บทที่ 5 สิ้นสุดการเป็นสามีภรรยา
สามวันต่อมา โหวหงชางส่งแม่สื่อไปสู่ขอเจียวจื่ออิงตามธรรมเนียม รอเพียงไม่กี่วันก็ได้รับคำตอบกลับจากซูฮูหยินมารดาของนาง ชายหนุ่มตั้งใจว่าหลังจากสำนักทะเบียนอนุมัติการหย่า เขาจะแต่งเจียวจื่ออิงเป็นชายาเอกทันที
แต่หวังเชายื่นหนังสือหย่าให้สำนักทะเบียนไปหลายวันแล้ว ทว่ายังไม่มีการตอบกลับ ล่าช้าผิดปกติยิ่งนัก
พรุ่งนี้เจียวเจียงเจียงจะย้ายออกจากจวนอ๋อง ข้าวของมากมายถูกยกใส่หีบจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไกล วันนี้เจียวเจียงเจียงจึงเข้านอนแต่หัวค่ำ ตะเกียงน้ำมันถูกดับลงห้องทั้งห้องมืดสนิท
ท่ามกลางความเงียบสงบในยามราตรีกาล เจียวเจียงเจียงได้ยินเสียงดังกุกกักอยู่บริเวณหน้าต่าง เพราะติดนิสัยการเป็นนักฆ่าที่ต้องระวังตัวทุกฝีก้าว ก่อนนอนนางจึงสั่งให้ปิดหน้าต่างทุกบานจนสนิท
กึก!
เสียงดาลหน้าต่างถูกปลดสลัก ก่อนที่หน้าต่างไม้จะถูกเปิดอ้าออก แม้มันจะแผ่วเบาแต่เจียวเจียงเจียงกลับได้ยินอย่างชัดเจน
เงาร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ก่อนที่มือหนาของจะยื่นเข้ามาใกล้หน้าอกซ้ายของนาง
เจียวเจียงเจียงคาดว่าคนผู้นี้คงมาร้าย ในมือของเขาอาจมีอาวุธบางอย่างที่สามารถปักทิ่มแทงหัวใจของนางได้เป็นแน่!
แต่มีหรือคนที่ระวังตัวอยู่แล้วอย่างเจียวเจียงเจียงจะยอมถูกทำร้ายโดยง่าย นางหวงแหนชีวิตนี้ยิ่งนัก เพราะหากตายอีกครั้งไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตเป็นหนที่สามหรือไม่
ผลั่ก!
มือบางผลักมือหนาของเขาออก ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนบนเตียง กระโดดถีบยอดอกของชายผู้นั้นจนเขาล้มลง สายตากวางตวัดไปมองบนโต๊ะที่มีมีดปลอกผลไม้วางอยู่ ก่อนจะพุ่งตัวไปยังเป้าหมาย แต่ชายผู้นั้นไม่ยอมเช่นกัน เขาดีดตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว คว้าเอวบางของนางเอาไว้
เจียวเจียงเจียงเห็นมือหนากอดเอวบางของตนไว้แน่น นางจึงใช้เท้ากระทืบลงบนส้นเท้าของชายปริศนาอย่างแรง ก่อนที่จะกระทุ้งศอกแข็งใส่หน้าท้องของเขา ชายผู้นั้นผงะถอยหลังไปเล็กน้อย เจียวเจียงเจียงได้โอกาสจึงรัวหมัดใส่เขาไม่ยั้ง ทว่าชายปริศนาฝีมือดีไม่เบา เขาสามารถรับหมัดของนางได้ทุกดอก
และในตอนนั้นเอง เขาก็สามารถรั้งร่างบางลงบนเตียง และใช้ร่างอันหนักอึ้งของตนคร่อมทับนางเอาไว้
ปากหนาขยับอ้าออกเตรียมเปิดปากพูด แต่แล้วเขาก็ต้องรีบพลิกกายหลบ เมื่อมือบางตวัดมีดปลอกผลไม้ใส่เขาซึ่งนางหยิบมันได้ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
ทันทีที่เป็นอิสระ เจียวเจียงเจียงจึงลุกขึ้นนั่ง กระชากเศษม่านอย่างแรงจนมันขาดออกจากกันและนำไปรัดคอของเขาเอาไว้
"เจ้าเป็นใคร! บุกเข้ามาในห้องของข้าเพราะเหตุใด"
ชายปริศนาไม่ตอบคำถาม แต่กลับส่งเสียงหัวเราะออกมาแทน
"ฝีมือเก่งกาจไม่เบา ไปร่ำเรียนมาจากที่ใดบอกข้าได้หรือไม่"
เจียวเจียงเจียงชะงักมือ น้ำเสียงแหบห้าวนุ่มลึกเช่นนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
"จวิ้นอ๋อง"
หมั่บ!
