บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

รุ่งเช้าสองแม่ลูกก็ตื่นมาอย่างสดชื่น เมื่อทานมื้อเช้าเรียบร้อยต่างก็ช่วยกันนำเห็ดที่จือหลินหั่นไว้เมื่อวานไปตากแดดทันที

“ท่านแม่ข้าจะเข้าเมืองต้องเดินทางไปเช่นไรเจ้าคะ” จือหลินเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อจัดการนำเห็ดตากแดดแล้ว

“หากเจ้าขึ้นเกวียนวัวหน้าหมู่บ้านก็ต้องรีบเตรียมตัวแล้ว” ลี่อินขมวดคิ้วคิด

เพราะว่านางก็ไม่ได้เมืองมานับสิบปีแล้ว หมู่บ้านไห่เหอ อยู่ห่างจากเมืองกว่างซียี่สิบลี้ (1ลี้=500เมตร) หากเดินเท้าก็ต้องมีถึงหนึ่งชั่วยาม หากนั่งเกวียนวัวก็เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

หมู่บ้านไห่เหอมีลุงจงเป็นผู้ขับเกวียนรับส่งคนในหมู่บ้าน โดยมีค่านั่งเกวียนคนละสองอิแปะ (ค่าเงินในยุคนั้น) เพราะระยะทางไปกลับเพียงครั้งละหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ลุงจงจึงว่งเกวียนไปกลับไปวันละสองรอบ

หากจือหลินนางจะเข้าเมืองวันนี้ก็คงต้องเตรียมตัวออกจากเรือนได้แล้ว จือหลินจึงเก็บเห็ดหลินจือที่ผึงแห้งแล้วใส่ลงในถุงที่มารดาเตรียมไว้ให้ ก่อนจะรีบแบกตะกร้าออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว

ลี่อินต้องวิ่งออกมาจากเรือนเพื่อนำเงินให้จือหลินติดตัวไปเป็นค่าเกวียนและค่าเข้าเมือง เพราะนางรีบร้อนจนลืมแม้กระทั่งจะขอเงินจากมารดา

“อ้าวหลินเออร์ เจ้าจะรีบร้อนไปที่ใด” ชาวบ้านที่หน้าหมู่บ้านเอ่ยถามเด็กสาวอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งนักที่นางจะออกมาจากท้ายหมู่บ้าน

“ท่านป้า ข้าจะเข้าเมืองนำของป่าไปขายเจ้าค่ะ ไม่รู้จะทันเกวียนวัวหรือไม่” นางปาดเหงื่อที่เร่งรีบจากการเดินบอกกล่าวหญิงวัยกลางคนที่ถามนาง

“ทันทัน รีบไปเสีย ตาแก่จงยังไม่ออกเกวียน” จือหลินก้มหัวขอบคุณก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

“หลินเออร์เจ้าจะเข้าเมืองหรือ” ลุงจงที่กำลังจะออกเกวียนก็เอ่ยถามเมื่อเห็นนางเร่งฝีเท้ามาทางเกวียน

“เจ้าค่ะ” จือหลินหยุดหอบของเกวียนก่อนจะคลำหาเหรียญอิแปะที่มารดาให้มาแล้วส่งให้ลุงจง

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ขึ้นมานั่งข้างข้าด้านหน้านี้” ลุงจงตบที่ข้างที่นั่งของเขา เพราะด้านในมีคนนั่งอยู่เต็มแล้ว

“ท่านรับไปเถิดเจ้าค่ะ” จือหลินที่ขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วก็ยังคงยื่นเงินให้อย่างไม่ยอม

“ตัวเล็กเพียงนี้จะหนักอันใดเล่า ข้าไม่เอาเงินเจ้าหรอกเก็บไว้เสียเถิด” ลุงจงโบกมืออย่างไม่ยินยอมเช่นกัน

ภรรยาของเขาก็เอ็นดูจือหลินมากนัก ทุกครั้งที่เห็นนางตัวเล็กเพียงนี้ แต่ต้องแบกตะกร้าขึ้นเขาเพื่อหาของป่าก็นำกลับมาเล่าให้เขาฟังที่เรือนอยู่เสมอ

เมื่อถึงหน้าเก็บเกี่ยวเขายังแบ่งข้าวที่ปลูกกับแป้งไปให้สองแม่ลูกที่เรือนท้ายหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ เพราะทั้งคู่ไม่มีที่ทำกินเช่นผู้อื่น อีกอย่างทั้งเขาและภรรยาก็อดที่จะเห็นสองแม่ลูกที่อาภัพไม่ได้

ลุงจงถามจือหลินว่านางจะเข้าเมืองด้วยเรื่องอันใด เมื่อรู้ว่านางจะนำของป่าไปขายก็แนะนำให้นางไปขายให้กับผู้ใด หรือตั้งขายที่ใดถึงจะขายดีอีกด้วย

