บทที่ 6 ฮองไทเฮาเสด็จ
เจียวเจียงเจียงเปิดม่านหันไปโบกมือให้โหวหงชางที่ยืนมองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ยิ่งเห็นเขาโกรธเช่นนี้ นางยิ่งรู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน
ใบหน้างามหันไปมองเจ้าม้าตัวใหญ่ที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เหลือเพียงแค่สองเท้าหลังของมันที่ต้องก้าวผ่านเขตประตูของจวนอ๋อง นางก็จะเป็นอิสระสมใจอยากแล้ว
ทว่า...
กึก!
รถม้าหยุดวิ่งอย่างกะทันหัน ชิงชิงกับชิวชิวที่นั่งอยู่ด้านในต่างล้มลงตกจากที่นั่งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ในขณะที่เจียวเจียงเจียงใช้มือจับยึดบานหน้าต่างเอาไว้แน่น นางจึงไม่เซถลาล้มลงไปอีกคน
"ฮองไทเฮาเสด็จ!" เสียงขันทีที่เดินนำอยู่หน้าขบวนประกาศก้อง ทุกคนที่อยู่ในรถม้ารวมถึงจวนอ๋องต่างชะงักไป ไม่นึกว่าฮองไทเฮาจะเสด็จมาที่นี่อย่างกะทันหันเช่นนี้
สตรีตัวเล็กทว่าแต่งกายหรูหรา ประดับเครื่องประดับเต็มยศก้าวลงจากรถม้า แม้อายุจะปาไปหกสิบปี แต่ดวงหน้ายังอ่อนเยาว์ราวกับสตรีวัยสี่สิบ ท่าทางการเดินสง่างามมั่นคง ทว่ามีรัศมีบางอย่างที่ทำให้ผู้พบเห็นต่างรู้สึกกลัวเกรง
"เจียงเจียง เจ้ากำลังจะไปที่ใดกัน"
ดวงตาหงส์มองดรุณีน้อย บุตรสาวของอดีตบ่าวในโรงครัวที่นางบังเอิญเจอและถูกชะตา จากนั้นจึงรับนางมารับใช้ข้างกาย ฮองไทเฮารักใคร่เอ็นดูไม่ต่างจากบุตรสาวในไส้ เพราะอยากให้นางได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญจึงได้ยกนางให้กับเสนาบดีกรมขุนนางเจียวหวินฮ่าว หลี่ข่ายซินไม่ได้เกิดในชาติตระกูลขุนนาง ตามกฏของแคว้นโม่หยวนนางสามารถเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น ทว่าน่าเสียดายที่แต่งเข้าเป็นอนุที่จวนสกุลเจียวได้ไม่กี่ปีก็ด่วนจากไปเสียก่อน
หูฮุ่ยหลิงเอ็นดูและสงสารเด็กน้อยนามว่าเจียวเจียงเจียงผู้ที่มีชะตาอาภัพน่าสงสารมากขึ้นกว่าเดิม ในเมื่อนางรักมารดาของเด็กน้อยราวกับบุตรในครรภ์ ดังนั้นนางจึงรักใคร่เอ็นดูเจียวเจียงเจียงราวกับหลานสาวแท้ๆ ของตนเช่นกัน เมื่อรู้ว่าจากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก หลานชายของตนทำให้ดรุณีน้อยแปดเปื้อน จึงไม่ลังเลที่จะรับนางเป็นหลานสะใภ้ นับว่าเจียวเจียงเจียงยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง ถึงแม้จะเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุ แต่บิดาเป็นถึงเสนาบดี จึงสามารถแต่งเข้ามาอยู่ในตำแหน่งชายาได้ ฮองไทเฮาจึงกดดันให้โหวหงชางรับนางเป็นชายาเอก
"ว่าอย่างไรล่ะ ย่าถามไม่ได้ยินหรือ!"
เจียวเจียงเจียงที่ยืนอย่างสงบนิ่ง สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เกิดมาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดมาก่อน แต่เหมือนฮองไทเฮาจะเป็นข้อยกเว้น
"หม่อมฉันจะไป..."