โหวหงชางอาศัยจังหวะที่นางเผลอตลบร่างบางลงบนเตียง ก่อนจะลุกขึ้นคร่อมเอาไว้ กักขังนางไว้ใต้ร่าง
"เกิดอะไรขึ้นเพคะพระชายา!" ชิงชิงกับชิวชิวได้ยินเสียงผิดปกติที่เกิดขึ้นในห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาดูด้วยความรวดเร็ว
พรึ่บ!
ตะเกียงในห้องถูกจุดให้สว่าง สองนางกำนัลน้อยมองรอบห้องอย่างตกตะลึง
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะพี่ชิวชิว" ชิงชิงมองบรรยากาศรอบห้องที่เหมือนเพิ่งผ่านสงครามมาอย่างฉงน ข้าวของถูกพังกระจัดกระจาย ม่านบางถูกฉีกจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" ชิวชิวตอบ แต่เมื่อหันไปมองบนเตียงเห็นสองร่างชายหญิงกำลังทาบทับกันอยู่ ดวงหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้น ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ไม่เหลือชิ้นดี ผมเผ้าของพระชายากระจัดกระจายไม่เป็นทรงดูก็รู้ว่ากำลังทำสิ่งใดกันอยู่
เจียวเจียงเจียงเห็นสีหน้าตื่นตกใจของคนทั้งสองจึงพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ ทว่าโหวหงชางกลับจับแขนของนางแน่นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายจึงเลือกที่จะผงกศีรษะขึ้นไปกัดลงบนไหล่หนาจนจมเขี้ยวแทน
อ๋องหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ปล่อยมือออกจากนางทันที
"ชิงชิง ชิวชิว ช่วยข้าด้วย จวิ้นอ๋องจะขืนใจข้า" เจียวเจียงเจียงรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังคนสนิท กล่าวด้วยน้ำเสียงน่าสงสารเป็นอย่างมาก
โหวหงชางอึ้งไปเล็กน้อย วันนี้เขานอนไม่หลับ พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา นึกไปถึงยามที่ได้ร่วมรักกับเจียวเจียงเจียงเมื่อคราก่อน เขาคิดถึงริมฝีปากกุหลาบกับก้อนเต้าหู้นุ่มนิ่มอวบอิ่มของนางเหลือเกิน ครั้นพอนึกได้ว่าพรุ่งนี้เจียวเจียงเจียงจะจากไปแล้วก็รู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์ซาบซ่านรัญจวนจิตวิญญาณยามที่นางส่งเขาไปสู่ความสุขสุดยอดนั้นอีก
จึงตั้งใจจะมาบอกลาร่างกายเย้ายวนนั้น แต่ถ้าหากจะให้มาขอนางดีๆ ก็กลัวเสียหน้าจึงแอบปีนหน้าต่างเข้ามา อาศัยช่วงเวลาที่นางหลับจัดการบอกลาเจ้าสองสิ่งให้เต็มที่
"ไม่จริง เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน จะใช้คำว่าขืนใจได้อย่างไร"
"ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเราหย่ากันแล้ว ตอนนี้ท่านกับข้าเปรียบเหมือนคนอื่นต่อกัน ไม่มีพันธะใดเกี่ยวข้องกันอีก"
"นั่นมันก็จริงอยู่ แต่ว่า..." สำนักทะเบียนยังไม่อนุมัติการหย่าเสียหน่อย ประโยคหลังเขากำลังจะเอ่ยแต่นางขัดขึ้นมาเสียก่อน
"จวิ้นอ๋องออกไปจากห้องของข้าเถอะเพคะ อย่าทำให้ข้ารู้สึกไร้ค่ามากไปกว่านี้เลย"
ชิวชิวสงสารคุณหนูของตนเป็นอย่างมาก นางคว้าร่างบางที่กำลังส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้ามากอดแนบอก ในขณะที่ชิงชิงส่งสายตามองอ๋องสูงศักดิ์ด้วยความผิดหวัง
โหวหงชางถอนหายใจออกมาเสียงดัง บ่งบอกถึงความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะกระแทกเท้าเดินจากไป หากเขาหันมองกลับมาจะเห็นว่าตอนนี้เจียวเจียงเจียงกำลังแสยะยิ้มร้ายกาจมองตามเขาอยู่
'สมน้ำหน้า' นางเอ่ยขึ้นในใจ
