บทที่ 7
จือหลินดวงตาของนางเปล่งประกายเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนผนังของถ้ำ ก่อนนางจะเงยหน้าหัวเราะเสียงก้องสะท้านไปทั่วถ้ำอย่างบ้าคลั่ง
หากมีผู้ใดผ่านมาบริเวณถ้ำที่นางอยู่คงได้ตกใจเสียงนางจนวิ่งหนีไปแน่ แม้แต่นกที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ใกล้ๆ ถ้ำ ยังต้องบินหนีด้วยความตกใจ
จือหลินหาที่เหมาะๆ ปักคบไฟของนาง ก่อนจะนำมืดที่อยู่ด้านหลังตะกร้าออกมาเพื่อจัดการกับสิ่งที่นางพบเจอ
อย่างน้อยสวรรค์ก็ไม่ได้กลั่นแกล้งนางมากเกินไป ยังพาให้นางมาพบ ‘เห็ดหลินจือ’ มากมายหลายดอก
“ฮ่า ฮ่า ชื่อข้าจือหลิน ข้าถึงได้มาเจอเห็ดหลินจือ” จือหลินนางพูดกับตนเองราวกับคนเสียสติ
นางเก็บเห็ดลงมาจากผนังอย่างเบามือ พร้อมกับฮัมเพลงอย่างสบายใจ แม้นางจะเรียนแพทย์แผนปัจจุบันไม่ใช่แพทย์แผนจีน แต่ความรู้เรื่องสมุนไพรนางก็พอมีติดตัว
หลินหลินจือที่นางพบบางดอกมีอายุหลายร้อยปี บางดอกนับพันปีก็มี หากมองไปตามผนังถ้ำดีๆ จะพบรากของต้นไม้ที่แห้งตายมาเป็นเวลานานจึงทำให้เกิดเห็ดหลินจือขึ้นมาได้
จือหลินมิได้เก็บไปทั้งหมดในทันที ถ้ำแห่งนี้ไม่มีผู้ใดรู้ถึงการมีอยู่ของมัน นางค่อยขึ้นมาเก็บในภายหลังก็ยังได้ นางเลือกเก็บไปสีละสองดอก เพื่อดูว่าในยุคนี้สีใดขายได้เงินมากที่สุด
เห็ดหลินจือที่พบมีสี แดงที่เห็นได้มากที่สุด สีดำและสีม่วงที่จัดว่าหายาก แต่ไม่ใช่ในยุคของนางไม่ว่าจะสีอะไรล้วนแต่ถูกเพาะเลี้ยงออกมาได้ทั้งสิ้น
นางเก็บดอกสีแดงไปมากหน่อยเพื่อใช้บำรุงร่างกายให้มารดานาง เห็ดหลินจือแดงช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและยังช่วยเรื่องนอนไม่หลับของมารดาด้วย
จือหลินนำใบไม้มาห่อเห็ดแต่ละดอกอย่างเบามือ ขนาดของแต่ละดอกเมื่อวางลงไปในตะกร้าของนางก็มีขนาดใหญ่เท่าตะกร้าเสียแล้ว เมื่อวางซ้อนๆ กัน ก็แทบจะล้นออกมาจากตะกร้า
จือหลินจึงใช้ผักป่าปิดคลุมด้านบนอีกชั้น หากพบเจอชาวบ้านจะได้คิดว่านางขึ้นเขามาเก็บผักป่า นางยังเก็บดอกเล็กๆ เท่ากำมือไปอีกหลายดอกเพื่อไปฝากชาวบ้านที่มักจะนำอาหารมาให้พวกนางสองแม่สองตั้งแต่นางเกิดอีกด้วย
เพราะระยะทางขึ้นเขาที่ไกลกว่าทุกครั้ง เมื่อลงมาจากเขาได้ เรือนผู้อื่นก็เกือบจะดับไฟนอนเสียแล้ว
จือหลินเข้าไปในเรือนก็พบมารดาที่นั่งรออยู่ที่ข้างประตูห้องโถงเช่นทุกครั้ง นางเดินเอาตะกร้าไปไว้ด้านหน้าของมารดา พร้อมทั้งเปิดออกเพื่ออวดสิ่งที่นางได้มาในวันนี้
“สวรรค์ หลินเออร์ เจ้าไปพบมาจากที่ใด” ลี่อินยกมือขึ้นปิดปากเพราะกลัวเสียงร้องของนางจะไปถึงเรือนของผู้อื่น
ก่อนจะเดินออกไปมองรอบเรือนว่ามีผู้ใดมองมาที่เรือนของนางหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจ นางก็รีบดึงตัวจือหลินและตะกร้าเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว
“ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าคือเห็ดอันใด” จือหลินมองมารดาอย่างแปลกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าสตรีชาวบ้านจะมีความรู้เช่นกัน
“เมื่อก่อนท่านตาของเจ้าเคยพบครั้งหนึ่งในป่าลึก แต่ก็เล็กเพียงฝ่ามือเท่านั้น ไม่ได้ใหญ่เช่นนี้ อีกอย่างเห็ดของเจ้าใยมีถึงสามสีได้เล่า” ลี่อินลูบไปตามดอกเห็ดอย่างตกตะลึง
จือหลินจึงอธิบายสรรพคุณของแต่ละชนิดให้มารดาฟังอย่างใจเย็น ทั้งยังบอกนางอีกด้วยว่าเห็ดหลินจือสีแดง นางจะเก็บไว้ใช้บำรุงร่างกายของมารดา
“ไม่ต้องๆ แม่กินไม่ลงหรอก” ลี่อินรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว เห็ดหลินจือที่บิดานางมาได้ก็มีราคาถึงห้าสิบตำลึงทองแล้ว แต่เพราะตอนนั้นยังไม่ได้แยกเรือนจึงต้องแบ่งให้บ้านใหญ่ ต่อมาเงินที่เหลือก็แทบจะหมดไปกับการรักษาตัวของบิดามารดาที่ล้มป่วยเพราะตรอมใจเรื่องของนาง
“ท่านแม่ข้าบอกท่านแล้วใช่หรือไม่ เรื่องในอดีตอย่าได้นึกถึง ต่อให้มีราคาแพงแล้วอย่างไร ชีวิตท่านไม่สำคัญกว่าเงินหรือ” จือหลินจ้องมองใบหน้าของลี่อินอย่างจริงจัง เมื่อเห็นมารดามีดวงตาที่เศร้าลงเมื่อเอ่ยเรื่องที่ท่านตาพบเห็ดหลินจือในครั้งนั้นให้ฟัง
“ได้ๆ แม่จะกินให้หมดเลย หลินเออร์จะได้ไม่เสียใจที่อุตส่าห์ขึ้นเขาไปทั้งวัน” ลี่อินลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่
จือหลินนางเริ่มจะชินกับการสัมผัสของลี่อินแล้วจึงไม่ได้หลบเลี่ยงเหมือนครั้งแรกๆ สองแม่ลูกช่วยกันล้างทำความสะอาดเห็ดอย่างเบามือ ก่อนจะนำไปวางผึ่งลมให้แห้ง
จือหลินไม่รู้ว่าในยุคนี้นิยมขายแบบสดหรือต้องนำไปตากแดดเสียก่อนนางจึงไม่คิดที่จะทำอะไรกับเห็ดที่ได้มาทั้งนั้น เมื่อแยกส่วนที่จะเก็บไว้บำรุงมารดาและของที่จะไปมอบให้ชาวบ้านออกมาแล้ว
จือหลินนำเห็ดหลินจือแดงที่เป็นส่วนของมารดาเข้าครัวไป นางหั่นให้เป็นชิ้นบางๆ เพื่อจะนำไปตากแดดแล้วบดให้เป็นผงเพื่อไว้ให้มารดาชงดื่มกินเป็นชาก่อนนอน แต่ในตอนนี้นางต้มให้กินทั้งที่ยังไม่ได้ตากแดดก่อน แม้จะมีรสขมกว่าก็ตาม อย่างไรสรรพคุณทางยาก็ไม่ต่างกัน
ไม่ใช่แค่ร่างกายของลี่อินที่ต้องบำรุง จือหลินนางก็ดื่มก่อนนอนเช่นกัน เมื่อได้ลองกินแบบชิ้นสดหั่นบางต้มในน้ำ จือหลินก็รู้ได้ทันทีว่าหลังจากนี้นางควรดื่มแบบที่ตากแห้งแล้ว เพราะขมจนกินไม่ไหวทีเดียว
แต่หากมีน้ำผึ้งก็คงจะดี แต่อย่าได้คิดเชี่ยว ไม่เช่นนั้นก็ต้องขึ้นเขาไปหาน้ำผึ้งอีก ไว้มีเงินค่อยหาซื้อติดเรือนไว้ก็แล้วกัน
สองแม่ลูกเมื่อดื่มชาเห็ดหลินจือแล้วก็เข้านอนทันที คืนนี้ลี่อินนอนหลับสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จือหลินก็เช่นกัน แต่น่าจะมาจากความเหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นเขาเสียมากกว่า