"นางกำลังจะไปนอกเมืองพ่ะย่ะค่ะ" โหวหงชางเป็นผู้ชิงตอบแทน เขาจะให้ฮองไทเฮาทราบเรื่องที่เขากับเจียวเจียงเจียงหย่ากันไม่ได้เด็ดขาด
"เจ้าสองคนไม่ได้หย่ากันใช่หรือไม่"
"หย่าเพ... "
"ไม่พ่ะย่ะค่ะ" โหวหงชางรีบขัดขึ้น เจียวเจียงเจียงจึงตวัดสายตาลอบมองคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ เขาจะปิดบังฮองไทเฮาไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่ออีกไม่นานเขาก็ต้องรับเจียวจื่ออิงเข้าจวนอ๋องอยู่ดี
"ถ้าไม่อยากตายอย่าบอกความจริงกับฮองไทเฮา" ชายหนุ่มกระซิบขู่เสียงเครียด
"ตกลงว่าหย่าหรือไม่หย่า" ฮองไทเฮาตรัสถามสุรเสียงดุดัน
"หลานกับเจียงเจียงเราสองคนไม่ได้หย่ากันพ่ะย่ะค่ะ" โหวหงชางย้ำคำเดิม
"อ้อ เช่นนั้นหนังสือหย่าที่เจ้าให้หวังเชาส่งไปที่สำนักทะเบียนคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดสินะ"
สีหน้าของโหวหงชางพลันถอดสี แสดงว่าฮองไทเฮาทราบเรื่องที่เขากับเจียวเจียงเจียงหย่ากันแล้วสินะ
"ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าได้ทำหน้าตื่นตกใจไปเลย ย่าจัดการยกเลิกหนังสือหย่าเล่มนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าจงวางใจเถอะ หงเอ๋อร์ บุรุษที่ดีพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ เจ้าอย่าทำให้ย่าผิดหวังในตัวของเจ้าเลยนะ"
"พ่ะย่ะค่ะ" โหวหงชางรับคำเสียงแผ่วเบา เรียกรอยยิ้มอย่างพึงพอใจจากพักตร์ของฮองไทเฮาไม่น้อย
สุดท้าย เจียวเจียงเจียงก็ต้องพบเจอกับความผิดหวัง นางจำต้องกลับมาอยู่ที่จวนอ๋อง ในเมื่อหนังสือหย่าของเขากับนางถูกยกเลิก จึงต้องกลับมาทำหน้าที่ชายาเอกเช่นเดิม หนำซ้ำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองก็โดนโหวหงชางเก็บคืน
"นี่มันเรื่องอะไรกัน! เหตุใดจวิ้นอ๋องต้องปดฮองไทเฮาเช่นนั้นด้วย" เจียวเจียงเจียงโวยวายขึ้นอย่างหัวเสีย กำลังจะได้เป็นอิสระใช้ชีวิตสมใจอยากแล้วแท้ๆ
โหวหงชางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเล่าถึงสัญญาหกเดือนของเขากับฮองไทเฮาให้นางฟัง ก่อนแต่งงานกับเจียวเจียงเจียง เขาปฏิเสธอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับนาง
'ย่าขอเวลาถึงฤดูเหมันต์ที่กำลังจะมาถึงนี้เท่านั้น หากถึงยามนั้น เจ้าไม่มีใจปฏิพัทธ์รักใคร่เจียงเจียง ย่าจะยอมให้เจ้าหย่าขาดจากนาง'
'ถ้าหากหลานไม่ยอมล่ะพ่ะย่ะค่ะ'
มุมปากแต้มชาดสีแดงยกยิ้มเย็น ก่อนจะตรัสสุรเสียงราบเรียบ
'เช่นนั้น ย่าจะส่งเจ้าไปอยู่ชายแดน'
เพราะคำขู่นี้ เขาจึงต้องยอมทำตามประสงค์ของฮองไทเฮาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครจะอยากไปอยู่ชายแดนกัน ที่นั่นทั้งลำบากและอันตราย
"ในเมื่อท่านเคยรับปากกับฮองไทเฮาเช่นนั้นแล้ว แต่ท่านก็ยังกล้ายื่นหนังสือหย่าไปที่สำนักทะเบียนงั้นหรือ"
"..." โหวหงชางไม่ตอบ คิ้วกระบี่ขมวดมุ่นราวกับกำลังครุ่นคิด เรื่องนี้มันผิดพลาดที่ตรงไหนกัน ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่ากระทำการอย่างรอบคอบรัดกุมแล้วแท้ๆ แต่ฮองไทเฮาก็ยังจับได้จนได้
"ข้าขอเวลาถึงฤดูเหมันต์ที่กำลังจะมาถึงนี้เท่านั้น เจ้ายอมทนอยู่กับข้าไปอีกสักหน่อยเถิด"
"ไม่เอา! ข้าไม่ยอม" เจียวเจียงเจียงปฏิเสธเสียงแข็ง
"หากเจ้าไม่ยอม ข้าก็ต้องได้ไปอยู่ชายแดน"
"นั่นมันก็เรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับข้าเสียหน่อย"
"พันสอง" เมื่อเห็นนางตั้งท่าไม่ยอม เขาจึงเสนอขึ้น
"พันสองอะไรของท่าน"
"หนึ่งพันสองร้อยตำลึงทอง ถือเป็นค่าจ้างในการแต่งงานครั้งนี้"
ดวงตากวางเบิกกว้าง เงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงทองสามารถซื้ออาชาฝีเท้าดีได้เกือบยี่สิบตัว
"มันไม่น้อยเกินไปหรือ" เจียวเจียงเจียงเก็บอาการ พยายามต่อรองเพื่อให้เขาจ่ายนางให้หนักขึ้น
"เจ้าต้องการเท่าไหร่"
"อืม... " เจียวเจียงเจียงทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะแสยะยิ้มกว้าง
"สามพันตำลึงทอง หากท่านยินยอมจ่าย ข้าก็ตกลง"
อ๋องหนุ่มถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เมื่อก่อนนางบูชาถวายความรักให้เขาจนหมดใจ แต่ทว่าตอนนี้เจียวเจียงเจียงกลับเห็นเงินดีกว่าเขาไปเสียแล้ว
"ตกลง ข้ายอม" แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ เขาจึงต้องยอมตกปากรับคำนางแต่โดยดี
เจียวเจียงเจียงดีใจจนเนื้อเต้น ฤดูเหมันต์ที่กำลังจะมาถึงคือภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า แค่ยอมทนในช่วงนี้เท่านั้น จากนั้นนางก็จะกลายเป็นเศรษฐีนีหญิงแห่งแคว้นโม่หยวน ถึงตอนนั้นนางจะสร้างโรงเตี๊ยมสักสิบแห่ง ซื้อที่ดินปลูกเรือนให้คนเช่า จ้างคนทำงานแทน ในขณะที่ตนจะทำหน้าที่นั่งนับเงินอย่างสบายใจ
เพล้ง! โครม!
