บทที่ 9
ยิ่งได้เห็นแววตาที่จ้องมองเขาราวกับพยัคฆ์รอขย้ำเหยื่อ เขาก็อดสะท้านในอกวูบหนึ่งไม่ได้ หากบอกราคาที่นางไม่พอใจ นางคงไปร้านอื่นทันที
แต่แววตาของนางที่มองเขาอยู่ในยามนี้ ช่างให้ความคุ้นเคยที่ประหลาด แต่เขาก็ตอบไม่ได้ว่าเคยเห็นแววตาที่คล้ายกับนางจากที่ใด
“ข้าหมอหวง เจ้าเล่าชื่อแซ่อันใด”
“ข้าแซ่ฟู่ นามจือหลิน เจ้าค่ะ” จือหลินลุกขึ้นคารวะหมอหวงอย่างนอบน้อม ตามแบบซีรีส์ที่เคยผ่านตานางมา
“เช่นนั้นสองพันตำลึงทองเจ้าพอใจหรือไม่” จือหลินลองคคิดค่าเงินคร่าวๆ จากที่นางจ่ายค่าเกวียนและค่าเข้าเมืองอย่างใช้ความคิด
“สองพันห้าร้อยตำลึงทอง ข้าให้เจ้าเต็มที่แล้ว” หมอหวงที่เห็นจือหลินขมวดคิ้วคิดก็คิดว่านางไม่พอใจกับราคาที่เขาให้จึงกัดฟันเพิ่มให้นางอีกห้าร้อยตำลึงทอง
“เจ้าค่ะ แล้วถ้าดอกนี้เล่า” จือหลินเมื่อได้ราคาที่นางพอใจก็เริ่มหยิบดอกสีดำกับสีม่วงออกมาอย่างละดอก
“สวรรค์ เจ้า เจ้า โชคดีเกินไปแล้ว” หมอหวงกระโดดลุกจากเก้าอี้อย่างตกใจ เมื่อเห็นเด็กน้อยนำเห็ดหลินจือออกมาอีกสองดอก
“เจ้าต้องการให้ข้าตกใจจนตายหรือ” เขาถลึงตามองจือหลิน เมื่อเห็นนางขบขันกับท่าทางตกใจของเขา
“เหอะ หากมีอีกก็รีบเอาออกมาให้หมดเสีย ข้าจะได้ตกใจทีเดียว” จือหลินนางยังไม่หยิบออกมา เพราะต้องการจะฟังก่อนว่าจะได้ราคาเท่าใด
“ท่านซื้อเท่าใดเจ้าคะ” หมอหวงอ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก นางจะฉลาดเกินไปแล้ว เขารู้ว่านางยังมีในตะกร้าอีก แต่ไม่ยอมเอาออกมาเพราะกลัวว่าจะได้ราคาน้อยลง
“เหอะ เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ ดอกดำข้าให้สี่พันตำลึงทอง ส่วนดอกม่วงข้าให้หกพันตำลึงทอง” จือหลินไม่คิดว่ายุคนี้จะให้ราคาเห็ดสีดำกับสีม่วงมากกว่าสีแดง
หากต่อไปพวกเขารู้ว่าสรรพคุณยาเห็ดหลินจือแดงมีมากกว่าสีอื่นไม่รู้จะทำหน้าเช่นไร แต่ก็อย่างว่าคงคิดว่าสีดำกับสีม่วงหายากกว่าสีแดงก็เป็นไปได้
“เช่นนั้นข้าก็ขายทั้งหมดเจ้าคะ” จือหลินนำเห็ดที่เหลืออย่างละดอกออกมาว่างจนเต็มโต๊ะ หมอหวงแทบอย่างจะทึ้งผมตนเอง เพราะเขาไม่เคยพบเห็ดหลินจือที่ดอกใหญ่เช่นนี้มาก่อนทั้งยังมีมากถึงหกดอกตรงหน้าเขา โดยคนที่เก็บได้เป็นเพียงเด็กน้อยวัยสิบหนาว
เขาต้องมองนางเสียใหม่แล้วที่กล้าแบกตะกร้าเข้าเมืองโดยมีของล้ำค่านี้อยู่บนหลังเพียงผู้เดียว
“บิดามารดาของเจ้าเล่า” เขาเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยเมื่อบอกให้หลงจู๊ไปจัดการเรื่องเงินมาให้จือหลินแล้ว
“มารดาข้านางป่วยจึงไม่อาจเดินทางเข้าเมืองได้ ส่วนบิดาสารเลวข้าไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด” นางจิบชาพร้อมทั้งเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ
หมอหวงไม่รู้จะต้องตกตะลึงเรื่องของจือหลินมากน้อยแค่ไหน
“นี่ตั๋วเงินของเจ้า” หมอหวงส่งตั๋วเงินให้จือหลิน