รุ่งเช้า หีบใส่ของใช้ส่วนตัวของเจียวเจียงเจียงถูกยกขึ้นใส่รถม้าขนของ โหวหงชางมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือมันไม่ได้มีความรู้สึกดีใจเหมือนอย่างที่คิด
ข้าควรจะต้องรู้สึกมีความสุขไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดถึงได้รู้สึกหน่วงๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก
เสี้ยววินาทีหนึ่งในหัวใจเกิดความเศร้าขึ้นมา
'ไม่! ข้าเพียงแค่ติดใจให้รสรักอันซาบซ่านของนางเพียงเท่านั้น หาได้มีความรู้สึกอื่นใดต่อนางไม่ อิงอิงต่างหากคือคนที่ข้ารัก'
โหวหงชางหลับตาคิดถึงดวงหน้างามดุจหยกของเจียวจื่ออิง เมื่อนึกไปถึงตอนที่เขากับนางจูงมือกันไปกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันจึงยิ้มเริงร่า
"สามี ไม่สิ อดีตสามีจวิ้นอ๋องเพคะ"
เสียงหวานดังขึ้นข้างกาย ทำให้คนตัวโตลืมตาขึ้น แลเห็นใครบางคนอยู่ในชุดคลุมสีฟ้าสดใส รอยยิ้มของนางสว่างสดใสดั่งดวงตะวัน แม้จะไม่ได้แต่งองค์เต็มยศเหมือนอย่างเคย เพราะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งพระชายาแล้ว แต่ก็ทำให้เห็นถึงใบหน้าอ่อนเยาว์น่ารักน่าทะนุถนอมไปอีกแบบ
"ข้างดงามจนทำให้จวิ้นอ๋องถึงกับตะลึงไปเลยหรือเพคะ"
"เปล่า" ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี กล่าวปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อเห็นใบหน้าทะเล้นและได้ยินน้ำเสียงล้อเลียนจากนาง
"แหม ข้าก็นึกดีใจว่าจวิ้นอ๋องคงจะอาลัยอาวรณ์ข้า"
"ฝันไปเถอะ ข้าออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องทนเห็นหน้าเจ้าอีกต่อไป"
"จริงหรือเพคะ แต่ข้าไม่เชื่อหรอก หากจวิ้นอ๋องไม่คิดถึงข้า เมื่อคืนคงไม่แอบปีนหน้าต่างเข้าไปหาข้าจริงหรือไม่เพคะ" เจียวเจียงเจียงแกล้งเอ่ยขึ้นเสียงดัง ดวงตาดุจเหยี่ยวเบิกกว้าง ก้าวเท้าโผเข้าไปยกมือทำท่าจะปิดปากนาง แต่แล้วก็ชะงักไป
"อย่าแตะต้องตัวข้านะเพคะ จวิ้นอ๋องไม่มีสิทธิ์ในตัวข้าอีกต่อไปแล้ว" เจียวเจียงเจียงผงะก้าวถอยหลัง ยกนิ้วขึ้นชี้เขาอย่างไม่เกรงกลัว
วาจาของนางดั่งหนามทิ่มแทงในใจ โหวหงชางทั้งโกรธระคนอับอาย อีกทั้งยังมีความเสียดายปะปนกันไป
"ลาก่อนนะเพคะ หวังว่าชาตินี้เราคงไม่มีวาสนาได้เจอกันอีก" เจียวเจียงเจียงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เขาพลางกระซิบข้างหู
"แต่ถ้าหากจวิ้นอ๋องคิดถึงข้ามาก ข้าก็อนุญาตให้หลับตานึกถึงหน้าเจียงเจียงคนนี้ได้นะเพคะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยวน โหวหงชางถึงกับขนเกรียวลุกชัน มองมือบางที่ลูบไล้หน้าอกหนั่นแน่นของตน
เจียวเจียงเจียงแสยะยิ้มเบาๆ ก่อนจะบีบหน้าอกของเขาแรงๆ หนึ่งครั้ง จนอ๋องหนุ่มสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะก้าวเดินไปขึ้นรถม้า
"คุณหนู... " อาฟงยื่นมือให้หญิงสาวจับ ขณะที่กำลังย่างก้าวขึ้นบันได เขาติดตามดูแลเจียวเจียงเจียงตั้งแต่ตอนอยู่ที่สกุลเจียว เมื่อรู้ว่านางหย่าขาดจากจวิ้นอ๋องจึงขอตามไปรับใช้ไม่ห่างกาย
"ไปกันเถอะอาฟง ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน" นางขยิบตาให้เขาหนึ่งหน วาจาของนางทำให้คนฟังหัวใจพองโต
แตกต่างจากอีกคนที่มองตามตาปรอย ขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนขบวนออกจากจวนอ๋อง