่อ เขาลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือปวดหัวราวกับถูกหินทับหนักอึ้ง ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงเตียงนอนมองดูสภาพห้องอย่างสงสัยว่าเมื่อคืนเกิดอันใดขึ้นในห้องเสมือนเกิดสงครามอย่างไรอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน! แล้วเยิ่นเม่ยเม่ยนางไปที่ใด ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ข้าดื่มสุรากับนางเสร็จมาที่เตียงกำลังร่วมหอกับนางแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดดับไป อย่าบอกนะว่าที่ห้องเละเทะขนาดนี้เกิดจากที่ข้าร่วมหอกับนาง ฮ่า ฮ่า เป็นไปไม่ได้หรอก” เทียนหลันเซ่อเอ่ยออกมาอย่างขบขันแต่พอลุกขึ้นจากเตียงนอนผ้าห่มถูกเขาดึงมาเผยให้เห็นผ้าปูเตียงเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ทำเอาเขาขบขันไม่ออกมองสำรวจเสื้อผ้าตนเองก่อนจะเปิดดูน้องชายของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทำไมกัน! ทำไมข้าไม่เห็นรู้สึกว่าข้าได้ใช้เวลาร่วมกับนางเลยล่ะ” เขานั่งลงที่เตียงเพื่อครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะดมกลิ่มเลือดที่อยู่บนผ้าพร้อมแสยะยิ้ม เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านสนามรบมาย่อมรู้ดีว่ากลิ่นเลือดเช่นนี้เกิดจากสาเหตุอันใด หากเขาได้ร่วมรักกับนางจริง ๆ เขาเองก็มีความทรงจำคลับคลายคลับคลาบ้างแต่เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที เมื่อจมูกดมกลิ่นที่อยู่บนเตียงนอน เขาเบิกตาโพลงโตนั่งตัวตรงแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกมา
“เฮอะ! ท่านแม่ทัพใหญ่อย่างข้าเสียรู้ให้สตรีบอบบางอย่างนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าต้องการทำเช่นนี้กับข้าใช่หรือไม่? ได้ข้าเองก็จะแสดงอย่างที่เจ้าต้องการเอง” เพราะเขารู้ว่าเลือดที่อยู่บนที่นอนมิใช่เลือดที่ออกมาตัวของนางแต่เป็นเลือดที่นางจงใจแต่งแต้มขึ้นมา เรื่องเท่านี้มีหรือที่คนอย่างเขาจะไม่รู้ เขาสวมเสื้อผ้าเดินออกจากห้องเพื่อตามหาฮูหยินจอมเจ้าเล่ห์