นางไม่แม้แต่จะตรวจนับ นางดึงตั๋วห้าสิบตำลึงออก จากนั้นก็โยนทั้งหมดเข้าถุงแล้วใส่ลงตะกร้าอย่างไม่เห็นว่ามีค่า
“ไม่นับก่อนรึ” หมอหวงจ้องมองจือหลินอย่างไม่อยากเชื่อ เงินเป็นหมื่นตำลึงทองนางทำราวเป็นเพียงใบไม้เท่านั้น
“ข้าดึงออกมาห้าสิบตำลึงเงิน ประเดี๋ยวจะเอาไปฝากที่ร้านฝากเงิน ทั้งหมดก็จะเหลือ สองหมื่นสี่พันเก้าร้อยเก้าสิบห้าตำลึงทอง หากท่านให้ไปครบข้าก็ค่อยมาเอาเพิ่มเจ้าค่ะ” จือหลินแสร้งทำใบหน้าใสซื่อ
“เจ้าคิดได้ไวถึงเพียงนี้” หมอหวงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ ที่เด็กหญิงตัวเล็กจะรู้เรื่องคำนวณที่แม้แต่เขายังต้องใช้ลูกคิด แต่นางกลับไม่ได้ใช้ลูกคิดก็คิดออกมาได้แล้ว
จือหลินก้มหัวคารวะให้ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไปราวกับนางเพียงเข้ามาตรวจรักษาโรคเท่านั้น
เพราะตะกร้าของนางยังมีผักป่าอยู่ ทุกคนจึงคิดว่านางเข้ามาขายผัก เมื่อขายไม่ได้ก็ออกไปจากโรงหมอเท่านั้น หากจือหลินได้ยินความคิดของผู้อื่นนางคงจะมองพวกเขาราวกับมองคนโง่ จะมีผู้ใดเข้ามาขายผักในร้านยาเล่า
ค่าเงิน
1 อิแปะ = 1 เหรียญทองแดง
1 ก้วน = 100 อิแปะ
1 ตำลึงเงิน = 1 ก้วน (100 อิแปะ)
1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน
หลงจู๊เมื่อเห็นจือหลินเดินออกจากห้องรับรองไปแล้ว แต่ยังไม่เห็นหมอหวงออกมา เขาก็เลยเดินเข้ามาดูในห้อง ก็พบหมอหวงที่นั่งเหม่อลอยอย่างคนไม่มีสติ
“ท่านหมอขอรับ” หลงจู๊สะกิดเรียกหมอหวง เมื่อเรียกเขาแล้วเขาไม่ได้ยิน
“ข้าไม่เคยพบเจอเด็กที่ใดฉลาดเพียงนี้มาก่อน” เขาพึมพำออกมาเบาๆ
หมอหวงสั่งให้คนของเขาเก็บเห็ดหลินจือทั้งหมดลงหีบอย่างเบามือ ก่อนที่เขาจะเร่งออกเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อนำเห็ดไปให้นายท่านเจ้าของโรงหมอทันที
ถึงจะบอกว่าเงินที่เขาจ่ายให้จือหลินนับว่ามากแล้ว แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาย่อมมากกว่านี้หลายเท่านัก ไม่รู้ว่าเมื่อเห็ดหลินจือถูกนำเข้าลานประมูลจะเกิดคลื่นใต้น้ำในเมืองหลวงที่ใหญ่มากเพียงใด
จือหลินนางไม่อาจล่วงรู้สิ่งที่หมอหวงคิดได้ นางซื้อข้าวสาร แป้ง เนื้อหมู เครื่องปรุงต่างๆ ที่นางพอจะหาได้และผักเสร็จก็กลับไปที่เกวียนวัว
ลุงจงมองสิ่งของที่นางซื้อมาอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าผักป่าเพียงตะกร้าเดียวนางจะหาซื้อของมาได้มากถึงเพียงนี้
จือหลินนางทิ้งผักป่าของนางไปแล้วและใส่ของอย่างอื่นไว้ด้านบนตั๋วเงินที่นางได้มาอีกที จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านล่างเป็นตั๋วเงินเกือบสามหมื่นตำลึงทอง
เมื่อกลับถึงหมู่บ้านจือหลินกล่าวขอบคุณลุงจง ก่อนจะดินกลับเรือนอย่างรวดเร็ว แม้ผู้ใดจะเอ่ยถามนางก็เพียงตอบคำถามแต่ไม่ได้หยุดเท้าพูดคุย ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นห่วงมารดาจึงไม่ได้รั้งตัวไว้