"กรี๊ดดดด! ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะท่านแม่ ข้าไม่ยอม"
"อิงอิงใจเย็นๆ ก่อนลูก" ซูซินจี๋รีบวิ่งเข้ามากอดบุตรสาวไว้แนบอก
"ท่านแม่ นังแก่นั่น มันขัดขวางข้า"
"ไม่เอาลูก ไม่กล่าวเช่นนั้น หากใครมาได้ยินเข้า เดี๋ยวก็โดนตัดหัวหรอก" ซูซินจี๋กระซิบบุตรสาวเสียงแผ่ว เมื่อได้ยินวาจาของเจียวจื่ออิงเรียกฮองไทเฮาเช่นนั้น
วาจาของมารดาทำให้เจียวจื่ออิงได้สติ แต่กระนั้นก็ยังปล่อยโฮร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่อายใคร หลายวันก่อน โหวหงชางส่งคนมาแจ้งแก่นางว่า เขากับเจียวเจียงเจียงลงชื่อหย่ากันเรียบร้อยแล้ว หลังจากได้ยินเช่นนั้น นางรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก สั่งบ่าวไพร่ในเรือนเก็บของใช้ของนางใส่หีบ เตรียมย้ายเข้าไปอยู่ที่จวนอ๋อง
ทว่าเมื่อเช้า โหวหงชางกลับส่งคนมาอีกรอบ ชายผู้นั้นแจ้งแก่นางว่า หนังสือหย่าถูกสกัดเอาไว้ก่อนถึงสำนักทะเบียนโดยฝีมือของฮองไทเฮา ความหวังที่จะได้เป็นชายาเอกของโหวหงชางมลายหายไปในชั่วพริบตา
เจียวจื่ออิงรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าฮองไทเฮารังเกียจอะไรนางนักหนา นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่สกุลเจียว แต่ฮองไทเฮากลับรักใคร่เอ็นดูเจียวเจียงเจียงมากกว่าตน นางรู้ดีว่าสาเหตุประการหนึ่งที่หญิงแก่ผู้นั้นดึงดันที่จะให้เจียวเจียงเจียงแต่งเข้าไปในฐานะชายาเอก เป็นเพราะฮองไทเฮาไม่ต้องการให้นางแต่งงานกับโหวหงชาง
นังแก่นั่น เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
"ใจเย็นๆ ก่อน แม่คิดว่ามันยังพอมีหนทางอยู่"
"หนทางอะไรหรือเจ้าคะ"
"แม่คิดว่าลูกต้องยอมแต่งเข้าไปเป็นชายารองก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดหาทางกำจัดนังหญิงชั้นต่ำเจียวเจียงเจียง เมื่อกำจัดมันได้ก็ค่อยให้จวิ้นอ๋องยกเจ้าเป็นชายาเอกแทนนาง"
"จะดีหรือเจ้าคะ ลูกต้องไปเป็นรองของนังเจียงเจียงนะเจ้าคะ"
"ดีสิ ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากเจ้าไม่ยอมก็ตัดใจจากจวิ้นอ๋องไปแต่งงานกับคุณชายสกุลอื่นๆ แทนเถอะ" ซูซินจี๋เอ่ยด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ บัดนี้ เจียวจื่ออิงอายุได้ 18 ปีแล้ว เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะแต่งงาน แต่หากล่าช้ากว่านี้ไปอีกหนึ่งปีก็ไม่มีบุรุษผู้ใดอยากแต่งด้วยแล้ว แม้จะไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นสาวเท้อแห้งเหี่ยวอยู่คาเรือน แต่ก็ต้องยอมทำใจเพราะเจียวจื่ออิงไม่มองบุรุษใด หมายมาดแค่เพียงตำแหน่งชายาเอกของโหวอ๋องเท่านั้น
"ไม่มีทางเจ้าค่ะ คนอย่างลูกไม่ยอมหยุดอยู่ที่ตำแหน่งฮูหยินหรอกเจ้าค่ะ ลูกจะต้องได้เป็นชายาของจวิ้นอ๋องเท่านั้น" นางกล่าววาจาหนักแน่น ดวงตาวาววับขึ้นอย่างหมายมาด