“ท่านปู่จง ท่านช่วยแนะนำร้านยาให้ข้าได้ไหมเจ้าคะ” จือหลินพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูน่าเอ็นดูที่สุด แม้ดวงตาของนางไม่ได้ฉายแววเช่นเด็กน้อยทั่วไปก็ตาม

“ไปที่ร้านยาฟาไฉ ขายหรือซื้อล้วนให้ราคายุติธรรม” ลุงจงคิดว่าลี่อินนางเจ็บป่วยอีกแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้

เด็กน้อยวัยเพียงสิบหนาวกลับต้องคอยดูแลมารดาจนไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเช่นเด็กคนอื่น แล้วครั้งนี้นางยังต้องเข้าเมืองเพื่อขายผักป่าที่มีอยู่ทั่วไปมาซื้อยาให้มารดาอีก

ลุงจงจึงบอกจือหลินก่อนที่นางจะลงจากเกวียนว่า หากเงินไม่พอให้วิ่งมาหาเขาที่เกวียนวัวหน้าประตูเมืองถึงอย่างไรก็เป็นเที่ยวสุดท้ายแล้วไม่ได้กลับเข้าหมู่บ้านแต่จะจอดรออยู่ที่หน้าประตูเมือง

จือหลินกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเดินไปจ่ายค่าเข้าเมืองคนละหนึ่งอิแปะ แล้วเดินไปตามทิศทางที่ลุงจงได้บอกกล่าวนางไว้อย่างรวดเร็ว

เพราะถามมาแล้วว่าควรไปร้านไหนดีจึงไม่ต้องไปเดินถามขายให้กับร้านอื่น

“มาซื้อยาหรือขายสมุนไพรเล่า” เสี่ยวเอ้อหน้าร้านก็ไม่ได้ดูถูกจือหลินที่เห็นนางเป็นเด็กน้อยเสื้อผ้ามีแต่รอยปะชุน

“มาขายเจ้าค่ะ” จือหลินไม่โง่พอที่จะนำเห็ดหลินจือออกมาให้ดูหน้าร้าน เพราะยังมีชาวบ้านเดินเพ่นพ่านไปมาอย่างหนาตา

จือหลินนำตะกร้ามาวางด้านหน้าของนาง พร้อมเปิดแง้มให้เสี่ยวเอ้อดูถุงที่ใส่เห็ดหลินจือเพียงเขาเห็นผู้เดียว

“เจ้าเดินตามข้ามาทางนี้” เสี่ยวเอ้อรีบแหวกทางให้จือหลินจากชาวบ้านที่เขามาถามซื้อยา ก่อนจะพานางเข้าไปในห้องรับรองที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวเอ้อยังนำน้ำชากับของว่างเข้ามาให้นางได้ดื่มกินตามคำสั่งของท่านหมอ ที่ยังไม่อาจปลีกตัวมาจากตรวจคนป่วยได้

“ไหน นำออกมาให้ข้าดูเสียหน่อย” เสียงของชายชราที่รีบร้อนเข้ามาเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูห้องรับรอง

ทั้งท่านหมอและจือหลินต่างมองประเมินกันและกันก่อนที่เขาจะมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับนาง

หมอหวงไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่นำเห็ดหลินจือมาขายจะเป็นเด็กน้อยเพียงเท่านี้ แต่ท่าทางที่จิบชาของนางตอนที่เขาเข้ามาหากไม่บอกเป็นสตรีชาวบ้านคงคิดว่านางเป็นคุณหนูตกยากเป็นแน่

จือหลินก็มองชายชราตรงหน้าเช่นกัน จ้องมองไปที่แววตาที่มองมาที่นางเมื่อไม่เห็นถึงความเหยียดหยามและสายตาละโมบเมื่อรู้ว่านางนำสิ่งใดมาจึงได้หยิบเห็ดหลินจือดอกแดงออกมาหนึ่งดอก

“สวรรค์ เจ้าไปหามาจากที่ใด” หมอหวงลูบเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่กว่าสองฝ่ามือของเขารวมกันอย่างสั่นเทา

“ท่านรับซื้อหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินนางไม่ตอบคำถามแต่เอ่ยถามเข้าเรื่องแทน

“ซื้อ ซื้อ แน่นอน เจ้าจะขายเท่าใด”

“หึหึ เป็นข้าที่ต้องถามไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่าท่านซื้อเท่าใด” จือหลินเลิกคิ้วถาม

“ใช่ ใช่ ข้าขอคิดก่อน” หมอหวงจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่านางจะฉลาดมากเช่นนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel